№ 536 พวกท่านต่อเถอะ พวกเราจะทำเป็นไม่เห็น
ในเมื่อเขาอยากเล่น เธอจะอยู่ด้วยจนสุดทางเลยแล้วกัน!
ดังนั้นสองแขนเฟิ่งจิ่วจึงโอบคอเขา ซุกหน้าไปตรงซอกคอ กระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่เอื่อยเฉื่อยและเหมือนจะออดอ้อนเล็กน้อย “ท่านอาไม่อยู่ข้างกาย ข้านอนไม่หลับเลย”
ร่างหลิงโม่หานแข็งทื่อทันใด ร่างกายเกร็งๆ ขึ้นมา เพียงเพราะสาวน้อยผู้น่ารังเกียจในอ้อมแขนพ่นลมหายใจรดซอกคอเขาอย่างตั้งใจและก็เหมือนไม่ตั้งใจ เสียงกระซิบชิดใกล้ราวลูกแมวนั้น ยิ่งทำให้เขาไฟลุกโชนอย่างง่ายดาย
เขารู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมา ในใจอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้ม นี่เขาหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้วหรือ? ไม่นึกเลยว่าตั้งแต่พบกับนางเขาก็สูญเสียการควบคุมตนเองที่ภาคภูมิใจเสมอมา สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดคือ สาวน้อยในอ้อมกอดยังเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเหนียมอาย
“ท่านอา รีบปล่อยข้าเถอะ! นี่เป็นชั้นหนึ่งนะขอรับ! คนมากมายเพียงนี้มองอยู่จะส่งผลเสียไม่น้อย”
สีหน้าของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด มองๆ หลิงโม่หานอย่างตกตะลึงและเหลือเชื่อ แล้วมองหนุ่มน้อยรูปงามที่ร่างมีกลิ่นอายทรงเสน่ห์น่าหลงใหล เวลานี้ ในที่สุดก็รู้ว่าทำไมที่ผ่านมาหลิงโม่หานถึงไม่ไว้หน้านางเลย!
ทะ ที่แท้ไม่ใช่เพราะนางไม่มีเสน่ห์ ไม่ใช่ว่านางไม่ดีพอ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นพวกรักร่วมเพศ! ชอบแต่ผู้ชาย!
ส่วนอีกสี่คนที่ยืนข้างๆ กัน เมื่อเห็นนายท่านทั้งสองแสดงออกเช่นนี้ต่อหน้าคนมากมาย ในใจแต่ละคนต่างจนปัญญาอย่างยิ่ง เจ้านายสองคนนี้หยอกล้อกันไม่สนใจสายตาคนอื่น พวกเขาไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นสายตาแต่ละคู่ที่ทั้งแปลกใจและตื่นตะลึงรอบด้านกลับรู้สึกขนลุกซู่
“ไม่เป็นไร ข้าไม่สนใจหรอก” มือหนึ่งของเขาโอบกอดเฟิ่งจิ่ว อีกมือหนึ่งยกน้ำชาขึ้นจิบปกปิดรอยยิ้มตรงริมฝีปาก ถามอีกว่า “หิวน้ำหรือไม่?”
เห็นเขาถือถ้วยชาใบนั้นไว้ไม่วาง ซ้ำยังจ้องตรงมาที่เธอด้วยดวงตาคู่วาววับ มุมปากเฟิ่งจิ่วก็กระตุก ยิ้มเก้อเขิน “มะ ไม่หิวขอรับ” เธอไม่อยากดื่มถ้วยที่เขาเคยดื่ม
“คือว่า อะ อาจารย์หลิง จู่ๆ ข้านึกขึ้นได้ว่าที่บ้านมีธุระ ขะ ข้าไม่รบกวนพะ พวกท่านแล้ว” สุดท้ายหญิงสาวตรงหน้าทนดูต่อไปไม่ได้ ครั้นคิดถึงว่าชายที่ตัวเองหมายปองเป็นพวกรักร่วมเพศ ยามนี้นางจึงมีแม้แต่ใจคิดยอมแพ้เสียแล้ว
โชคดี โชคดีที่พบเสียตอนนี้ มิเช่นนั้นนางคงยังคิดอยู่ตลอดว่าจะตามหาเขาเช่นไร!
สองคนพากันหันมองหญิงสาวคนนั้นลุกหนีจากไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าดูไม่ได้ เฟิ่งจิ่วอึ้งไปสักพัก ก่อนส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ฮ่าๆๆ… ท่านอา ดูท่าทางคนที่ชอบพอท่านคนนี้จะไม่เท่าไรเลย!”
ขณะกำลังหัวเราะ ก็เห็นดวงตาดำลึกล้ำของชายหนุ่มมองมาอย่างเป็นประกาย มองจนเธอร้อนตัว ถามว่า “ทำ ทำไมหรือ?”
“เมื่อครู่ เหมือนเจ้าจะบอกว่าไม่มีข้าแล้วนอนไม่หลับ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือยิ้มหัว ยามนี้ในดวงตาคู่นั้นปรากฏรอยยิ้มและความอ่อนโยน แววตาอบอุ่นที่มีพลังสังหารมากล้นทำให้เฟิ่งจิ่วละสายตาออกอย่างไม่อาจมองตรงๆ แล้วเริ่มเสแสร้งแกล้งโง่
“หา? ใช่หรือ ทำไมข้าจำไม่ได้เลย?”
ตอนพูดก็ดิ้นรนอยากจะหนีจากอ้อมแขนเขา แต่กลับถูกแขนที่โอบเอวไว้กอดรัดแน่น ดิ้นไม่หลุดสักนิด เห็นเช่นนี้จึงทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ มองเขา “ท่านอา ท่านดูสิ ที่นี่เป็นชั้นหนึ่ง ทุกคนมองอยู่!”
แขกพวกนั้นได้ยินคำพูดของทั้งสองก็อดหัวเราะลั่นขึ้นมาไม่ได้ โบกมือให้รัวๆ “ไม่เป็นไรๆ พวกท่านต่อเถอะ พวกเราจะทำเป็นไม่เห็น”
……………………….