№ 660 กลั่นยาเซียนไม่ได้
เฟิ่งจิ่วเงยหน้าอย่างตกตะลึง มองชั้นเมฆหมุนตลบกลางอากาศ เมฆลมกระโชกแรงและเสียงฟ้าร้องแต่ละเสียง จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปทางชายชุดขาวคนนั้นด้วยหัวใจที่ตื่นเต้น
เขากำลังกลั่นยาเซียนระดับห้าขึ้นไป!
สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว ตำรายาเซียนเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง แม้ในห้วงมิติจะมีตำรายาเซียนไม่น้อย แต่ตำรายาเซียนทั่วไปส่วนใหญ่มียาเซียนระดับห้าขึ้นไปแค่สองสามอย่าง ยามนี้เธอก็มองไม่ออกว่าที่เขากำลังกลั่นคือยาเซียนชนิดไหน
เดิมเธอนึกว่าชั้นเมฆบนท้องฟ้าปั่นป่วน และเขากำลังกลั่นยาขั้นสุดท้าย ในไม่ช้าสายฟ้าคงจะกระตุ้นการกลั่นขั้นท้ายสุด แต่ไม่คิดว่าผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามเสียงฟ้าร้องจะยังคงเหมือนเดิม เนิ่นนานสายฟ้ากลับไม่ผ่าลงมา
เธอมองอยู่ข้างกันใจยังหวั่นๆ ขึ้นมา ยาทิพย์พวกนั้นที่ใส่ลงเตาไปล้วนเป็นยาทิพย์แสนล้ำค่า หนำซ้ำดูท่าทางเขาจะเตรียมไว้แค่ชุดเดียว หากล้มเหลวล่ะก็…
ชัดเจนว่าเธอไม่ได้กำลังกลั่นยา ยามนี้กลับเคร่งเครียดเป็นกังวลยิ่งกว่าคนกลั่นยา
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ขณะที่โม่เฉินเก็บมือกลับและก้าวถอยไปด้านหลัง สายฟ้าสามสายก็ฟาดลงมาจากฟากฟ้า ผ่าลงบนเตาปรุงยาทันที หลังจากเสียงฟ้าร้องสามครั้งสิ้นสุดลง ทุกอย่างรอบข้างก็เหมือนกลับสู่ความสงบ มีเพียงกลิ่นหอมยาที่อบอวลและส่งกลิ่นหอมกรุ่นกระจายไปในอากาศ…
สำเร็จแล้ว? กลั่นยาเซียนสำเร็จแล้วหรือ?
เธอมองด้วยความตกใจ เห็นเขาสะบัดพลิกฝ่ามือ แล้วยาเซียนในเตาปรุงยาก็ลอยออกมา มีแค่เม็ดเดียว
“นี่มันยาอายุวัฒนะระดับหกนี่!”
เธอร้องอุทาน พลางมองลวดลายบนยาอายุวัฒนะเม็ดนั้นที่มีกลิ่นอายพลังวิญญาณพรั่งพรู จากนั้น…จากนั้นเธอก็แข็งทื่อไป
กลิ่นอายพลังวิญญาณ… ลวดลายเม็ดยา…นะ นี่… เธอลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
พลังวิญญาณ! ตอนนี้เธอมีพลังวิญญาณอยู่ในจุดตันเถียน แต่เธอรวบรวมขึ้นมาไม่ได้! พอฝึกบำเพ็ญรวบรวมพลังวิญญาณเข้าร่าง ก็จะถูกดูดไปหล่อเลี้ยงเม็ดบัวเขียวเม็ดนั้นตรงจุดตันเถียนทันที ไม่มีกลิ่นอายพลังวิญญาณก็ไม่มีทางกลั่นยาเซียนได้เลย!
สวรรค์!
เธอทำผิดพลาดใหญ่หลวงเพียงนี้ได้เช่นไร? ทำไมตอนนี้ถึงเพิ่งนึกได้ว่าตนกลั่นยาเซียนไม่ได้? ตอนนั้นที่กลั่นยาเพิ่มอายุขัยสำเร็จเธอยังไม่ได้กินเม็ดบัวเขียวลงไป ภายหลังจึงฝึกบำเพ็ญเพียงกลิ่นอายพลังเร้นลับมาตลอด ตอนออกจากราชวงศ์เฟิ่งหวงนั่งเรือเหาะก็มีมณีวิญญาณควบคุม
มาถึงที่นี่แม้รู้ว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณตนเองต้องใช้หล่อเลี้ยงเม็ดบัวเขียวในท้อง แต่เธอคิดว่าจะเลี้ยงจนเม็ดบัวเขียวเบ่งบานได้กระมัง? หากฝึกบำเพ็ญพลังวิญญาณไม่สำเร็จจึงไม่อาจสร้างรากฐานได้ชั่วคราว ก็ฝึกบำเพ็ญพลังเร้นลับไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
ดังนั้นเธอจึงไม่สมัครสำนักพลังวิญญาณและสำนักพลังเร้นลับ ดันวิ่งไปสมัครสำนักยาเซียน กลับลืมไปว่ากลั่นยาเซียนต้องใช้กลิ่นอายพลังวิญญาณด้วย!
มิน่าวันนั้นที่เธอสอบประเมินถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทว่าบอกไม่ถูก วันนั้นอาจารย์สองท่านแค่ถามเรื่องยาทิพย์ ไม่ได้ตรวจวัดพลังวิญญาณเลย!
แย่ละ… ครั้งนี้แย่แล้วจริงๆ…
เธอทำผิดพลาดใหญ่หลวงเช่นนี้ได้อย่างไร? รวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณไม่ได้ แล้วจะกลั่นยาเซียนเช่นไร? สำนักยาเซียนนี้มีแค่เธอเป็นนักเรียนคนเดียวเสียด้วย หากพวกเขารู้เรื่อง…
นึกถึงข้อนี้ หัวเธอแทบโต
เธอไม่รู้เรื่องเพราะบนร่างไม่ได้ไม่มีกลิ่นอายพลังวิญญาณโดยสิ้นเชิงเลย ถึงอย่างไรตรงจุดตันเถียนในร่างก็มีกลิ่นอายพลังวิญญาณ ฝึกบำเพ็ญมานานเพียงนั้น ต่อให้รวบรวมขึ้นมาไม่ได้บนร่างก็ยังคงมีกลิ่นอายพลังวิญญาณ และข้อนี้เองถึงทำให้อาจารย์ทั้งสองหรือแม้แต่โม่เฉินนึกไม่ถึงว่าเธอจะรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณไม่ได้
โม่เฉินเหลือบมองหนุ่มน้อยข้างกาย เห็นเขาร่างกายแข็งทื่อ พลางจ้องยาวิญญาณต้นในมือตนเองด้วยสีหน้าขาวซีด ท่าทางราวกับฟ้าถล่มลงมา เขามองเสียจนแววตาสั่นไหวเล็กน้อย
…………………………