Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 296

№ 296 กลั่นยาเซียนล่อสายฟ้า!

“ท่านพ่อ ท่านว่าชิงเกออยู่ด้านในมาสามวันสามคืนแล้ว คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกกระมัง? ข้าต้องลองเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”

เฟิ่งเซียวพูดอย่างกังวลอยู่เล็กน้อย เขาที่ยืนอยู่นอกประตูเรือนถูกขวางไว้ไม่ให้เข้าไป ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในห้องเป็นเช่นไรกันแน่?

ท่านผู้เฒ่ามองเขา บอกว่า “แม้แต่ข้ายังยืนรออยู่ตรงนี้เจ้าไม่เห็นรึ? แม่หนูเฟิ่งบอกแล้วว่าใครก็เข้าไปรบกวนนางไม่ได้ เมื่อต้องออกมาจะออกมาเอง สบายใจเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก”

แม้จะพูดเช่นนี้สองดวงตากลับมองไปด้านในเรือนหลังนั้นอยู่เรื่อยๆ

บอกไม่ร้อนใจไม่เป็นห่วงนั่นเป็นเรื่องหลอกทั้งนั้น นี่ก็สามวันสามคืนแล้ว แม่หนูนี้นอกจากที่เหลิ่งซวงคอยส่งอาหารให้บ้างก็ไม่กลับไปพักผ่อนเลย เป็นแบบนี้ต่อไปจะได้รึ?

คิดไปคิดมา เขามองยังเหลิ่งซวงที่เฝ้าอยู่ในสวน กล่าวว่า “เจ้าลองไปดูอีกทีซิ นางจะออกมาหรือยัง?”

ทว่าเหลิ่งซวงกลับยืนอยู่ไม่ขยับ เอ่ยว่า “นายท่านสั่งให้ข้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ นางไม่เรียกข้าก็เข้าไปรบกวนไม่ได้เจ้าค่ะ” ชะงักไปพักหนึ่ง แล้วบอกอีกว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านผู้นำตระกูล พวกท่านกลับไปก่อนเถอะ! ตรงนี้มีข้าเฝ้าอยู่ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกเจ้าค่ะ”

“เฮ้อ! งั้นก็ได้! หากมีเรื่องอะไรต้องแจ้งพวกเรานะ” ผู้เฒ่าเฟิ่งพูดจบก็หมุนตัวสาวก้าวเดินกลับไป กลับเห็นเฟิ่งเซียวยังยืนอยู่ตรงนั้น เอ่ยว่า “ไปสิ เจ้าจะนิ่งอยู่ตรงนี้ทำไม? อยู่ในบ้านตัวเองยังกังวลอะไรอีก?”

เฟิ่งเซียวมองเขาอย่างหมดคำพูด แอบคิดว่า ‘เห็นชัดๆ ว่าตัวเองก็เป็นห่วง ยังจะมาว่าเขาอีก’

กลับไม่เฝ้าอยู่นอกเรือนต่อ แต่เดินไปด้วยกันกับท่านผู้เฒ่า

เห็นทั้งสองท่านออกไป เหลิ่งซวงดึงสายตากลับมาเฝ้าอยู่เงียบๆ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ที่นี่ ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม เมื่อได้กลิ่นหอมยาคละคลุ้งกระจายอยู่ในอากาศก็แปลกใจเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ มองไปทางห้องยาตรงนั้น

นายท่านกลั่นสำเร็จแล้ว?

หากเป็นการปรุงยาน้ำภายในกลิ่นยาหอมกรุ่นจะไม่มีกลิ่นหอมสดชื่น หนำซ้ำกลิ่นหอมยาเช่นนี้ดมแล้วทำให้คนมีชีวิตชีวา ราวกับความเหน็บเหนื่อยทั่วร่างล้วนสลายไป ช่างน่าสงสัยจริงๆ ว่ายาอายุวัฒนะที่นายท่านกลั่นปรุงออกมานี้จะมีฤทธิ์เช่นไร?

แต่ในห้องยาเวลานี้ เฟิ่งจิ่วที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนบนหน้าผากมีเหงื่อไหล กลั้นลมหายใจควบคุมเปลวไฟสุดท้ายเพื่อกลั่นเม็ดยาให้เป็นรูปเป็นร่าง ถึงแม้จะได้กลิ่นหอมยาในอากาศกระจายออกมากลับไม่กล้าชะล่าใจ

จนกระทั่งขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องกลั่นเม็ดยาขึ้นรูป ขณะที่เธอถอนหายใจโล่งอกกลับต้องตกใจเพราะสายฟ้าที่ฟาดลงมาจากท้องฟ้ากะทันหัน

“เปรี้ยง!”

สายฟ้าสายแรกผ่าลงจากท้องฟ้าเสียงดังลั่น ทะลุผ่านหลังคาห้องลงมาบนเตากลั่นยา เธอตกใจเสียจนถอยหลังไปทันทีพร้อมเบิกดวงตาด้วยความตะลึงและเสียขวัญ

“ยา ยาเม็ดนี่ล่อสายฟ้ารึ?”

ในใจเธอทั้งตกใจและตื่นตระหนก เงยหน้ามองยังหลังคาที่ถูกสายฟ้าผ่าจนเป็นรูด้วยความเหลือเชื่อ ทะลุผ่านรูนั้นจะเห็นชั้นเมฆก่อคลื่นกลางอากาศบนท้องฟ้าสีครามดวงอาทิตย์ขาวสว่าง เสียงฟ้าร้องคำรามดังสั่นสะเทือน

“ซวยแล้ว! ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เคลื่อนไหวเสียงดังถึงเพียงนี้ จำต้องทำให้ทุกฝ่ายตกใจตื่นแน่!” เธอพูดกระซิบ ในหัวฉุกคิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เปรี้ยง!”

เมื่อสายฟ้าสายที่สองโจมตีลงมาก็เป็นดั่งที่เฟิ่งจิ่วพูดไว้ ฟ้าร้องกลางวันแสกๆ ทำให้กลุ่มอำนาจแต่ละฝ่ายในเมืองอวิ๋นเยวี่ยตื่นตกใจ แม้แต่ผู้ครองแคว้นในพระราชวังยังตื่นตระหนก ไม่มีใครส่งคนไปตรวจดูแต่ต่างพากันส่งตัวเองออกไปเรียกพลังโผไปยังบริเวณที่มีสายฟ้าประดังกัน

เมื่อท่านผู้เฒ่าในจวนตระกูลเฟิ่งได้ยินเสียงฟ้าผ่าสีหน้าก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ ถือว่าตนเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่มีความรู้กว้างขวางจึงรู้แน่นอนว่าการที่สามารถดึงดูดสายฟ้าได้จะเป็นเรื่องใหญ่โตนัก

เขาก้าวยาวปรี่ไปยังเรือนยาทันที พลางแผดเสียงอย่างกระวนกระวาย “เฟิ่งเซียว! เฟิ่งเซียว! เฝ้าประตูใหญ่ไว้! ใครกล้าบุกเข้ามาฆ่าทิ้งอย่าได้ปรานี!”

………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version