№ 654 โม่เฉินผู้เย่อหยิ่งเย็นชาน่ารัก
แสงอาทิตย์แรกยามเช้าตรู่ส่องผ่านใบไม้ตรงตามเวลา เฟิ่งจิ่วที่เอนหลังนอนบนต้นไม้กำลังพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ทว่าเมื่อนึกถึงสถานที่ที่อยู่ตอนนี้ ถึงค่อยขยี้ตาหาวหวอดอย่างนิ่งไว้ไม่ไหวติง
“อากาศในป่าช่างดีจริงๆ!”
เธอหยีตาฟังเสียงลมเย็นยามเช้าพัดผ่านใบไม้ นกบนต้นไม้ร้องเจื้อยแจ้ว อารมณ์ไม่อาจผ่อนคลาย เพียงรู้สึกปล่อยวางเป็นอิสระ ในเวลานี้เองเมื่อหางตาเหลือบเห็นคนคนนั้นนั่งพิงบนกิ่งไม้ข้างกัน และกำลังมองเธออยู่เงียบๆ ทันใดนั้นก็ตกใจเสียจนแทบจะหัวทิ่มลงพื้น
เธอเกาะค้ำกิ่งไม้ไว้ พลางตบๆ อกมองเขาอย่างขุ่นเคือง “ทำไมเจ้ายังตามมาอีก? ไม่ส่งเสียงอะไรบ้างเล่า? ไม่รู้หรือว่าคนจะตกใจตายได้?” เช้าตรู่เช่นนี้นึกไม่ถึงว่าจะลืมตามาเห็นผู้ชายคนนี้
ยามนี้ในสายตาเธอคนคนนี้ไม่ใช่เทพจุติที่เจอกันตอนแรก แค่รู้สึกคล้ายกับวิญญาณที่มักจะปรากฏตัวข้างกายอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็น นี่มันตั้งกี่ครั้งแล้ว?
“ข้าต้องการให้เจ้าช่วย”
โม่เฉินเอ่ยเสียงค่อย สายตาหยุดลงในป่า “ที่นี่มียาทิพย์ห้าอย่างที่ข้าต้องการ”
“อย่ามาล้อเล่นน่า กำลังเจ้าอยู่เหนือกว่าข้า ไหนเลยต้องให้ข้าช่วยอะไรด้วย?” เฟิ่งจิ่วโบกๆ มือ “ยาทิพย์ห้าอย่างนั้นทั้งหมดมีสี่อย่างต้องเก็บจากร่างสัตว์วิญญาณ เจ้าต้องไปจัดการเอง อย่าดึงข้าไปเกี่ยว ข้าไม่คิดจะชดใช้ด้วยชีวิตของข้า!”
โม่เฉินมองนาง บอกว่า “เจ้าไม่ต้องจับ แค่ต้องช่วยข้าเก็บ เป็นผู้ช่วย”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย มองเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นนักเรียนสำนักพลังวิญญาณสินะ? นักเรียนสำนักพลังวิญญาณทำอะไรถึงต้องตามหาสมุนไพรพวกนั้น? หรือว่าเป็นสำนักยา? ไม่ใช่สิ บนตัวเจ้าไม่มีกลิ่นยา เป็นคนสำนักไหนกันแน่?”
โม่เฉินมองเฟิ่งจิ่ว ไม่ตอบคำถามแต่เอ่ยว่า “เจ้าซักชุดไหมสวรรค์ข้าขาด”
ได้ยินคำพูดนี้มุมปากเฟิ่งจิ่วกระตุก พร้อมหันหน้าหนีอย่างหมดคำพูด ทันใดนั้นเธอก็พบว่าชายชุดขาวคนนี้ช่างเหมือนเทพจุติจริงๆ และสง่างามไม่ธรรมดา แค่ซักเสื้อผ้าเขาขาดไม่ใช่หรือ? ต้องกล่าวโทษซ้ำๆ เช่นนี้เลย?
“เอาละๆ ข้าไม่ถามแล้วตกลงไหม? เจ้าพูดแล้วนะว่าจะไปจับเอง ข้าแค่รับผิดชอบเป็นผู้ช่วยให้เจ้า ข้ายังมีเรื่องของตนเองต้องทำ! ไม่มีธุระก็อย่ามารบกวนข้า” เธอพูดพลางเบ้ปาก กระโดดเบาๆ ลงพื้นอย่างมั่นคง แล้วมองสิ่งแวดล้อมรอบข้าง จากนั้นค่อยนั่งลงบนพื้นและหยิบสมุนไหรออกมาเริ่มบด
ไปตามหาอสูรเพลิงเขาเดียวทั่วป่านั้นยุ่งยากเกินไป หากทำให้พวกมันมาหาเธออย่างว่าง่าย เช่นนั้นการเก็บมณีเพลิงคงง่ายขึ้นเยอะ
เห็นหนุ่มน้อยนั่งบดสมุนไพรบนพื้น เขาผงะไปนิดแล้วจึงถามว่า “เจ้าต้องการเวลาเท่าไร?”
“ครึ่งชั่วยาม” เธอพูดโดยไม่เงยหน้า
“ผ่านไปครึ่งชั่วยามค่อยตามข้าเข้ามาใจกลางเทือกเขาหมื่นอสูร” สมุนไพรพวกนั้นที่เขาต้องหาล้วนอยู่ใจกลางนั้น รอบนอกนี้ไม่มีหรอก
“รู้แล้วๆ ข้าก็ต้องไปที่นั่น” เธอพูดพลางจัดการสมุนไพรบนมืออย่างรวดเร็ว
ประมาณครึ่งชั่วยามผงยาเต็มๆ สองขวดก็ถูกเก็บเข้าแขนเสื้อ ถึงจะลุกขึ้นยืนตบๆ เสื้อคลุม บอกคนที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ตลอดว่า
“ไปเถอะ!”
โม่เฉินเห็นเขาจัดการเรื่องในมือเรียบร้อยแล้ว ซ้ำยังได้ยินคำพูดเขา จึงสาวก้าวเดินไปข้างหน้า ทว่าฝีเท้าเพิ่งออกก้าวก็โดนหนุ่มน้อยดึงแขนเสื้อไว้
เขาหันกลับไปมอง สิ่งแรกที่มองไม่ใช่ใบหน้าเด็กหนุ่ม แต่เป็นมือที่คว้าแขนเสื้อเขา
“วางใจเถอะ มือข้าสะอาดแล้วน่า!” เฟิ่งจิ่วกลอกตามอง บอกว่า
“เจ้าคงไม่คิดจะเดินเข้าไปกระมัง? ขี่กระบี่ไม่เป็นหรือ?”
……………………………