№ 651 เจ้ากินน้ำแกงก่อน
“เฮ้อ! ข้าเสียใจ สำนักยาเซียนไม่มีอะไรเลย แม้แต่คนยังน้อยเสียจนน่าสงสาร คนคุยด้วยไม่มีไม่เท่าไร ซ้ำยังไม่ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร หากท่านพ่อท่านปู่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ถูกปล่อยให้หิวจนกลายเป็นเช่นนี้ จะต้องเจ็บปวดใจสักแค่ไหน?”
เฟิ่งจิ่วพูดพร่ำพลางกัดเนื้อน่องไก่วิญญาณในมือ จัดการอย่างรวดเร็ว โยนกระดูกไปด้านหลังทันที แล้วหยิบขาหมูน้ำแดงขึ้นมาแทะ
อาจเพราะเห็นเด็กหนุ่มด้านล่างกินเต็มปากเต็มคำ ความอยากอาหารที่ดียิ่งนั้นจึงทำให้โม่เฉินบนต้นไม้มองเสียจนท้องร้องโครกคราก
เสียงนี้ไม่ได้ดัง แต่ในเวลานี้กลับดังชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อได้ยินถึงหูเฟิ่งจิ่วที่ใต้ต้นไม้ นั่นยิ่งเป็นเสียงดังราวกับฟ้าผ่า เธอตะลึงจนต้องเงยหน้าไปตามสัญชาตญาณ มองไปก็ตกใจจนขาหมูในมือตกลงพื้นทันที เนื้อในปากยังกลืนไม่ลง ทำให้สำลักและไอขึ้นมาทันที
“แค่กๆๆๆ…”
เธอลุกยืนขึ้นพลางตบๆ หน้าอก เดิมคิดจะต่อว่าคนคนนี้ที่ซ่อนอยู่ตรงนั้นอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็นทำให้คนตกใจ แต่นึกถึงคำพูดที่เธอเอ่ยเมื่อครู่ ทันใดนั้นก็ร้อนเนื้อร้อนตัว ก่อนจะสงบสติอารมณ์ทันที เก็บกดไฟโทสะไว้แล้วฉีกยิ้มให้
“คือว่า…เจ้าก็หิวหรือ? ลงมากินด้วยกันสิ กินด้วยกันเถอะ อาหารข้ามีเยอะนะ!”
โม่เฉินบนต้นไม้เห็นว่าหลังจากเด็กหนุ่มด้านล่างตื่นตกใจก็ยังมีความขุ่นเคือง ตามมาด้วยท่าทางร้อนตัว เขามองแล้วแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าไม่ลงไปและยังคงนั่งมองเงียบๆ
เห็นเขาไม่สนใจใยดีเธอเลย เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มกระอักกระอ่วน แล้วบอกอีกว่า “เจ้าเป็นนักเรียนสำนักพลังวิญญาณหรือ? พวกเราเคยเจอกันข้างนอกสำนักศึกษาบนต้นไม้และใต้ต้นไม้เหมือนกัน ช่างเป็นพรหมลิขิตจริงๆ!”
ใช่! แต่จะเป็นแค่พรหมลิขิตแน่หรือ? เธอวิ่งมาขโมยของกินถึงที่นี่ นึกไม่ถึงว่าจะถูกคนพบเข้า หนำซ้ำยังเป็นบุรุษเทพจุติที่ชัดเจนว่าพละกำลังเหนือกว่าเธอ เขามาตั้งแต่เมื่อไรยังไม่รู้เลย พอนึกถึงว่าก่อนหน้านี้ตนหยิบอาหารออกมาจากห้วงมิติภายใต้สายตาเขา ก็ร้อนเนื้อร้อนตัวอย่างอดไม่ได้
เขาน่าจะไม่สังเกตเห็นว่าห้วงมิติเธอไม่เหมือนห้วงมิติทั่วไป
เวลาคล้ายจะหยุดลง เฟิ่งจิ่วใต้ต้นไม้ยิ้มจนหน้าแข็งทื่อ ก็ไม่เห็นว่าคนด้านบนจะมีปฏิกิริยาใดๆ กระทั่งหลังจากผ่านไปสักพัก ขณะที่เธอคิดว่าจะกระโจนขึ้นต้นไม้เอาไปยัดเยียดให้เขาเสียหน่อยดีหรือไม่ ก็เห็นเทพจุติชุดขาวบนต้นไม้กระโดดเบาๆ และลงมายืนตรงหน้าเธออย่างมั่นคง
เห็นเช่นนี้ ดวงตาเธอเป็นประกาย รีบลากเขามาตรงพื้นหญ้าข้างๆ อาหารพวกนั้นและกดเขาให้นั่งลง “นั่งๆๆ เจ้านั่งไว้ก็พอ ข้าจะตักน้ำแกงให้เจ้า รสชาติน้ำแกงนี้ดีมาก ข้าได้ยินคนในห้องครัวบอกว่าเตรียมไว้ให้คุณชายโม่เฉินอะไรนั่น ข้าเพิ่งกินไปชามเดียว ไม่เลวเลยจริงๆ”
เธอพูดพลางตักน้ำแกงให้เขาเต็มๆ หนึ่งชามอย่างเริงร่า จากนั้นค่อยยกไปตรงหน้าเขาด้วยสองมืออย่างเอาใจใส่ ทว่าเมื่อเทพจุติชุดขาวที่นั่งบนพื้นหญ้าหันหน้ามาเล็กน้อย และเห็นรอยประทับอุ้งมือมันๆ สองรอยบนแขนเสื้อสีขาวบริสุทธิ์ของเขา เธอก็แข็งทื่อทันใด ยิ้มอย่างขออภัยอยู่บ้าง
“นั่น…นี่…ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าแค่ตื่นเต้นเกินไป”
ใช่ ตื่นเต้นเกินไป ถูกพบตอนขโมยของกิน อย่างไรก็ต้องดึงคนคนนี้เข้ามา เช่นนี้ก็เป็นพันธมิตรกันแล้ว เธอไม่เชื่อหรอกว่าหลังจากกินน้ำแกงชามนี้แล้วเขาจะพูดเรื่องที่เจอวันนี้ออกไป
ทว่า เห็นเขาจ้องมองรอยอุ้งมือมันเยิ้มสองรอยนั้นบนแขนเสื้ออยู่เนิ่นนาน ซ้ำยังชำเลืองมองอีกรอยบนไหล่ ในที่สุดเธอก็เอ่ยไปอย่างกลั้นไม่อยู่ “ไม่เช่นนั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน! เจ้ากินน้ำแกงไปก่อน ส่วนเสื้อคลุมตัวนี้เดี๋ยวเจ้าถอดออกมา ข้าจะซักให้สะอาดเลย”
…………………………….