№ 386 แอบกินโสม!
ได้ยินเช่นนี้มุมปากเฟิ่งจิ่วก็กระตุก
น้ำลาย…
อย่าพูดเสียน่ารังเกียจเพียงนั้นได้ไหม? เห็นชัดว่าเป็นของดีที่เสริมบำรุงความงามจากภายใน ทว่าสำหรับหงส์ไฟน้อยกลับกลายเป็นน้ำลายนก
“จริงด้วย ร่างเดิมเจ้าเป็นนก ไม่กินเจ้านี่ก็แล้วกัน” เธอพูดอมยิ้ม ยกมันขึ้นมากินเอง
รังนกเป็นของบำรุงความงามที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิง รสชาตินุ่มละมุน ซ้ำยังมีกลิ่นไข่ขาวหอมกรุ่น เขาไม่กินเธอก็จะไม่ปล่อยให้เสียของ
“หงส์ไฟน้อย ตอนนี้ร่างกายเจ้าเป็นยังไงบ้าง? ฟื้นตัวหมดหรือยัง?” เธอกินพลางมองถามเขา
เด็กน้อยหันหน้ากลับมา หลังมองนางน้ำเสียงเด็กน้อยถึงจะเปล่งออกจากปาก “ค่อยยังชั่วแล้ว แค่พักฟื้นอีกสองสามวันร่างกายก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้หมด”
“อืม ก็ดี งั้นสองสามวันนี้เจ้าจะพักฟื้นอยู่ในนี้หรืออยากออกไป?” หลังกินหมดไปสองสามคำเธอก็วางชามไว้ข้างๆ
เด็กน้อยชำเลืองมองนาง เอ่ยเสียงเบาว่า “ในบ้านเจ้ายังยุ่งวุ่นวายข้าไม่ออกไปประสมโรงด้วยหรอก จะพักฟื้นอยู่ข้างในนี้แหละ”
“อืม ก็ได้”
เธอพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมากกับการที่เขาจะพักฟื้นอยู่ในห้วงมิติ ถึงอย่างไรด้านในนี้ก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ จะพักฟื้นแน่นอนว่าใช้แรงน้อยแต่ได้ผลมาก ทว่าเห็นเมื่อครู่ใบหน้าเล็กแดงก่ำอยู่ตลอดในใจจึงสงสัยอย่างอดไม่ได้
“เจ้าไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมหน้าแดงเพียงนี้? ยื่นมือออกมาให้ข้าดูหน่อย” เด็กน้อยคนนี้คงไม่ได้ไม่รู้ว่าตัวเองไม่สบายหรอกกระมัง?
“ไม่ต้องๆ ข้าไม่เป็นไร” เขาโบกมือรัวๆ พลางถอยหลังไป
เห็นท่าทางเขารู้สึกผิดอยู่บ้าง เธอจึงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “ไม่เป็นไร? ไม่เป็นไรแล้วเจ้ารู้สึกผิดอะไร?”
“ข้ารู้สึกผิดเสียที่ไหน!”
“ไม่รึ? งั้นใครเล่าที่หลบสายตาไม่กล้ามองข้า? และใครกันถอยไปข้างๆ ด้วยความตื่นตระหนกซ้ำยังเอามือซ่อนไว้ด้านหลังอีก? พูดมา! เจ้าทำเรื่องรู้สึกผิดอะไรไปกันแน่?”
เธอมองเขายิ้มๆ เห็นครั้งนี้ถึงจะคิดว่าเขาช่างร่าเริงมีชีวิตชีวาเฉกเช่นมนุษย์เด็กน้อย ซ้ำยังรู้จักรู้สึกผิดและอายเป็น ไม่ได้ฝืนเสริมความเป็นผู้ใหญ่ด้วยการวางท่าทางเช่นเด็กที่ทำตัวโตกว่าวัยอีกแล้ว
“ข้าเปล่า!” เขาสะบัดหน้าหนีไม่ยอมพูด
เฟิ่งจิ่วเห็นหน้าเขาแดงก่ำด้วยความรู้สึกโกรธจัด ครุ่นคิดอยู่ในใจพลางดวงตาก็กวาดมองไปรอบๆ เมื่อสายตาหยุดลงบนกล่องทรงยาวก็ตกใจเล็กน้อย ลุกขึ้นเดินไปเปิดกล่องนั้นออกมาดู
“เจ้ากินโสมพันปีไปเกินครึ่งเลยรึ?”
น้ำเสียงเธอยกขึ้นเล็กน้อย มองหงส์ไฟน้อยที่หดหัวด้วยความตกตะลึงอยู่บ้าง แล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “เจ้าไม่รู้จักคำว่าคนป่วยไม่ถูกกับยาแรงรึ? ยิ่งไปกว่านั้นของอย่างโสมพันปีนี้คนปกติแค่เสี้ยวเดียวก็ยื้อชีวิตได้ เจ้ากลับกินไปเกินครึ่ง เลือดกำเดาไม่ไหลก็ถือว่าโชคดีแล้ว”
เขารู้ว่าตนเองไม่มีเหตุผลพอ แอบๆ มองนางพลางเอ่ยเสียงเบา “ข้าตื่นมาท้องก็หิว ซ้ำยังไม่มีของอื่นที่กินได้เลย…”
เฟิ่งจิ่วยิ้มอย่างจนใจ “ก็ได้ ข้าไม่ว่าเจ้าแล้ว แต่เจ้าอย่าได้เสียสรรพคุณทางยาของโสมพันปีนี้ไปสูญเปล่า จงรีบไปฝึกบำเพ็ญปรับกลิ่นอายโดยเร็ว” เธอวางอีกครึ่งที่เหลือไว้ กำชับว่า “ส่วนที่เหลือนี่จะกินอีกไม่ได้ ร่างกายเจ้ารับไม่ไหวหรอก”
“อืม” หงส์ไฟน้อยขานรับ มองเธอถือชามออกจากห้วงมิติไปถึงจะถอนหายใจออกมา
เวลาพลบค่ำ ประตูห้องเฟิ่งจิ่วเปิดออก เหลิ่งซวงที่เฝ้าอยู่ด้านนอกจึงเข้ามารับหน้า
“นายท่าน อาหวาบอกว่าผู้นำตระกูลเตรียมอาหารไว้ในเรือนหลักให้ท่านเข้าไปทานเจ้าค่ะ”
“อืม ไปกันเถอะ!” เธอขานรับแล้วเคลื่อนก้าวไปยังเรือนหลัก…
………………..