№ 34 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ!
สายตาสงบนิ่งลุ่มลึกที่เขามองมา ทำให้ใจนางกระวนกระวายอยู่บ้าง มือหนึ่งลูบหน้าเบาๆ พลางถามเสียงอ่อน “พี่มู่หรง ทำไมถึงมองข้าเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ? บนหน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือ?”
เขาไม่ตอบกลับ แค่ยิ้มอย่างสง่างาม “พวกเราไปเถอะ!” จากนั้นจึงก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ
เฟิ่งชิงเกอชะงักเล็กน้อย แล้วจึงเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในส่วนลึกของป่า
ระหว่างที่เดิน นางหันหน้ามองเสี้ยวหน้าอันสง่างามและหล่อเหลาของเขาอยู่บ่อยครั้ง เขาทั้งสมบูรณ์แบบและอ่อนโยนเช่นนี้ ทำให้หัวใจดวงนี้ของนางยิ่งถลำลึก หลงทาง และหวั่นไหวเพราะเขาอย่างควบคุมไม่ได้ เกรงว่านางคงต้องแบกใบหน้าผู้อื่นใช้ชีวิต และนางก็จะไม่เสียใจภายหลังด้วย…
อีกด้าน ตอนนี้เฟิ่งจิ่วกลับอยู่ในสถานการณ์ลำบากนิดหน่อย เพราะหมีดำยักษ์สองตัวด้านหลังไล่ตามเธอมาติดๆ ชั่วยามกว่าแล้ว
เดิมทีนึกว่าสามารถสลัดพวกมันทิ้งไปได้ง่ายๆ ใครจะรู้ การวิ่งของหมีสองตัวกลับเร็วอย่างคาดไม่ถึง หนำซ้ำการสั่นไหวของพื้นดินในขณะที่วิ่งกับเสียงหมีคำรามที่ดังมาจากด้านหลังไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอไม่อาจชะลอความเร็วลงได้เลย
ความเร็วไม่อาจช้าลง แต่จะวิ่งไปตลอดเช่นนี้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ยังรับไม่ไหวนะ!
“อ๊าก! อย่าตามมาอีกเลย ถ้าทำให้ข้าโกรธ ฉันจะสู้กับพวกเจ้าแน่!” เธอเงยหน้าตะโกนเสียงดัง ความเร็วไม่ลดลง แต่ลมหายใจกลับหอบน้อยๆ แล้ว
ก็แค่เก็บยาทิพย์พวกมันมาต้นเดียวเอง ทำให้ต้องวิ่งไล่เธอติดต่อกันกว่าชั่วยามขนาดนี้เลยหรือ?
“กรร! กรร!”
สิ่งที่ตอบรับเธอคือเสียงหมีสองตัวคำราม และความเร็วที่ไม่ลดลงจากด้านหลัง
พอเห็นว่าตรงหน้ามีต้นไม้ใหญ่แข็งแรงอยู่ เธอหอบหายใจพลางหันกลับไปมอง แล้วเร่งฝีเท้าวิ่งไปด้านหน้า ยามเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ค่อยใช้สองขากระโดดสองแขนปีนขึ้นไป อาศัยกิ่งไม้หนึ่งปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่นั้น
“ฮู่! เหนื่อยแทบตาย”
ไม่วิ่งแล้ว เธอนั่งหอบหายใจอยู่บนต้นไม้ เห็นหมีดำยักษ์สองตัวนั้นตามมาถึงใต้ต้นไม้ในระหว่างที่เธอหายใจไปไม่กี่ครั้ง นึกไม่ถึงว่าพวกมันคิดจะปีนขึ้นมาด้วย ยังดีที่ต้นไม้ที่เธอเลือกนอกจากจะแข็งแรงพอตัว ลำต้นก็ยังเกลี้ยงเกลาและลื่นจนไม่อาจปีนขึ้นมาได้ง่ายๆ
“ตึง!”
เป็นไปตามคาด ตัวหนึ่งในนั้นพอปีนขึ้นมาห่างจากพื้นได้ประมาณเมตรหนึ่งก็ตกลงไปนอนสี่ขาชี้ฟ้า เห็นแล้วเธอหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“แต่ว่า ยาทิพย์ต้นนี้ใช้ทำอะไรกัน? ถึงทำให้พวกมันตามมาตลอดไม่ยอมปล่อย?” เธอหยิบยาทิพย์ที่เก็บมาก่อนหน้านี้ออกจากถุงฟ้าดินมาดู เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร
“กรร กรร!”
พอหมีสองตัวใต้ต้นไม้เห็นเธอหยิบยาทิพย์ออกมา ทันใดนั้นก็คำรามเสียงดังขึ้นอีก เมื่อปีนขึ้นไปไม่ได้ หมีทั้งสองตัวจึงช่วยกันออกแรงผลักต้นไม้ ราวกับอยากจะเขย่าให้เธอร่วงลงมา
ต้นไม้สั่นไหวขึ้นทันใด ทำเอาเฟิ่งจิ่วเกือบตกลงไป มือหนึ่งเธอเกาะต้นไม้ไว้พลางก็ตะโกนไปด้านล่าง “พวกเจ้าพอได้รึยังเนี่ย? อยากจะเอายาทิพย์จากข้าคืนไปเรอะ? พวกเจ้าแค่คิดก็อย่าได้คิดเลย”
“กรร! กรร กรร กรร!”
หมีสองตัวคำรามเสียงดังสนั่นอย่างขุ่นเคือง เขย่าจนเฟิ่งจิ่วที่อยู่บนต้นไม้คิดว่าคงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ดังนั้นหลังจากเก็บยาทิพย์ก็มองไปรอบๆ คิดจะกระโดดจากต้นไม้ต้นนี้ไปต้นอื่น แล้วหาโอกาสหนี
ทว่า ขณะที่เธอยืนขึ้นมา ท้องฟ้าก็พลันมีเสียงดังครืน ประหนึ่งเสียงฟ้าร้องทุ้มต่ำนั้นกำลังดังกระจายอยู่บนชั้นเมฆ อานุภาพกดดันอันทรงพลังปกคลุมลงมาจากชั้นเมฆด้านบน กลิ่นอายของแรงกดดันที่แสนหนักหน่วงหมุนวนเป็นลมกระโชก พัดจนต้นไม้ทั้งหมดในป่าโยกไหว ใบไม้ร่วงเม็ดทรายต่างก็ม้วนลอยขึ้น
“บรู้ว…”
“กรร!”
“โฮก!”
เสียงตื่นตกใจของเหล่าสัตว์ดังขึ้นมาโกลาหลวุ่นวาย ดังระงมสูงต่ำอยู่ภายในป่า
และตอนนี้ เฟิ่งจิ่วเห็นว่าหมียักษ์สองตัวใต้ต้นไม้ก็หมอบลงตัวสั่นงันงกไม่หยุด คุดคู้กันอยู่บนพื้น…
…………………………………….