№ 288 กลับบ้าน!
ยังไม่ถึงหน้าประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่ง ครอบครัวที่ได้ยินว่านางกลับมาก็รออยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเบิกบานสำราญใจ
เฟิ่งเซียวประคองท่านผู้เฒ่าเฟิ่งยืนรออยู่หน้าประตู แววตาที่เอ่อล้นด้วยความสุขมองไปบนถนนใหญ่ตลอดเวลา พูดไปเรื่อยด้วยความตื่นเต้น
“เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย ออกจากบ้านไปก่อนไม่บอกไม่กล่าว หลายวันนี้ข้าหลับไม่สบายนัก กังวลอยู่ทุกวันว่านางไปข้างนอกจะพบเจออันตรายหรือไม่ ท่านว่าหากนางพาองครักษ์ไปด้วยสักสองสามคนยังดี แต่พาไปแค่แม่หนูเหลิ่งซวงคนนั้น ดีที่ตอนนี้กลับมาอย่างปลอดภัย หินก้อนใหญ่บนอกข้าในที่สุดก็วางลงได้เสียที”
“ฮึ! เจ้านี่ช่างอ่อนแอนัก”
ท่านผู้เฒ่าเหล่มองเขาแวบหนึ่ง แต่บนหน้ากลับยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความปลาบปลื้มและตื่นเต้นที่กระจายออกมาจากก้นบึ้งหัวใจแผ่ซ่านไปสู่ผู้คนรอบข้าง ทำให้ทุกคนต่างเฝ้ารอการกลับมาของคุณหนูใหญ่
“มาแล้วๆ! คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว!”
มีข้ารับใช้ตะโกนด้วยความประหลาดใจ ชี้ยังร่างสีขาวที่ปรากฏตัวอยู่บนถนนใหญ่
เพราะเฟิ่งจิ่วขี่เหล่าไป๋เดินมาช้าๆ และอยู่บนที่สูง คนจึงเห็นแทบทันทีที่ปรากฏตัว หลังผู้คนผ่านความระรื่น เห็นใบหน้าเสียโฉมของคุณหนูใหญ่ที่ค่อยๆ มาใกล้ฟื้นคืนรูปลักษณ์อันงามเลิศเช่นแต่ก่อนจริงๆ ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตะลึงอย่างอดไม่ได้
“ท่านผู้เฒ่า นายท่าน ใบหน้าคุณหนูใหญ่หายดีแล้วจริงๆ ขอรับ!”
“ฮ่าๆๆ แม่หนูเฟิ่งกลับมาแล้ว เร็วเข้า รีบจุดประทัดเร็ว!”
ท่านผู้เฒ่าตะโกนด้วยความดีใจ หลังน้ำเสียงเขาสิ้นสุดลง เสียงประทัดก็ดังขึ้นหน้าประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่ง ดึงดูดคนรอบๆ ให้ล้อมเข้ามาทันใด แต่ละคนต่างมองกันอย่างอยากรู้อยากเห็น
เฟิ่งจิ่วที่ขี่เหล่าไป๋เข้ามาช้าๆ เห็นท่าทางครอบครัวปิติยินดีมาแต่ไกล ผุดรอยยิ้มออกมาฉับพลัน เห็นพวกเขาจุดประทัดขึ้นมาตรงทางเข้าบ้าน สักพักบรรยากาศที่ครึกครื้นรื่นรมย์ก็กระจายออกมา
หยางหยางที่นั่งอยู่ข้างหน้าเห็นทิวทัศน์ที่คึกคักนี้ก็พิงหลังมาน้อยๆ มือหนึ่งจับแขนเสื้อนางไว้ ทั้งมีความสุขและขลาดกลัวอยู่บ้าง
พอสังเกตเห็นเขาอยู่ไม่สงบ เฟิ่วจิ่วหัวเราะ ลูบศีรษะเล็กๆ นั่นเบาๆ ถึงจะมองยังสองคนที่เข้ามารับหน้าพร้อมขานเรียก
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมบอกว่าจะไปก็ไปไม่ปรึกษาพ่อเสียหน่อยเล่า? ทำให้ช่วงนี้พ่อเป็นห่วงอยู่ตลอด ตอนนี้กลับมาก็ดี กลับมาก็ดีแล้ว”
เขาเข้ามาจูงเหล่าไป๋ เห็นเด็กน้อยที่นั่งอยู่ด้านหน้า จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เด็กคนนี้มาจากไหนกัน?”
เฟิ่งจิ่วพลิกตัวลงจากม้า ค่อยอุ้มหยางหยางลงมา
“จะถามมากมายเพียงนั้นไปทำไม? นี่ยังอยู่บนถนนนะ! เร็วๆๆ กลับเข้าบ้านก่อนค่อยคุยกัน” ท่านผู้เฒ่าถลึงมองเฟิ่งเซียวแล้วให้คนจูงม้าออกไป ใครจะรู้พอทหารอารักขาชำเลืองมองก็ลากเหล่าไป๋ไม่ขยับเลย
“คุณหนูใหญ่ ม้าตัวนี้ลากไม่ไปเลยขอรับ” ทหารอารักขาคนนั้นจับๆ จมูกพูดหน้าเจื่อนๆ
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ เข้าไปลูบหัวเหล่าไป๋พูดตรงข้างหูสองสามประโยคก็เห็นเหล่าไป๋แกว่งหางไปมา ถึงจะกระทืบกีบม้าเดินไปข้างหน้า
ส่วนฉิวฉิวที่ปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็วิ่งเข้าไปก่อนแล้วก้าวหนึ่ง จึงวิ่งวนอยู่ภายในจวนตระกูลเฟิ่ง
“ฮ่าๆ ม้าตัวนี้ไม่เลวเลย แค่รูปร่างประหลาดไปหน่อย” เฟิ่งเซียวหัวเราะร่า มองเหล่าไป๋ที่รูปร่างเหมือนม้าหน้าตาเหมือนมังกร สงสัยนิดหน่อยว่าเป็นตัวอะไรกันแน่?
“ท่านปู่เฟิ่ง ท่านอาเฟิ่ง” น้ำเสียงไร้เดียงสาเรียกอย่างมีความเขินอาย
ท่านผู้เฒ่ากับเฟิ่งเซียวนิ่งอึ้ง เห็นเด็กคนนั้นอิงแอบอยู่ข้างกายแม่หนูเฟิ่ง
ดวงตาสดใสมีความกระวนกระวายและประหม่าเล็กน้อย ทั้งสองจึงยิ้มและเอ่ยชมอย่างอดไม่ได้
“เด็กดี ไป เข้าไปก่อนเถอะ!”
พวกเขาเดินเข้าไปด้านใน ทว่าด้านหลังก็มีเสียงเรียกเบาๆ แว่วมา กลับทำให้พวกเขาต่างหยุดฝีเท้าลง…
………………………………