№ 695 พาไปทันที
เมื่อเห็นเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาบนทางกลางภูเขาระหว่างยอดเขาสำนักยากับสำนักยาเซียน เธออดถลึงตาไม่ได้
เป็นเรื่องที่เจ้าสองตัวนี้ก่อไว้จริงๆ ด้วย!
เห็นว่าบริเวณหน้ายอดเขาสำนักยามีนักเรียนสำนักพลังวิญญาณสองสามคนลาดตระเวนอยู่กลางไร่สมุนไพร หัวใจเธอหวั่นๆ ขึ้นมาทันใด จึงลอยร่อนลงไปหาสัตว์อสูรสองตัวนั้นด้านล่าง
“ฮี้!”
เหล่าไป๋เห็นเฟิ่งจิ่วก็สะบัดหางพ่นลมหายใจวิ่งไปทางเธออย่างตื่นเต้น ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันเดินเข้าใกล้ ก็โดนแขนเสื้อเฟิ่งจิ่วม้วนพาเข้าไปห้วงมิติทันที ทางอสูรกลืนเมฆาเห็นแล้วกำลังจะเอ่ยปาก ทว่าก็โดนเก็บเข้าไปด้วย
หลังจากเฟิ่งจิ่วส่งสัตว์อสูรทั้งสองเข้าห้วงมิติ ก็ถอยห่างจากเขตอาคมของยอดเขาสำนักยาอย่างว่องไว กลับไปยอดเขาสำนักยาเซียนด้วยความเงียบเชียบ และมุ่งไปทางอาศรม กลับถึงหน้าอาศรมแล้วถึงค่อยปล่อยสัตว์อสูรทั้งสองออกมา
“พวกเจ้าบังอาจมาก!” เธอมองสองสัตว์อสูรอย่างโกรธเกรี้ยว
“นายท่าน…” อสูรเมฆาหมอบลงไปไม่กล้าเงยหน้า
“ฮี้!” เหล่าไป๋หมอบลงตามเช่นกัน พร้อมทั้งส่ายหาง
ทางหมีดำตัวใหญ่เอียงหัวมองเล็กน้อย นั่งนิ่งไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร
“ยาทิพย์ที่ขโมยไปกินหมดแล้วสินะ? นึกไม่ถึงว่าจะวิ่งไปขโมยยาทิพย์ถึงยอดเขาสำนักยาโดยไม่บอกนาย? พวกเจ้าสองตัวนี่ ดี! ช่างกล้าดีจริงๆ!”
อสูรกลืนเมฆาได้ยินก็นิ่งไป เห็นนายท่านด่าว่าอย่างโกรธเคืองเช่นนั้น ก็มั่นใจว่านายท่านโกรธเพราะพวกมันไม่ได้ส่งยาทิพย์ต่างๆ ให้ แต่ยักยอกเก็บไว้เอง? นึกถึงตรงนี้อสูรกลืนเมฆาก็ชะงัก บอกว่า “นายท่าน หากต้องการโสมวิญญาณ ข้าไปถอนมาอีกได้”
“ถอนหัวเจ้าน่ะสิ”
เฟิ่งจิ่วตบลงบนหัวมัน “เจ้าไม่รู้หรือว่าเรื่องนี้กระเทือนแม้แต่รองเจ้าสำนัก? เมื่อครู่หากข้าไม่ไปพาพวกเจ้ากลับมา ตอนนี้คงโดนจับไปแล้ว ถึงเวลานั้นแม้แต่ข้ายังต้องซวยไปด้วย”
อสูรกลืนเมฆาหดหัว กล่าวเสียงค่อยว่า “แต่นายท่าน ที่นี่ไม่มีอะไรที่เรากินได้เลย มีเพียงยอดเขาสำนักยาทางนั้นที่มี”
“พวกเจ้าจะไปยอดเขาสำนักยาอีกไม่ได้ เฝ้าอาศรมอย่างว่าง่ายอย่าให้คนอื่นมาก่อเรื่อง แล้วข้าจะกลั่นพวกยาอายุวัฒนะให้” ในห้วงมิติเธอมียาทิพย์ไม่น้อย ยังเอามาฝึกฝีมือได้
อาจารย์เธอพูดไว้ไม่ผิดเลย ร่างเทพประทับฝึกบำเพ็ญเร็วกว่าคนอื่นมากเป็นสิบเท่าจริงๆ ประกอบกับใช้กำลังภายในก่อกำเนิดเสริมกันและกัน ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสิบวันเธอจึงควบคุมธาตุทั้งห้าในร่างได้ทั้งหมด ยามนี้ทุกวันเวลาฝึกบำเพ็ญเธอจะแบ่งกลิ่นอายพลังวิญญาณมาปรับอุณหภูมิเม็ดบัวเขียวเม็ดนั้นตรงจุดตันเถียน
พลังวิญญาณบรรลุถึงระดับยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ขาดแค่โอกาสเดียวจะสร้างรากฐานได้ แต่หากอยู่ในสำนักศึกษา เกรงว่าอยากจะหาโอกาสเช่นนี้คงยากมาก รอผ่านไปสักสองสามวันเธอค่อยหาโอกาสออกจากสำนักศึกษาไปเสี่ยงโชคเสียหน่อย
หลังจากจัดการกับสามสัตว์อสูร เธอเข้าอาศรมไปกลั่นยาเซียน เปิดเตาที่นี่และกลั่นยาเซียนในอาศรมเป็นครั้งแรก ภายใต้การป้องกันของเขตอาคม เสียงการเคลื่อนไหวจะเบามาก คนภายนอกแทบไม่รู้ว่าเธอกำลังกลั่นยาเซียนในห้องหินปรุงยาของอาศรม
โชคดีที่ไม่รู้ มิเช่นนั้นหากอาจารย์สำนักยาเซียนสองคนนั้นเห็นเข้า ต้องตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเป็นแน่ นักเรียนที่เพิ่งเข้าสำนักยาเซียนแค่ไม่กี่เดือนบอกจะเปิดเตาก็เปิด บอกจะกลั่นยาเซียนก็กลั่น ตั้งแต่เย็นถึงเช้าตรู่ปรุงกลั่นยาอายุวัฒนะระดับหนึ่งออกมาแล้วเกือบสิบขวดเป็นอาหารให้สัตว์อสูรทั้งสาม
เทียบกับสามสัตว์อสูรทางนี้ที่หมอบเฝ้าอาศรมอย่างเป็นระเบียบ พวกนักเรียนตรงยอดเขาสำนักยาด้านนั้นกำลังซุ่มซ่อนอยู่ท่ามกลางยาทิพย์หรือต้นไม้ เตรียมตัวว่าขอแค่มีหัวขโมยสมุนไพรมาก็จะจับได้ทันที ทว่าเฝ้าอยู่ที่นั่นติดต่อกันสามวันยังไม่เห็นคนน่าสงสัยปรากฏตัวออกมาเลย
…………………………