Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 614

№ 614 เป็นคนตระกูลเฟิ่งตั้งแต่นี้ไป

ท่ามกลางความกระวนกระวาย ด้านนอกมีเสียงบอกว่าเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูแล้วดังขึ้น ดังนั้นหลินป๋อเหิงจึงมายังข้างกายซู่ซี “ซู่ซี ซานหยวนมารับเจ้าแล้ว พี่ใหญ่จะส่งเจ้าขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว”

“ต้องรบกวนพี่ใหญ่แล้ว” ใต้ผ้าคลุมหน้า ซู่ซีผู้งดงามราวบุปผาเอ่ยเสียงเบา

หลินป๋อเหิงโน้มตัวลงแบกนางขึ้นหลัง ก่อนจะส่งนางออกไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวด้วยตนเอง…

ในระหว่างพิธีการมากมาย หลังจากขบวนแห่รับตัวเจ้าสาวแล้วก็มุ่งไปพระราชวังอย่างยิ่งใหญ่ เหล่าคนตระกูลหลินยังร่วมทางไปส่งตัวเจ้าสาวและเข้าวังพร้อมๆ กัน

ชาวบ้านในเมืองตามไปตลอดทาง จนมาถึงประตูวัง ก็เห็นจักรพรรดิหลวงพลิกตัวลงจากม้า ถีบเปิดประตูเกี้ยวและจูงมือเจ้าสาวเข้าวังไปด้วยตัวเอง จนกระทั่งไม่เห็นร่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นั้นแล้ว ทุกคนถึงจะจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์

เพราะขบวนรับตัวเจ้าสาวต้องเดินวนรอบเมือง ผ่านไปสักพักเวลาก็สายแล้ว แต่พวกเขายังมารับตัวเจ้าสาวถึงที่พักตระกูลหลินได้ตามเวลาฤกษ์ที่คำนวณไว้ จากนั้นค่อยกลับวัง เป็นเช่นนี้มาเวลาก็ผ่านพ้นเที่ยงวันแล้ว จนกระทั่งคู่บ่าวสาวเข้าวัง หลังจากคารวะบรรพบุรุษตระกูลเฟิ่งถึงจะส่งตัวเข้าห้องหอ และงานเลี้ยงด้านนอกก็เริ่มขึ้น

อาจเพราะโดนเฟิ่งจิ่วซ้อมไปหรือผู้ครองแคว้นต่างๆ มีคำสั่งไว้ ในงานแต่ง คนจากแต่ละแคว้นจึงอยู่ในความสงบไม่มีเรื่องทะเลาะวิวาทและไม่สร้างปัญหา ทำให้เฟิ่งเซียวแอบโล่งใจ

ภายในงานเลี้ยง เฟิ่งเซียวรับผิดชอบดูแลผู้ครองแต่ละแคว้นรวมถึงองค์ชายทั้งหลาย ผู้เฒ่าเกิ่งกับกวนสีหลิ่นมีหน้าที่ต้อนรับพวกผู้นำจากแต่ละตระกูล ส่วนเฟิ่งจิ่วคอยรับรองคนตระกูลหลิน จึงเห็นลูกหลานคนหนุ่มในตระกูลหลินด้วย

ระหว่างงานเลี้ยง ผู้เฒ่าออกมาต้อนรับแขกและดื่มเหล้าแสดงความเคารพทีละโต๊ะ วันนี้ทั้งวันใบหน้าเขาล้วนมีรอยยิ้มที่ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ รอยยิ้มที่เอ่อล้นจากก้นบึ้งหัวใจนั้นทำให้ทุกคนเห็นแล้วยินดีแทนเขา

ถึงอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิหลวง ห้องหอเขาไม่มีใครกล้ารบกวน ด้วยเหตุนี้หลังจากดื่มเหล้าแสดงความเคารพผู้เฒ่าจึงออกไปก่อน ส่วนทุกคนก็ดื่มกันเต็มที่มาตลอดจนดึกดื่นถึงจะแยกย้ายกันไป…

คืนนี้หลังจากเฟิ่งเซียวกับเฟิ่งจิ่วที่เป็นเจ้าภาพงานส่งแขกไปหมดแล้ว สองพ่อลูกก็มองหน้ายิ้มให้กัน

เฟิ่งจิ่วมองไปยังตำหนักท่านปู่ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “ท่านพ่อ พวกเขาไปกันหมดแล้ว ท่านว่าเราสองพ่อลูกไปก่อกวนห้องหอท่านปู่เสียหน่อยดีหรือไม่?”

เฟิ่งเซียวได้ยินเช่นนี้ก็ผงะเล็กน้อย จากนั้นจึงหลุดยิ้ม “กลับไปพักผ่อนๆ เจ้าอย่าสร้างปัญหาเลย จะได้ไม่ทำให้พวกท่านปู่เจ้าตกใจ”

พูดจบเขาก็หาว กล่าวว่า “วันนี้ยุ่งมาทั้งวัน ข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน เจ้าก็รีบๆ กลับไปเถอะ!” กล่าวจบก็เดินออกไปโดยไม่รอให้นางพูดอะไร ฝีเท้านั้นเร็วเล็กน้อย เหมือนกลัวว่าหากนางพูดอะไรออกมาอีกจะทำให้เขาตอบกลับคำพูดไม่ได้

ตอนมองแผ่นหลังท่านพ่อที่หนีไป เธอกลอกตาพลางลูบๆ คาง พูดกับตนเองว่า “จะตกใจหรือ? เฮ้อ ช่างเถอะ! คืนนี้เป็นคืนแต่งงานของท่านปู่ อย่าไปก่อเรื่องจะดีกว่า”

เธอหัวเราะเบาๆ จากนั้นถึงจะหมุนตัวกลับตำหนักไป…

วันต่อมาเวลาประมาณยามเฉิน เฟิ่งเซียวกับเฟิ่งจิ่วสองพ่อลูกมายังตำหนักกลาง ดื่มชาคารวะผู้เฒ่ากับซู่ซี

ชาถ้วยนี้คือการยอมรับว่านางจะเป็นคนตระกูลพวกเขานับแต่นี้ไป และยังเป็นการคารวะผู้อาวุโส

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เชิญดื่มชาขอรับ” เฟิ่งเซียวยกน้ำชาให้ทั้งสองด้วยความเคารพ ในใจมีความอึดอัดเล็กน้อยยามที่เรียกออกไปว่าท่านแม่ ถึงอย่างไรคนที่เขาเรียกว่าท่านแม่ก็หน้าตาอย่างกับลูกสาวเขา ความลำบากใจนี้แค่คิดดูก็รู้แล้ว

แต่เขาไม่รังเกียจที่จะยอมรับนาง แม่ผู้ให้กำเนิดเขาเรียกว่าท่านแม่ ส่วนคำเรียกท่านแม่เช่นนี้ก็เป็นการให้เกียรตินาง

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version