Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 402

№ 402 หมายตาผู้หญิงของเขา?

เทียบกับบรรยากาศหนาวเหน็บในพระราชวัง อาหารมื้อเย็นที่จวนตระกูลเฟิ่งกลับอบอุ่นรื่นเริง

เฟิ่งจิ่วกินข้าวเป็นเพื่อนบิดาเสร็จก็ออกไปพร้อมกับกวนสีหลิ่น เมื่อผ่านศาลา เห็นว่าสายลมรำเพยปะทะใบหน้า จึงให้เหลิ่งซวงไปหยิบไหสุราเข้ามา ส่วนตนกับพี่ชายเดินไปนั่งในศาลา เหล่าไป๋กับฉิวฉิวตามเข้ามานอนหมอบอยู่ข้างขาเธอ

“เสี่ยวจิ่ว คนที่รัชทายาทแคว้นเหินเวหาพามามีกำลังแข็งแกร่งนัก ข้ากำลังคิดว่าเจ้าควรต้องไปหลบที่เวิ้งสวนท้อหรือไม่ หากปรากฏตัวในฐานะภูตหมอ คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเจ้าแน่ แต่หากเป็นฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่ง พวกเขาจะก่อเรื่องอะไรบ้างก็พูดยากจริงๆ”

ใบหน้ากวนสีหลิ่นไม่มีรอยยิ้มเช่นยามที่กินอาหารพูดคุยกันก่อนหน้านี้ มีเพียงความกังวลและหนักใจที่ยากจะปิดบัง ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงรัชทายาทของแคว้นใหญ่ระดับหก หนำซ้ำที่คนติดตามมายังมีผู้ฝึกเซียนอีกแปดคน หากอยากบังคับชิงตัวจริง ใช้แค่กำลังต่อสู้ทั้งหมดของจวนตระกูลเฟิ่งก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้พวกนั้นได้

“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาจะไม่ใช้กำลังฉุดข้า” เธอแย้มยิ้ม เห็นเหลิ่งซวงยกสุราเข้ามาจึงบอกว่า “สำหรับรัชทายาทแคว้นระดับหกคนหนึ่ง เขาจะไม่ใช้คำว่าฉุดชิงตัวที่สบประมาทตนเอง หากต้องชิงตัวผู้หญิงคนหนึ่งไปจริง นั่นจะไม่เกิดขึ้นกับคนที่มีฐานะเป็นรัชทายาทแน่นอน”

“เจ้ามั่นใจเพียงนี้เชียว” เขาฉงนใจอยู่บ้าง ไม่เข้าใจว่านางเอาความมั่นใจมาจากไหน

“ข้าไม่ได้มั่นใจ แต่เพราะความรักเกียรติในตนเองของบุรุษไม่อนุญาตให้เขาทำเช่นนั้น ท่านลองสลับตำแหน่งกันบ้าง หากเรื่องนี้เกิดกับตัวท่าน ท่านจะฉุดผู้หญิงคนหนึ่งหรือไม่?” เธอยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเบาๆ มองเขาอย่างหยอกล้อ

“แน่นอนว่าไม่!”

เขาตอบโดยไม่คิดสักนิด พอพูดไปก็นิ่งอยู่สักพัก จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ข้ารู้แล้ว เสี่ยวจิ่ว ทำไมแม้แต่จิตใจบุรุษเจ้ายังสามารถอ่านได้ทะลุปรุโปร่งเพียงนี้?”

เฟิ่งจิ่วยิ้มเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า “ท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้าแต่งตัวเป็นบุรุษได้แนบเนียนนัก?” ตัวตนภูตหมอของเธอจะปรากฏตัวโดยแต่งตัวเยี่ยงบุรุษเสมอ แม้แต่เจ้าตำหนักยมราชผู้หลักแหลมยังมองไม่ออกเลยไม่ใช่หรือ?

แต่ว่า…

นึกถึงเจ้าตำหนักยมราชผู้เบี่ยงเบนทางเพศคนนั้น เธอก็หนาวสั่นขึ้นมาโดยฉับพลัน

น่ารังเกียจเหลือเกิน ไม่นึกเลยว่าครั้งนั้นหมอนั่นคิดจะจูบเธอ ผ่านมานานเพียงนี้คิดแล้วยังขนลุกซู่ขึ้นมาอยู่เลย

เวลาเดียวกันนี้ บนเส้นทางไปยังแคว้นแสงสุริยัน เจ้าตำหนักยมราชพร้อมด้วยฮุยหลางและอิ่งอีกำลังหยุดพักผ่อนในยามค่ำคืนเพราะเดินทางกันมาทั้งวัน ทันใดนั้นเจ้าตำหนักที่นั่งขัดสมาธิปรับลมปราณอยู่หน้ากองไฟก็จามออกมา ก่อนจะลืมตาดำขลับลึกล้ำคู่นั้นขึ้นและมองไปทางแคว้นแสงสุริยัน

ฮุยหลางข้างๆ เห็นก็ถามอย่างไม่ถูกเวลา “นายท่าน หนาวหรือขอรับ? จะใส่เสื้ออีกสักตัวรึไม่”

อิ่งอีที่ได้ยินมุมปากกระตุก หลังชำเลืองมองเขา แล้วดูตามทิศทางที่นายท่านมองไป ก็กระแอมไอเบาๆ บอกว่า “ภูตหมอคงกำลังคิดถึงนายท่าน”

เจ้าตำหนักมองอิ่งอีแวบหนึ่ง มุมปากยกขึ้นน้อยๆ บนใบหน้าเด็ดเดี่ยวหล่อเหลาผุดรอยยิ้มออกมาอย่างชัดเจน เขาเหลือบมองฮุยหลางข้างๆ ที่ยิ้มเจื่อน ลุกยืนขึ้นสะบัดเสื้อคลุม เอ่ยปากเรียบๆ ว่า

“รีบไปต่อกันเถอะ! อย่าเสียเวลาระหว่างทางมากเกินไป”

ไม่บอกไม่ได้ว่าเขาเองก็คิดถึงนาง ยิ่งเข้าใกล้นางยิ่งคิดถึง โดยเฉพาะหลังรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในตระกูลของนางช่วงนี้ ในใจก็เป็นห่วงอยู่เล็กน้อยว่านางจะรับมือไหวหรือไม่? ยังมีเนี่ยเถิงรัชทายาทแคว้นเหินเวหาคนนั้นอีก ไม่นึกว่าจะกล้าหมายตาผู้หญิงของเขา สมควรตายจริงๆ!

……………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version