Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 323

№ 323 คนตายที่ยังมีชีวิต?

ผู้คนแทบจะยื่นคอมองจวนตระกูลเฟิ่งหวังว่าจะมีข่าวอะไรออกมาจากที่นั่นเสียหน่อย แต่หากไม่ใช่ข่าวที่จวนตั้งใจปล่อยพวกเขาอยากถามก็แทบถามไม่ได้

เพราะภายในจวนตระกูลเฟิ่งนั้นไม่ว่าจะทหารอารักขาหรือข้ารับใช้ทั้งชายหญิงล้วนผ่านการคัดเลือกที่เข้มงวด หนำซ้ำว่ากันว่าพวกเขามีการแยกกันอยู่นอกและในเรือน คนนอกเรือนไม่สามารถย่างกรายไปยังเรือนด้านหลังจึงทำได้เพียงเฝ้ารับใช้อยู่สถานที่ด้านหน้า

ด้วยเหตุนี้หากอยากจะสอบถามข่าวคราวจวนตระกูลเฟิ่ง พวกเขาต้องส่งข่าวออกมาเองจริงๆ มิเช่นนั้นก็เป็นเพียงการวุ่นวายไปอย่างเปล่าประโยชน์

แต่เรื่องที่เฟิ่งเซียวถูกโจมตีทั้งเมืองต่างรู้ ซ้ำหลังตรวจอาการยังมีท่านหมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตรอดไม่พ้นคืน เช่นนั้น วันนี้ไม่ว่าเป็นหรือตายจวนตระกูลเฟิ่งควรจะส่งข่าว ดังนั้นพวกเขาเพียงต้องรอข่าวลอยมาเองถึงจะรู้เรื่องรู้ราว

ทว่าจนตอนเที่ยงข่าวนี้ถึงจะปล่อยออกมา

“อะไรนะ? เฟิ่งเซียวยังไม่ตายอยู่ในอาการหมดสติกลายเป็นคนตายที่ยังมีชีวิต? แล้วนั่นต่างอะไรกับตายเล่า?”

“ก็ยังไม่ตายเสียทีเดียว ได้ยินว่ายาที่ตลาดมืดส่งมารักษาชีวิตเขาไว้ แต่เพราะพิษรุนแรงซึมเข้าอวัยวะภายใน ประกอบกับซี่โครงถูกกระแทกแตก อวัยวะภายในเสียหายจึงอยู่ในอาการหมดสติ ได้ยินว่าไม่น่าจะฟื้นขึ้นมาแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็มีคนหนึ่งถามว่า “เรื่องจริงหรือนี่? หากกลายเป็นคนตายที่ยังมีชีวิต ตายไปเสียจริงๆ ยังดีกว่า!”

“แน่ล่ะสิ เจ้าว่าแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่สง่างามเช่นเขาเป็นถึงยอดฝีมือระดับบรรพชนนักรบ ตอนนี้อยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น” อีกคนหนึ่งถอนหายใจ ส่ายหน้าพูดด้วยความสลดใจ

“เฮ้อ! หากแม่ทัพเฟิ่งล้มไป เกรงว่าจวนตระกูลเฟิ่งจะ…”

อีกคนหนึ่งฟังคำพูดนี้ก็หัวเราะขึ้นมา บอกว่า “ยังไงจวนตระกูลเฟิ่งก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา! ตั้งแต่อดีตมามีเรื่องเช่นนี้ผ่านไปมากมาย ข้าเดาว่าแค่ข่าวนี้กระจายออกไปเครือญาติจวนตระกูลเฟิ่งจะต้องโกลาหลกันหมดแน่”

“เครือญาติตระกูลเฟิ่ง? จวนตระกูลเฟิ่งนี้ไม่เหมือนกับตระกูลอื่น พวกเขาแยกทางกันไปตั้งนานแล้ว ต่อให้มีเครือญาติก็คงไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรอกกระมัง?”

“เหอะๆ เรื่องนี้พูดได้ยาก พอเฟิ่งเซียวล้มไปก็เหลือแค่ผู้เฒ่าเฟิ่งกับคุณหนูใหญ่ พวกเราไม่ใช่ไม่รู้ ผู้เฒ่าเฟิ่งเป็นโรคขี้หลงขี้ลืมไม่ใช่หรือ? แม้ช่วงนี้จะได้ไม่ยินว่าอาการกำเริบ แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ ประกอบกับคุณหนูใหญ่อายุแค่สิบหก กำลังไม่พออายุยังน้อย ไหนเลยจะปกป้องพวกคนจวนตระกูลเฟิ่งได้? ตามความคิดข้า เดาว่าจวนตระกูลเฟิ่งจะมีปัญหาเสียแล้วล่ะ”

“มันก็พูดยาก ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่เฟิ่งได้รับป้ายประจำตระกูลมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ? มีองครักษ์ฟังคำสั่งนางใครจะกล้าสร้างปัญหากับจวนตระกูลเฟิ่ง?”

“หากไร้กำลังใครจะไปฟังคำสั่งสาวน้อยร่างบางกัน? ใครบ้างไม่รู้ว่าโลกนี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่เป็นใหญ่? หากไร้กำลังจะนำขนนกมาทำเป็นลูกศรได้หรือ? เจ้าช่างไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ”

ด้านนี้ผู้คนกำลังพูดคุยกัน ส่วนทางด้านพระราชวังนั้นมู่หรงป๋อที่ได้ยินข่าวใจที่หวั่นมาตลอดคืนในที่สุดก็ปล่อยวางลง นั่งลงบนบัลลังก์มังกรไถ่ถามองครักษ์สายลับคนนั้นที่อยู่เบื้องล่าง

“เรื่องนี้จริงรึ? เฟิ่งเซียวกลายเป็นคนตายที่ยังมีชีวิตจริงๆ?”

“ข่าวที่กระหม่อมสอบถามกลับมาเป็นเช่นนี้จริง ส่วนจริงเท็จหรือไม่เพราะเข้าใกล้จวนตระกูลเฟิ่งไม่ได้จึงไม่อาจทราบพะยะค่ะ” องครักษ์สายลับกล่าวรายงานด้วยความเคารพ

ได้ยินเช่นนี้มู่หรงป๋อบนบัลลังก์มังกรก็ลุกยืนขึ้น มือไพล่หลังเดินก้าวไปมาในท้องพระโรง ผ่านไปสักพักจึงก้าวยาวเดินออกไปพลางสั่งว่า “บอกให้หมอสองคนตามข้าออกนอกวัง!”

……………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version