№ 613 งานแต่งครั้งใหญ่
ดังนั้นเฟิ่งจิ่วจึงเล่าว่าทำอย่างไรให้พวกเขาลงนามในหนังสือรับประกัน ทำให้บิดาส่งเสียงหัวเราะลั่น…
สองวันต่อมา เฟิ่งจิ่วพักอยู่ในพระราชวัง ช่วยรับรองผู้ครองแต่ละแคว้น ส่วนเรื่องงานแต่งพวกเขาก็เชิญผู้เฒ่าเกิ่งกับพวกคนเก่าคนแก่ในวังไปจัดการ ความวุ่นวายผ่านไป สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจคือในที่สุดกวนสีหลิ่นก็รีบกลับมาเมืองอวิ๋นเยวี่ยหนึ่งวันก่อนงานแต่งท่านผู้เฒ่า
วันที่สิบสามเดือนสิบสอง เช้าตรู่วันงานแต่ง เสียงประทัดมงคลสามครั้งดังขึ้นตรงหน้าประตูพระราชวัง
ผู้ฝึกตนสิบสองคนขี่กระบี่ออกมาจากพระราชวัง บนกระบี่บินของผู้ขี่กระบี่ทุกคนต่างมีนางกำนัลสาวแรกแย้มถือตะกร้าดอกไม้ยืนอยู่ สวมชุดกระโปรงสีชมพูเหมือนๆ กัน คิ้วงามงอนปัดไว้อ่อนๆ แต่ละคนงดงามอ่อนช้อยและมีเสน่ห์อย่างยิ่ง
เหล่าผู้ฝึกตนต้องพาพวกนางบินไปเหนือท้องฟ้าเมืองอวิ๋นเยวี่ย แล้วโปรยลูกกวาดมงคลที่เตรียมไว้ลงมา เสียงประทัดมงคลดังอึกทึกกระจายตามออกไปกลางอากาศ หลังจากเบ่งบานราวกับดอกไม้ไฟสว่างไสวก็ร่วงลงสู่เบื้องล่าง
ทันใดนั้น แค่เงยหน้ามองไปก็จะเห็นว่าทั่วท้องฟ้าเมืองอวิ๋นเยวี่ยทุกหนแห่งมีประทัดมงคลที่เหมือนดอกไม้ไฟเบ่งบานอยู่ นางกำนัลแต่ละคนโปรยลูกกวาดลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั้งเมืองสนุกสนานรื่นเริง…
ผู้เฒ่าเฟิ่งที่สวมชุดคลุมสีแดงมงคลนั่งบนหลังเหล่าไป๋ นอกจากผ้าจีบดอกไม้แดงดอกใหญ่ที่ผูกไว้ข้างตัวเหล่าไป๋ บนร่างเขายังมีผ้าจีบดอกไม้แดงอีกดอกผูกคาดไว้ วันนี้เขาดีมีชีวิตชีวา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปีติ
ด้านหลังเขามีเกี้ยวใหญ่เท่าแปดคนแบก ด้านหน้าและด้านหลังเกี้ยวเจ้าสาวมีนางกำนัลถือตะกร้าดอกไม้แปดคนคอยติดตาม เดินไปพลางโปรยกลีบดอกไม้สด เสียงเป่าแตรตีกลองต่างรื่นเริงยินดี ทำให้ชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในเมืองพากันมุงดู และตามขบวนแห่ไปรับตัวเจ้าสาว
ขณะผู้เฒ่ามุ่งหน้าไปรับตัวเจ้าสาว ภายในพระราชวัง เฟิ่งเซียวกับเฟิ่งจิ่วสองคนยืนบนหลังวังมองอยู่ไกลๆ เห็นขบวนรับตัวเจ้าสาวเคลื่อนไปอย่างเอิกเกริก เฟิ่งเซียวเอ่ยยิ้มๆ อย่างทอดถอนใจโดยพลัน “เห็นผู้เฒ่าแต่งงาน ข้ากลับรู้สึกเหมือนมองลูกชายแต่งภรรยา”
“หึ!”
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ในดวงตามีรอยยิ้มที่ไม่อาจทนเก็บไว้ กล่าวอย่างหยอกล้อว่า “ที่แท้ไม่ใช่ข้าคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าท่านพ่อก็ด้วย!”
“ฮ่าๆๆ คำพูดเช่นนี้เราสองพ่อลูกคุยกันที่นี่ก็พอ จะให้ผู้เฒ่าได้ยินไม่ได้ มิเช่นนั้นต้องตำหนิพวกเราแน่”
เฟิ่งเซียวหัวเราะลั่น มีความรู้สึกเช่นนั้นได้ จริงๆ ก็เพราะครอบครัวพวกเขาไม่ได้จัดงานมงคลมานานมากแล้ว โดยเฉพาะเมื่องานมงคลนี้ไม่ได้จัดให้ลูกสาวแต่เป็นพ่อของเขา จึงรู้สึกแปลกๆ เป็นธรรมดา
ยามสองพ่อลูกมองขบวนรับตัวเจ้าสาวจากมุมสูงพลางพูดคุยกัน ทางตระกูลหลินก็ทั้งตื่นเต้นและคึกคัก…
“เกี้ยวเจ้าสาวใกล้มาถึงแล้ว ซู่ซีเตรียมตัวเป็นอย่างไรบ้าง?” หลินป๋อเหิงสาวก้าวเดินเข้ามา เห็นในห้องยุ่งวุ่นวาย บางคนถือนั่นบางคนถือนี่
“ใกล้แล้วๆ ผ้าคลุมหน้าล่ะ? ผ้าคลุมหน้าอยู่ไหน? รีบคลุมให้เจ้าสาวเร็ว” เพื่อนเจ้าสาวรีบขานเรียก ทุกคนที่ช่วยงานในห้องจึงตามหาผ้าคลุมหน้ากันอย่างร้อนรน
………………………………….