Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 437

№ 437 ครั้งเดียวไม่มีสอง

เหลิ่งซวงที่ตามเข้ามามองพวกเขาแวบหนึ่ง บอกว่า “ข้าน้อยพาพวกท่านไปพักที่ห้องรับรองได้”

“ข้าถามถึงเรือนนาง!” เสียงเจ้าตำหนักยมราชเข้มขึ้นเล็กน้อย จ้องนางด้วยแววตาดุดัน

เหลิ่งซวงกำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกหลัวอวี่ลากไปข้างๆ จากนั้นเขาค่อยเอ่ยยิ้มๆ กับเจ้าตำหนักว่า “ข้าน้อยเห็นแวบแรกก็รู้ว่าผู้อาวุโสกับนายท่านมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา คนอื่นจะไปเรือนนางไม่ได้ แหะๆ แต่ท่านผู้อาวุโสไปได้ ข้าจะช่วยนำทางให้พวกท่าน!” พูดจบก็ทำมือเชื้อเชิญ แล้วพาพวกเขาไปยังเรือนของเฟิ่งจิ่ว

เจ้าตำหนักยมราชเดินไปข้างหน้า ส่วนฮุยหลางกับอิ่งอีมองหลัวอวี่อย่างแปลกใจ คิดว่าคนคนนี้ช่างรู้สถานการณ์ดีนัก

ด้วยพลังและความเอาแต่ใจของนายท่าน บอกว่าจะไปเรือนภูตหมอก็ต้องไปให้จงได้ ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ดี! ใครกล้าไปขวาง คนผู้นั้นลำบากแน่

หลังพาพวกเขามาถึงเรือนของเฟิ่งจิ่ว หลัวอวี่ก็ออกไป ฮุยหลางกับอิ่งอีเดินวนอยู่ในลานบ้าน พินิจมองเขตเรือนที่เงียบสงบและงดงามนี้ ส่วนเจ้าตำหนักผลักประตูเข้าเรือนไปแล้ว

อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วรีบร้อนมาที่เรือนบิดา เห็นภายในลานมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ แววตาก็เย็นเยียบขึ้นโดยพลัน ถามว่า “ใครบาดเจ็บ?”

“คุณหนูใหญ่โปรดวางใจ นายท่านไม่เป็นอะไรขอรับ” อาจารย์ของหลัวอวี่เห็นเธอมา จึงรีบเข้าไปบอกเพื่อไม่ให้เป็นกังวล

สายตาเฟิ่งจิ่วมองผ่านร่างหลายคนในลาน เห็นหนึ่งในพวกเขาแปดคนหายไป จึงถามว่า “ท่านอาฉีล่ะ?” นั่นคืออาจารย์ของฉีคัง เธอเห็นทั้งแปดคนดูแลท่านพ่อด้วยความจงรักภักดี ซ้ำยังเป็นผู้อาวุโส จึงเรียกว่าท่านอา

“อยู่ในเรือนขอรับ เหลิ่งหวากำลังช่วยทายาให้เหล่าฉี”

ได้ยินเช่นนี้เธอจึงพยักหน้า แล้วเร่งฝีเท้าเข้าเรือนไป พอเข้ามากลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งก็โถมใส่หน้า เธอขมวดคิ้ว หลังจากเห็นว่าท่านพ่อที่กำลังยืนช่วยพันแผลอยู่ข้างๆ ไม่เป็นไร ในใจถึงจะโล่งอก จากนั้นมองอาจารย์ของฉีคังที่หน้าซีดเผือดเพราะเสียเลือดมากเกินไป

“เสี่ยวจิ่ว เจ้ามาแล้ว? รีบมาดูหน่อยเถอะ เหล่าฉีบาดเจ็บไม่น้อยเลย” เฟิ่งเซียวรีบกล่าวพลางให้นางเข้ามา

“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอกขอรับ คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง” อาจารย์ของฉีคังเผยรอยยิ้มออกมา ทว่าใบหน้าที่ขาวซีดนั้นหลอกคนไม่ได้

เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วจึงเทยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งให้เขากิน แล้วจัดการบาดแผลให้ หลังจากพันแผลถึงจะบอกว่า “ท่านอาฉี ท่านบาดเจ็บไม่น้อย เสียเลือดไปก็มาก สองสามวันนี้ต้องพักฟื้นดีๆ”

เสียงเธอชะงักเล็กน้อย จากนั้นสั่งว่า “เหลิ่งหวา เจ้าประคองท่านอาฉีกลับไปพักผ่อนด้วย ให้ฉีคังเข้าไปดูแล”

“ขอรับ” เหลิ่งหวาขานรับ แล้วพยุงอาจารย์ของฉีคังออกจากเรือนไป

“ท่านพ่อ ท่านพักฟื้นให้สบายใจเถอะ เรื่องข้างนอกคลี่คลายหมดแล้ว” เฟิ่งจิ่วพูดจบก็คิดจะออกไป

เห็นนางไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ในเรือนเขาเพิ่งถูกโจมตีเมื่อครู่ ก็ถอนใจเบาๆ ถามว่า

“เสี่ยวจิ่ว เจ้าคิดจะทำอย่างไร?”

เขาไม่นึกว่ามู่หรงป๋อจะอาศัยช่วงที่คนแคว้นเหินเวหามาจัดการจวนตระกูลเฟิ่ง พาคนเข้ามาลักพาตัว หากไม่มีบรรพชนนักรบทั้งแปดคอยคุ้มกันเรือน เกรงว่า…

“แค่ครั้งเดียวไม่มีสอง ในเมื่อเขาไม่ยอมรามือ ข้าก็จะไม่เกรงใจ!”

แววตาเธอเย็นชาเล็กน้อย น้ำเสียงมีไอสังหารรุนแรง มู่หรงป๋อ…หากไม่กำจัดคนคนนี้ จะต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่!

“แต่เขาเป็นพ่อของอี้เซวียน…”

ได้ยินเช่นนี้ แววตาเฟิ่งจิ่วก็สั่นไหวเล็กน้อย เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรมากอีก มู่หรงอี้เซวียน พูดได้ว่าเป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมไม่อยากทำร้ายที่สุด และเป็นคนที่นางรักอย่างสุดซึ้ง หากไม่ถึงขั้นหมดหนทางเธอจะไม่ทำร้ายเขา แต่มู่หรงป๋อไม่โชคดีเช่นนั้น!

พอออกจากเรือน หลัวอวี่ก็เดินมารับหน้า

“นายท่าน เจ้าตำหนักยมราชท่านนั้นอยู่ในเรือนท่านขอรับ!”

………………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version