Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 299

№ 299 อยากรู้อยากเห็นเป็นภัยถึงตัว!

ได้ยินคำพูดนี้ ท่านผู้เฒ่าดวงตาเป็นประกาย ตื่นเต้นเสียจนเสียงสั่นขึ้นมาเล็กน้อย “ปู่ได้ยินว่า ต้องเป็นยาอายุวัฒนะที่มีลวดลายห้าสายขึ้นไปถึงจะสามารถล่อสายฟ้ามาได้ หรือ หรือว่ายานี้มีลวดลายห้าสายด้วย?”

“อืม เป็นยานำโชคที่มีลวดลายห้าสายนั่นแหละเจ้าค่ะ”

เธอยิ้มรับเบาๆ มองเขาที่ท่าทางตื่นตาตื่นใจ บอกว่า “ท่านปู่ไปดูด้านหน้าก่อนเสียหน่อยเถอะ หลานกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะเข้าไป กำชับพวกคนใช้ให้ระวังคำพูด ต่อให้ท่านผู้ครองแคว้นถามไถ่ก็ไม่ต้องพูดอะไรเป็นพอ”

แม้ผู้เฒ่าไม่รู้ว่ายานำโชคเม็ดนั้นมีฤทธิ์เช่นไร ทว่ายามนี้ในใจกลับเริงร่าอย่างมาก

“หลานพูดได้ไม่เลว ด้วยเกียรติศักดิ์ของจวนตระกูลเฟิ่งเราคนภายนอกไม่กล้าบุกเข้ามาแน่ แม้เป็นผู้ครองแคว้นก็ไม่อาจหักหน้าบุกรุกเข้าบ้านข้าราชสำนัก หลานไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ! ตอนนี้ปู่จะไปดูสถานการณ์ด้านหน้าหน่อย”

เขากล่าวอย่างลนลาน จัดการอารมณ์เรียบร้อยถึงจะเดินไปเรือนด้านหน้า

เห็นท่าทาง เฟิ่งจิ่วก็เดินเข้าไปในเรือนและสั่งให้คนเตรียมน้ำอาบ

เวลานี้มู่หรงป๋อตรงหน้าประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่งโมโหถึงขีดสุด เคยคิดจะถีบเปิดประตูจวนหรือล้อมกำแพงปีนเข้าไป แต่ฐานะและความหยิ่งยโสไม่อนุญาตให้แสดงการกระทำที่เสียภาพพจน์เช่นนั้น ได้แต่สะบัดเสื้อจากไปกลับไม่อาจปล่อยวาง ด้วยเหตุนี้บรรยากาศจึงตึงถึงขั้นสุดชั่วขณะหนึ่ง

ในตอนนี้เอง ประตูใหญ่ที่เคยปิดสนิทก็เปิดออก ผู้เฒ่าเฟิ่งออกมารับหน้าด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่มีเจตนาขออภัยบางส่วน ส่วนเฟิ่งเซียวที่บึ้งหน้าก็ตามหลังเขาไปพร้อมก้มหัวลงเล็กน้อย ท่าทางพร้อมรับการสอนสั่ง

“โธ่! ต้องโทษกระหม่อมแล้ว กระหม่อมให้เฟิ่งเซียวเฝ้าประตูไว้ไม่ให้ใครเข้ามา นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าแม้แต่ท่านผู้ครองแคว้นก็ตกใจ ซ้ำยังปฏิเสธท่านให้อยู่หน้าประตู เสียมารยาทจริงๆ” ผู้เฒ่าเฟิ่งพูดพร้อมประสานมือขออภัยอยู่ร่ำไป พลางเดินเข้ามาต้อนรับถึงเบื้องหน้าท่านผู้ครองแคว้น

“ท่านผู้ครองแคว้น ขอท่านรีบเข้าไปด้านในเถิดพะยะค่ะ” ผู้เฒ่าเฟิ่งทำท่ามือเชื้อเชิญ แล้วหัวตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อให้เขาเข้าก่อน

มู่หรงป๋อกวาดมองเฟิ่งเซียวทั้งหน้าดำคร่ำเครียด สะบัดแขนเสื้อส่งเสียงหึหนักๆ ถึงจะสาวก้าวเดินเข้าไป

ผู้คนบริเวณไม่ไกลเห็นภาพเช่นนี้ก็มีท่าทางแปลกใจไปเพียงชั่วครู่ มีคนปรี่เข้ามาเรียกท่านผู้เฒ่าเฟิ่งที่กำลังจะสาวก้าวเดินเข้าไปไว้

“เดี๋ยวก่อนท่านผู้เฒ่า”

ผู้เฒ่าหันตัวกลับไปมองยังชายวัยกลางคนสองท่านที่มาด้านหลัง เห็นเป็นผู้นำเหล่าตระกูลใหญ่ในเมืองอวิ๋นเยวี่ยทั้งสองท่านจึงผุดรอยยิ้มเอ่ยถาม “ผู้นำตระกูลทั้งสองมีธุระอะไรรึ?”

ได้ยินคำพูดนี้ ทั้งสองก็แอบนินทาอยู่ในใจ ‘พูดเช่นนี้รู้ดีแต่จงใจถามไม่ใช่หรือ? พวกเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาจะไม่รู้ได้หรือ?’

แม้เป็นเช่นนี้ กลับยังพูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มจางๆ “เป็นแบบนี้ขอรับ พวกเราเห็นสายฟ้าสามสายฟาดลงมาในเรือนของจวนตระกูลเฟิ่ง ไม่ทราบว่าอะไรล่อสายฟ้ามา? ท่านผู้เฒ่าจะคลายข้อสงสัยในใจพวกเราได้หรือไม่เล่า?”

ผู้เฒ่าเฟิ่งหยุดฝีเท้าลง มือหนึ่งลูบๆ เคราพลางมองที่สองคนนั้น สายตามองผ่านผู้คนบริเวณไม่ไกลที่ไม่ได้เข้ามาแต่หลังได้ยินคำพูดนี้แต่ละคนก็เฝ้ารอคำตอบ ผุดรอยยิ้มออก แค่คำพูดหนึ่งประโยคก็ทำให้พวกเขาสะอึกเสียจนแทบตายแล้ว

“ดังคำว่า อยากรู้อยากเห็นอาจเป็นภัยถึงตัว ทั้งสองท่านอายุไม่น้อยแล้ว ที่ไม่ควรสงสัยก็อย่าได้สงสัยเลยจะดีกว่า”

เห็นผู้เฒ่าเฟิ่งที่หมุนตัวเดินเข้าไป ผู้นำตระกูลทั้งสองสีหน้าแดงก่ำ จ้องมองประตูใหญ่จวนที่ค่อยๆ ปิดลงอย่างพูดอะไรไม่ออกเสียเนิ่นนาน…

ฝูงชนที่อยู่ไม่ไกลได้ยินคำพูดนี้ต่างมีสีหน้าตกตะลึง พวกเขานึกไม่ถึงว่าท่านผู้เฒ่าจะไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด เอ่ยวาจาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนั้น ถึงอย่างไรตำแหน่งของทั้งสองท่านในเมืองอวิ๋นเยวี่ยก็ไม่ได้ด้อยเลยนะ!

…………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version