Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 60

№ 60 ราตรีมืดมน สายลมโหมแรง!

เฟิ่งจิ่วรับปลอกดาบนั้นมาลองดู แล้วพูดว่า “คิดเงิน”

พอเจ้าของร้านได้ยิน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเชิญเธอไปทางด้านโต๊ะ พูดยิ้มๆ ว่า “คุณหนูขอรับ ปลอกดาบเจ็ดดาราหนึ่งล้านสองแสน ชุดเข็มเงินนั้นสามหมื่นห้า ของสองชิ้นนี้ข้าน้อยให้คุณหนูแค่หนึ่งล้านสองแสนสามหมื่นพอ เศษท้ายห้าพันข้าน้อยลดให้คุณหนู หวังว่าคุณหนูจะกลับมาอีกนะขอรับ”

หลังจากเฟิ่งจิ่วจ่ายเงินอย่างสุขใจ เธอนำปลอกดาบเจ็ดดาราและเข็มเงินเก็บลงในถุงห่อฟ้าดิน ก่อนจะจากไปพร้อมกับกวนสีหลิ่น

เจ้าของร้านที่เห็นเธอใช้ถุงห่อฟ้าดิน ในดวงตาเขามีความแปลกใจ ถุงห่อฟ้าดิน? ดูท่า ชาติตระกูลของคุณหนูผู้นั้นจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว! หนำซ้ำ ไม่งั้นเธอจะซื้อปลอกดาบเจ็ดดาราราคาเป็นล้านโดยไม่คิดต่อราคาเลยสักนิดได้ยังไงล่ะ!

ทั้งสองซื้อของอยู่ด้านนอกมาไม่น้อยเลย หลังจากเดินเล่นทั้งวันถึงจะกลับไป ส่วนคนที่จับตามองพวกเขา หลังจากเห็นพวกเขาเดินเข้าเรือนที่อยู่บริเวณห่างไกล ถึงจะจากไปเพื่อกลับไปรายงาน

ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนกำลังนั่งสมาธิฝึกวิชา เมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ดังลอยมาจากด้านนอก เขาถึงจะพูดว่า “เข้ามา”

ชายผู้หนึ่งรีบก้าวเดินเข้ามา หลังจากคารวะอย่างนอบน้อมก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณชายรอง ข้าน้อยตามสองคนนั้นมาตลอดหนึ่งวัน เห็นพวกเขาเดินเข้าเรือนที่ค่อนข้างห่างไกลไป ข้าน้อยได้ยินจากคนรอบๆ จึงรู้ว่าพวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อสามวันก่อน อ้างว่าเป็นพี่น้องกัน ยังมีวันนี้ตอนที่อยู่หอสมบัติ ถุงห่อฟ้าดินที่สาวน้อยชุดแดงหยิบออกมาก็เป็นของนายน้อยขอรับ”

ในดวงตาชายวัยกลางคนมีความคิดจิตสังหารฉายชัดอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พี่น้องคู่หนึ่งงั้นรึ? เจ้าลองอธิบายรูปร่างท่าทางพวกมันให้ข้าฟังอย่างละเอียดสิ”

“ขอรับ” เขาพรรณนาถึงลักษณะท่าทางของทั้งสองคนไปสักพัก สุดท้ายก็ยังกล่าวอีกว่า “แต่หญิงชุดแดงใช้ผ้าคลุมปิดหน้าไว้ จึงไม่อาจเห็นหน้าได้ชัดขอรับ”

ชายวัยกลางคนมีแววตามืดขรึม แขนข้างหนึ่งที่ลู่ลงวางอยู่ข้างลำตัว ส่วนมืออีกข้างกลับกำขึ้นมาแน่น เส้นเอ็นสีเขียวปรากฎขึ้น จนเป็นเสียงดังแกร๊ก

“วาดรูปหญิงชุดแดงนั่นส่งไปป่าวประกาศภารกิจที่ตลาดมืดของพวกทหารรับจ้าง แล้วถือโอกาสบอกที่ปักหลักของพวกมันกับคนที่ตลาดมืด บอกพวกเขา ว่าเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นข้าต้องเห็นหัวของผู้หญิงคนนั้น!”

“ขอรับ!” ชายผู้นั้นตอบรับด้วยความเคารพ ก่อนจะถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ในคืนนั้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนล้วนดำมืด ราวกับถูกปกคลุมด้วยผืนเมฆสีดำ ไม่เห็นดาวเลยสักดวง

เฟิ่งจิ่วที่สวมชุดสีแดงนอนแหงนหน้าอยู่บนหลังคา มือข้างหนึ่งหนุนศีรษะไว้ พลางก็มองดูถุงห่อฟ้าดินในมืออีกข้าง เธอพึมพำเสียงเบา “เดิมทีด้านในนี้มีตราประทับวิญญาณอยู่ มิน่าล่ะ ข้าเปลี่ยนจากเสื้อผ้าขอทานมาเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังถูกเพ่งเล็กอีก”

เธอเก็บถุงฟ้าดิน แล้วมองท้องฟ้ายามวิกาลที่มืดมน เธออุทานเบาๆ ว่า “ความรู้สึกนี้… ทำไมถึงดีขนาดนี้นะ! คืนมืดลมแรง ราตรีมืดมนสายลมโหมแรง ช่างเป็นค่ำคืนของการเข่นฆ่า!”

น้ำเสียงพูดอย่างลอยๆ นั้นมีความเกียจคร้านอยู่บางส่วน และยังมี… การเฝ้ารอ… ที่ไม่อาจสังเกตุได้ง่ายๆ

ค่ำคืนค่อยๆ มืดลง เฟิ่งจิ่วที่อยู่บนหลังคารอไปพลางก็หาวหวอด เธอเซื่องซึมจนอยากนอนอยู่เล็กน้อย

จนกระทั่งเวลากลางดึก ดึงจันทร์เจ้าโผล่ออกมาจากหลังเมฆดำ เฉกเช่นสาวน้อยผู้เหนียมอาย นำพาแสงจันทร์สว่างไสวสาดส่องลงบนแผ่นดิน…

เงาร่างสีดำสี่เงา มือถือกระบี่ยาวที่มีแรงอาฆาตและความเยือกเย็น ต่างก้าวไวกันเข้ามา พวกเขาเร่งรีบมาถึงหน้าประตู ก่อนจะใช้พลังกระโดดขึ้นมา ขณะที่กระโดดลงในเรือน ก็กลับตกใจเพราะเสียงเสียงหนึ่ง

“ข้ารอพวกเจ้าอยู่นานแล้ว”

พอน้ำเสียงเฉื่อยชาที่มีความอยากนอนปนอยู่บางส่วนดังลอยมา ทหารรับจ้างชุดดำทั้งสี่นายก็หันมองไปตามเสียงตามสัญชาตญาณ

เพียงเห็นว่าบนหลังคานั้น มีหญิงชุดแดงเธอหนึ่งพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ชุดสีแดงพลิ้วไหวตามสายลม ผมสีหมึกสยายไปด้านหลัง ภายใต้แสงจันทร์ที่อาบร่าง มันมีความซุกซน เปิดเผย เป็นเสน่ห์ที่ชั่วร้ายและดูแหนงหน่าย…

…………………………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version