№ 653 เดินตามท้าย
“นี่…” เฟิ่งจิ่วมองเขาอย่างขออภัยไปบ้าง “เช่นนั้น ข้าจะชดเชยให้เจ้าทีหลังแล้วกัน!”
“เจ้าชดใช้ไม่ไหวหรอก มันทอมาจากไหมสวรรค์ที่ปล่อยเส้นไหมสามปีครั้ง”
ได้ยินเช่นนี้มุมปากเฟิ่งจิ่วกระตุก เห็นท่าทางเขาสงบนิ่ง จึงเอ่ยถามหน้าเจื่อน “ชะ เช่นนั้นจะทำอย่างไร? ก็ของมันเสียไปแล้ว”
“เจ้าบอกว่าเจ้าอยู่สำนักยาเซียน” เขามองเด็กหนุ่มตรงหน้า น้ำเสียงใจเย็น
“เหอะ… ใช่ ข้าเพิ่งเข้ามายังกลั่นยาเซียนไม่เป็น” เธอรีบบอก กลัวอีกฝ่ายนึกว่าเธออยู่สำนักยาเซียน ดังนั้นจึงจะให้เธอช่วยกลั่นยาเซียน
โม่เฉินชายตามองเฟิ่งจิ่ว พอสะบัดมือกระดาษแผ่นหนึ่งก็แผ่หราอยู่บนมือ “ช่วยข้าตามหายาทิพย์ห้าอย่างในนี้”
เฟิ่งจิ่วไม่รับแต่ขมวดคิ้ว บอกว่า “เจ้าต้องการยาทิพย์ไปแลกเอาไม่ได้หรือ? สถานที่เช่นภูเขาลึกป่าทึบนี้ข้าจะไปหายาทิพย์ที่ไหนให้เจ้า! ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังมีเรื่องต้องทำ! แม้เสื้อผ้าเจ้ามีค่าก็เป็นแค่เสื้อผ้า อย่างมากข้าจะชดใช้ให้เจ้าทีหลังสิบชุดยังได้เลยกระมัง? ไหมสวรรค์คงไม่ล้ำค่ามากไปกว่าไหมน้ำแข็ง เดี๋ยวข้าออกจากสำนักศึกษาก็มีวิธีช่วยเจ้าเอามาเอง”
“ของพวกนี้ข้าต้องการแบบสดใหม่ ที่จุดแลกเปลี่ยนไม่มีหรอก”
ได้ยินเช่นนี้เธอก็มองเขา ในใจนึกสงสัย สดใหม่หรือ?
เธอยื่นมือไปรับมากวาดดูยาทิพย์ในนั้น เมื่อเห็นยาทิพย์ห้าอย่างนั้นก็ถลึงตาขึ้นทันใด กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทั้งหมดนี้เป็นยาทิพย์ระดับสามขึ้นไป ที่นี่มียาทิพย์ระดับสามด้วยหรือ? ต่อให้มีอยากจะหาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย! อสรพิษวิญญาณสีน้ำเงินเป็นงูพิษระดับเก้า ตัวมันใหญ่เท่าแค่ตะเกียบ ความเร็วเอาสายฟ้ามาเทียบยังไม่ถือว่าเกินไป เจ้าต้องการนำเกล็ดสีน้ำเงินบนตัวมันมาทำยา? จะทำได้อย่างไรเล่า?”
“ยังมีเลือดกวางคู่ทรัพย์ สิ่งนี้มีค่าแค่ไหนเจ้ารู้หรือเปล่า? เลือดกวางเชียวนะ! เจ้าเอาเลือดข้าไปยังดีกว่า! ซักเสื้อผ้าเจ้าขาดแล้วต้องหาของบ้าๆ พวกนี้ให้เจ้า หากหาของพวกนี้พบข้าคงเก็บไว้เอง ต้องให้เจ้าด้วยหรือ?” เธอมองเขาราวกับมองคนโง่ ขยำกระดาษนั้นเป็นก้อนและยัดกลับอกเสื้อเขา
“ข้าคร้านจะสนใจเจ้า น้ำแกงเจ้าก็กินไปแล้ว เนื้อเจ้าก็กินไปแล้ว จึงถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดการขโมยอาหาร ข้าไม่กลัวเจ้าไปฟ้องหรอก” เธอแค่นเสียงหยัน แล้วเดินกร่างผ่านข้างกายเขาไป
“โอกาสหน้าคงได้พบกันอีก!”
น้ำเสียงเริงร่าลอยมาไกลๆ ก็เห็นเฟิ่งจิ่วเรียกพลังยกแขนพุ่งไปยังเทือกเขาหมื่นอสูร โดยไม่สนใจว่าตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว…
โม่เฉินมองร่างหนุ่มน้อยคนนั้นมุ่งไปยังเทือกเขาหมื่นอสูร แววตาฉายประกายเล็กน้อย อันที่จริงเขาให้หนุ่มน้อยช่วยเก็บสมุนไพรพวกนั้น แค่คิดว่าหลังจากตนเองหาพบจะให้หนุ่มน้อยช่วยเก็บ คล้ายกับเป็นผู้ช่วย แต่ยังพูดไม่ทันจบความรู้ของหนุ่มน้อยกลับทำให้เขาประหลาดใจมาก
ยามนี้เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นพุ่งไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรราวกับสายลม นึกถึงว่าก่อนหน้านี้เขาบอกยังมีเรื่องต้องทำ คงจะไปที่เทือกเขาหมื่นอสูร ในเมื่อเป็นเช่นนี้…
เขาชำเลืองมองเสื้อคลุมที่ถูกโยนลงบนพื้น แล้วดึงสายตากลับมา จากนั้นค่อยสาวก้าวตามหลังหนุ่มน้อยคนนั้นไปยังเทือกเขาหมื่นอสูร
เฟิ่งจิ่วที่เดินทางอาศัยความมืดหลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่งก็หันกลับไปมอง และใช้ดวงจิตค้นหาอย่างละเอียด มั่นใจว่าชายชุดขาวคนนั้นไม่ตามมาแล้ว ถึงจะฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ฝีเท้าเธอไม่หยุด ขณะที่เคลื่อนไหวความเร็วของย่างก้าวอันแปลกประหลาดช่างว่องไว
ร่างสีขาวค่อยๆ เดินออกมาจากหลังต้นไม้ มองฝีเท้าและความเร็วแปลกประหลาดของหนุ่มน้อยคนนั้น ในดวงตาเขาฉายแววแปลกๆ แล้วตามไปเงียบๆ
…………………