№ 682 พวกเจ้ามีของล้ำค่าหรือไม่?
“กรร!”
หมีดำตัวใหญ่เห็นก็ร้องคำรามอย่างดีอกดีใจ นั่งลงบนพื้นหญ้าและคว้ายาทิพย์พวกนั้นขึ้นมากินทันที ในพวกนั้นมีโสมวิญญาณอยู่ไม่น้อย โสมวิญญาณพวกนั้นมีทั้งหนาทั้งบาง ชิ้นที่บางที่สุดขนาดแค่นิ้วมือ
สัตว์อสูรสามตัวหนึ่งตัวกำลังกิน สองตัวกำลังมอง ชัดเจนว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก
ที่แท้ตั้งแต่พวกมันมาถึงที่นี่ ภายในสำนักยาเซียนไม่มีของกิน จึงวิ่งไปแอบกินยาทิพย์และผลไม่วิญญาณถึงยอดเขาสำนักยาถัดจากสำนักยาเซียน
บนยอดเขาสำนักยา นอกจากยาทิพย์ยังมีผลไม้วิญญาณต่างๆ กินครั้งเดียวจนเสพติดแล้วแน่นอนว่าต้องมีครั้งต่อไป ประกอบกับระดับของสองสัตว์อสูรก็ไม่ได้ด้อย ความเร็วว่องไว จะทำเรื่องไม่ดีคนหนึ่งก็แอบเก็บของอีกคนก็ดูต้นทาง หนึ่งเดือนผ่านมานี้แม้จะก่อเรื่องเสียจนยอดเขาสำนักยาวุ่นวายไปหมด ตลอดมากลับสาวไม่ถึงตัวพวกมัน
ในขณะที่แอบเก็บยาทิพย์กับผลไม้วิญญาณเหล่าไป๋ก็ค้นพบความวิเศษใหม่ๆ ขอแค่มันกลืนของลงไปโดยไม่เคี้ยว ทุกอย่างจะเก็บไว้ในท้องมันได้ เมื่อสำรอกออกมาอีกครั้งจะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนราวกับสมบูรณ์
ท้องของมันนั้นก็คล้ายกับถุงฟ้าดินเคลื่อนที่ เพียงแต่ส่วนที่ต่างจากถุงฟ้าดินคือแม้ยาทิพย์ที่เพิ่งเก็บจะลงท้องมันไปสองสามวันนำออกมาจะยังคงสดใหม่เช่นตอนแรก
เสี่ยวเฮยกลายเป็นน้องเล็กของสองสัตว์อสูรและรับผิดชอบเฝ้าอาศรม ส่วนสองสัตว์อสูรไปแอบเก็บของถึงสำนักยา แน่นอนว่านำกลับมาให้มันบ้าง เวลาสั้นๆ แค่ครึ่งเดือน อาหารยาทิพย์โสมวิญญาณในทุกๆ วัน เสี่ยวเฮยจึงถูกเลี้ยงดูไปไม่น้อย
ทางสำนักยานั้นแม้มีขโมยแอบเก็บยาทิพย์ แต่อย่างไรพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าที่วิ่งไปขโมยยาทิพย์ไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์อสูรสองตัว
ทางอีกด้าน เยี่ยจิงพาเฟิ่งจิ่วมาถึงสำนักพลังวิญญาณ เมื่อสองคนเดินเข้ามาสายตาเหล่านักเรียนสำนักพลังวิญญาณต่างหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว แวบเดียวก็รู้ว่าหนุ่มน้อยชุดฟ้าคนนี้เป็นนักเรียนเข้าใหม่ที่ล้มนักเรียนสำนักพลังเร้นลับหลายสิบคนโดยไม่แม้แต่จะขยับมือถึงสำนักพลังเร้นลับ
และเป็นคนคนนั้นที่แลกขนนกเคลือบหลากสีหนึ่งในสามสมบัติหอสวรรค์ไป
สายตาทุกคนหยุดชะงักลงบนใบหน้าอันงดงามของหนุ่มน้อยสักพัก ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปบนขนนกส่องแสงหลากสีชิ้นนั้นตรงเอว ไม่บอกไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มรูปโฉมงดงามคนนี้ประดับขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนี้แล้วน่ามองจริงๆ ทำให้คนอยากจะเมินเฉยยังยาก
“สำนักพลังวิญญาณจะแบ่งนักเรียนเป็นสี่ระดับคือสวรรค์ โลก นภา และแผ่นดิน นักเรียนระดับสวรรค์สำนักศึกษาจะให้ความสำคัญ นักเรียนทุกคนล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างละเอียด เจ้าเป็นคนที่รองเจ้าสำนักเลือกมาด้วยตนเอง ขอแค่ลงชื่อบันทึกไว้ก็จะเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ของสำนักพลังวิญญาณเรา”
เยี่ยจิงพูดพลางพาเฟิ่งจิ่วมาถึงจุดลงทะเบียนของอาจารย์ นางหยุดฝีเท้าลงนอกเรือน แล้วบอกกับเฟิ่งจิ่วข้างกายว่า
“ข้างในนี้แหละ เจ้าเข้าไปเถอะ! ข้าจะรอเจ้าตรงนี้”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า มาถึงจุดลงทะเบียนด้านในและบันทึกข้อมูลชื่อแซ่ สุดท้ายก็รับป้ายหยกเดินออกมา
เยี่ยจิงเห็นป้ายหยกชิ้นนั้นก็ยิ้มเดินเข้าไป
“ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นทำความคุ้นเคยรอบสำนักพลังวิญญาณเสียหน่อยแล้วกัน!”
เมื่อสองคนเดินออกมาถึงข้างนอก กลับเห็นว่านักเรียนระดับต่างๆ ของสำนักพลังวิญญาณล้อมเข้ามาเต็มด้านนอก สายตาแต่ละคนจ้องมองเฟิ่งจิ่วอย่างไม่เป็นมิตร
เยี่ยจิงเห็นเช่นนี้กำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกนักเรียนระดับสวรรค์คนหนึ่งขวางไว้
“รุ่นน้องเยี่ยจิง พวกเราอยากจะเรียนรู้และขอคำแนะนำกับรุ่นน้องมาใหม่สักรอบ เจ้าไม่ต้องยุ่งหรอก ดูอยู่ข้างๆ ก็พอ”
คำพูดนักเรียนคนนั้นกล่าวจบ ข้างๆ ก็มีผู้หญิงสองสามคนเดินออกมาพาเยี่ยจิงไปข้างๆ เฟิ่งจิ่วเห็นท่าทางก็ลูบๆ คางทันที ถามว่า “พวกเจ้ามีของล้ำค่าหรือไม่?”
………………………