№ 659 ยาวิญญาณต้นระดับหก
โม่เฉินมองอสูรเพลิงสองตนนั้นที่วิ่งหนีไปอย่างแปลกใจเช่นกัน ไม่ได้แปลกใจที่พวกมันยังหนีไปได้ แต่แปลกใจกับท่าทางตื่นตกใจของอสูรสองตนนั้นยามที่มองไปยังหนุ่มน้อย
เขามองไปทางเด็กหนุ่มคนนั้น เห็นเด็กหนุ่มเบิกตามองก็กำชับ จากนั้นค่อยจากไป
ผ่านไปอีกประมาณหนึ่งชั่วยาม โม่เฉินจับสัตว์กลับมาอีกสองตัว เมื่อเห็นหนุ่มน้อยนั่งบดนวดยาเม็ดอยู่ในเขตอาคม ก็เรียกไปว่า “เสร็จแล้วมาช่วยที”
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองเขา นวดโคลนยาส่วนสุดท้ายกลายเป็นเม็ดยาและเก็บไปโดยเร็ว ล้างมือก่อนจะเดินไปหาเขา เห็นว่าสิ่งที่เขานำกลับมาครั้งนี้คือสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดสองตัว เธอพินิจมองสัตว์วิญญาณสองตัวนั้นสักพัก ก่อนถามว่า “ข้าต้องช่วยอย่างไร?”
“เก็บสมุนไพรพวกนั้นที่ข้าต้องใช้เสีย ส่วนเลือดกวางคู่ทรัพย์รอถึงเวลาข้าสั่งเจ้าค่อยเก็บ” เขาสั่งโดยไม่เงยหน้า หมุนตัวเดินไปวางเขตอาคมบริเวณไม่ไกล จากนั้นค่อยหยิบเตาปรุงยาจากห้วงมิติมาเริ่มเตรียมยา
เฟิ่งจิ่วเห็นเตาปรุงยาใบนั้นก็อ้าปากค้าง ขะ ขะ เขาจะกลั่นยาเซียน? เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุหรือ
ครั้นนึกถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจเธอตื่นเต้นขึ้นมา ลงมือขอดเกล็ดสีน้ำเงินบนตัวอสรพิษวิญญาณสีน้ำเงินอย่างรวดเร็วโดยทันที แล้วเก็บไขมันใต้ผิวหนังสัตว์สามสี
นักเล่นแร่แปรธาตุเชียวนะ! เธอเข้าสำนักศึกษามายังไม่เห็นนักเล่นแร่แปรธาตุกลั่นยาเซียนเลย ยากนักที่เธอจะพบสักคน อย่างไรเธอก็ต้องดูเสียหน่อยว่าวิธีกลั่นยาเซียนของเขามีอะไรต่างกับเธอบ้าง
ทางด้านนั้น โม่เฉินจุดดวงไฟใจกลางพิภพขึ้นและเปิดเตาเตรียมการ เขาเข้ามาเทือกเขาแห่งนี้ก็เพื่อยาวิญญาณต้นระดับหก ยานี้ต้องใช้ดวงไฟใจกลางพิภพปรุงกลั่น พวกสมุนไพรในนั้นยังต้องผสมทั้งสดใหม่ สำหรับเลือดกวางคู่ทรัพย์จำต้องเก็บเลือดที่ยังอุ่นๆ มากลั่นกับสมุนไพร ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินทางมายังเทือกเขาหมื่นอสูร
เฟิ่งจิ่วทำตามที่เขาบอก เก็บสมุนไพรที่ใช้ได้จากร่างสัตว์พวกนั้น แล้วมาดูอยู่ด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว เห็นเขาจุดดวงไฟใจกลางพิภพก็แปลกใจในทันที นักเล่นแร่แปรธาตุนอกจากเปลวไฟจากธาตุไฟในร่างยังสามารถจุดดวงไฟใจกลางพิภพมากลั่นยาเซียนได้ด้วย แต่ถึงอย่างไรดวงไฟใจกลางพิภพก็ไม่ใช่เปลวไฟในร่างตนเอง หากควบคุมไม่ถูกต้องแม้เพียงเล็กน้อยเตากลั่นยาเซียนจะเสีย ด้วยเหตุนี้จึงมีน้อยคนนักที่จะใช้ดวงไฟใจกลางพิภพมากลั่นยา
ในเมื่อเขากล้าใช้ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ความมั่นใจเช่นนี้ เขาคงเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ? หรือบรรพชนนักปรุงยา?
เห็นไฟใต้เตาเขายังลุกโชน หนำซ้ำยังใช้กิ่งหลิวเป็นเชื้อเพลิง เธอมองเสียจนแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ตั้งใจดูชายชุดขาวคนนั้นจับข้อนิ้ว พลางเติมสมุนไพรลงในเตาปรุงยา ท่าทางคล่องแคล่วและวิธีกลั่นยาเซียนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั้นทำให้เธอได้เปิดโลก
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ข้างในเตามีกลิ่นหอมยาลอยออกมาจางๆ กลิ่นหอมยากระจายไปและล่องลอยท่ามกลางป่าไม้ ดึงดูดสัตว์วิญญาณกับสัตว์ร้ายกลุ่มใหญ่มา ทว่าสัตว์พวกนั้นกลับถูกแยกไว้นอกเขตอาคม พยายามจะพุ่งชนแต่ทำลายไม่ได้ ทำได้เพียงเดินวนไปมาและหมอบเฝ้าอยู่นอกเขตอาคม
“เอาเลือดกวางคู่ทรัพย์มา!”
หน้าผากโม่เฉินมีเหงื่อไหล การกลั่นยาเซียนใช้พลังวิญญาณเขาไปไม่น้อย ยามนี้เขาจดจ่ออยู่กับยาเซียนในเตา พร้อมสั่งกับเฟิ่งจิ่วโดยไม่หันกลับมา
“โอ้! ได้”
เฟิ่งจิ่วได้สติและมาข้างหน้ากวางคู่ทรัพย์ที่ล่ามไว้ด้วยความรวดเร็ว ใช้กริชกรีดเปิดแผลเล็กๆ นำเลือดกว่าครึ่งค่อนชามมายังข้างกายเขา เพียงเห็นเขาใช้มือรวบรวมพลัง แล้วเลือดกวางในชามก็ถูกดูดเข้าเตาปรุงยาโดยไม่เหลือสักหยด
เธอถอยไปสองสามก้าว มองเขากำลังทำการกลั่นยาขั้นสุดท้าย ทว่าในเวลานี้เอง เสียงฟ้าร้องพลันดังขึ้นกลางอากาศ เหมือนจะมีสายฟ้าฟาดลงมา…
……………………………….