Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 387

№ 387 วางแผน!

อาจเพราะเคยเห็นคุณหนูใหญ่สวมชุดกระโปรงสีขาวอยู่ในบ้านบ่อยครั้ง ทั้งสดใสและเรียบร้อย ยามนี้เมื่อเห็นนางเปลี่ยนสวมชุดกระโปรงสีแดงราวเปลวเพลิง ผู้คนภายในจวนเห็นแล้วก็ละสายตาไปไม่ได้

พวกเขารู้ว่าคุณหนูใหญ่หน้าตาสะสวย มิเช่นนั้นคงไม่ได้รับฉายาว่าสาวงามอันดับหนึ่ง อยู่จวนตระกูลเฟิ่งมาเนิ่นนานเพียงนี้ ที่ผ่านมาพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นนางสวมเสื้อผ้างดงามหรูหรา แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อชุดสีแดงดุจไฟสวมอยู่บนร่างถึงยิ่งเสริมบุคลิกเป็นพิเศษ ความงามเช่นนั้นทำให้พวกเขาไม่อาจหาคำพูดใดๆ มาบรรยาย

เมื่อองครักษ์เห็นนางเดินนวยนาดมา ในดวงตาแต่ละคนก็มีท่าทีตกตะลึงที่ยากจะเก็บซ่อน

เพียงเห็นนางสวมชุดแดงแพรวพราวราวเปลวไฟเดินมาเนิบๆ ระหว่างคิ้วตามีความเย็นเยียบ ในสายตาที่เงยขึ้นมีประกายเอ่อล้น ร่างกายมีท่าทีเฉื่อยชาชั่วร้ายกระจายออกมาจากภายใน ทรงเสน่ห์ดั่งเปลวเพลิง ทั้งสูงส่งและร้ายกาจ งามเลิศอย่างหาที่เปรียบไม่ได้…

แม้พวกเขามีความแน่วแน่ดี ยามนี้ยังอดไม่ได้ที่จะจ้องมอง จนกระทั่งสายตาหนาวเหน็บนั้นกวาดมาทางพวกเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเพียงรู้สึกว่าความหนาวเย็นผุดขึ้นจากใต้ฝ่าเท้าตรงถึงหัวใจพุ่งไปยังห้วงความคิด ความตะลึงและงามเลิศอะไรล้วนหายไปไร้ร่องรอย เหลือเพียงความกระอักกระอ่วน

นั่นคือคนที่จะกลายเป็นนายท่านพวกเขา นึกไม่ถึงว่าจะมองเสียจนตาค้าง ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!

“คุณหนูใหญ่” พวกเขารีบร้อนหลุบตาลงขานเรียกพร้อมประคองจิตใจให้มั่นคง

เฟิ่งจิ่วดึงสายตากลับแล้วเคลื่อนก้าวเดินเข้าเรือนไป ทุกคนในเรือนลุกยืนขึ้นขานเรียก “คุณหนูใหญ่มาแล้ว?”

“อืม” เธอยิ้มเล็กน้อย มองพวกเขาพลางเอ่ยถามทั้งรอยยิ้ม “กินกันหมดแล้วรึ?”

“เหอะๆ พวกเรากินดึกหน่อย ตอนนี้ยังไม่หิว คุณหนูใหญ่รีบเข้าไปเถอะ! นายท่านกำลังรออยู่ด้านใน” ชายวัยกลางพูดขึ้นยิ้มๆ ทำท่ามือเชื้อเชิญให้นาง

“ได้” เธอพยักหน้ารับแล้วเคลื่อนก้าวเดินเข้าไป

“เสี่ยวจิ่ว มานั่งตรงนี้สิ” เฟิ่งเซียวกวักมือเรียกส่งสัญญาณให้นางมานั่งข้างกาย ภายในห้องไม่มีคนอื่น มีเพียงเฟิ่งเซียวกับกวนสีหลิ่นและเหลิ่งหวาที่คอยอยู่ข้างๆ

กวนสีหลิ่นรินเหล้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่อบุญธรรมให้คนเตรียมของที่เจ้าชอบกินไว้ ซ้ำยังหยิบเหล้าวิญญาณเข้ามา เสี่ยวจิ่วรีบนั่งลงชิมเหล้านี้ทีซิว่าเป็นยังไง”

“เจ้าค่ะ” เธอยิ้มพลางเดินมานั่งลงข้างโต๊ะ ได้กลิ่นหอมของอาหารบนโต๊ะใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอิ่มเอมออกมา “กลับมาบ้านยังดีเสียกว่า อยู่ข้างนอกอยากกินของพวกนี้ก็หากินไม่ได้”

“ชอบก็กินเยอะๆ หน่อย เห็นช่วงนี้เจ้าวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกตลอด ร่างกายจึงซูบผอมไปมากนัก” เฟิ่งเซียวพูดจบก็คีบเนื้อชิ้นหนึ่งวางลงในชามนาง

“เจ้าค่ะ” เธอพยักหน้ารับ หยิบตะเกียบขึ้นมากิน

บนโต๊ะอาหารทั้งสามคนคุยแค่เรื่องครอบครัวไม่มีเรื่องอื่น หลังกินอาหารเสร็จอย่างรื่นเริงก็ให้เหลิ่งซวงเก็บอาหารไป ถึงจะนั่งพูดคุยจริงจังขึ้นมา

“เจ้าไม่รู้ว่าวันนั้นมีตาแก่สองคนเข้ามาขอเหล่าไป๋ ชัดเจนว่าเป็นการมาเยือนจวนเราเพื่อแย่งชิงอย่างเปิดเผย หากตอนนั้นอี้เซวียนไม่หยุดไว้เดาว่าคงไม่จบแน่”

พูดถึงเรื่องวันนั้นเห็นชัดว่าเฟิ่งเซียวยังโกรธอยู่บ้าง คนตระกูลเฟิ่งพวกเขาปกปักษ์แคว้นแสงสุริยันมาหลายปี แต่ถึงเวลาไม่ต้องการพวกเขาสิ่งที่รออยู่กลับเป็นการปฏิบัติและค่าตอบแทนที่น่าผิดหวังเช่นนี้ ช่างทำให้เขาคับแค้นใจจนยากจะสงบจริงๆ

“สองคนนั้นคือคนที่ซุ่มลอบสังหารท่านรึ?” แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย มองท่านพ่อพลางเอ่ยถาม

“อืม เป็นตาแก่สองคนนั้น พวกเขานึกว่าพ่อไม่ได้สติและไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นเป็นฝีมือพวกเขา นึกไม่ถึงว่ายังกล้ามาหาถึงบ้านเพื่อขอเหล่าไป๋อย่างไม่ละอายใจ ช่างหน้าด้านไร้ยางอายเสียจริง!”

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version