Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 691

№ 691 ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิด

เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ดวงตาก็ฉายแวว นัยน์ตาเผยความแปลกใจ ฐานพลังวิญญาณที่แย่ที่สุด? ดูท่าทางแม้แต่อาจารย์หลี่ว์ยังไม่รู้ว่าฐานพลังวิญญาณห้าธาตุนี้ สำหรับผู้ฝึกเซียนเป็นฐานพลังที่ปรากฏแรกสุด ยังถูกเรียกว่าฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิด

เธอเคยอ่านตำราในห้วงมิติ ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิดเป็นจุดเริ่มต้นของฐานพลัง ร่างมีทั้งธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน เพียงแต่เพราะการควบคุมธาตุทั้งห้าในร่างไม่ใช่เรื่องง่าย การฝึกบำเพ็ญธาตุทั้งห้ายังยากลำบากกว่าธาตุเดียว ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าฐานพลังวิญญาณร้อยแปด

ภายหลังผ่านการเปลี่ยนแปลง ฐานพลังวิญญาณยิ่งฝึกบำเพ็ญน้อยยิ่งปรากฏน้อย นั่นเพราะในร่างมีเพียงธาตุเดียว การควบคุมธาตุเดียวค่อนข้างเข้ามือง่ายกว่า แต่ฐานพลังวิญญาณต้นกำเนิดหากควบคู่กับการฝึกบำเพ็ญด้วยกำลังภายในก่อกำเนิด กลับยิ่งเติมเต็มซึ่งกันและกัน ธาตุทั้งห้าจะยิ่งสำเร็จได้

เธอหลุบสายตาลงปิดบังประกายในดวงตา นี่ก็เหมือนกับร่างเทพประทับ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้จริงๆ ในเมื่อพวกเขาเข้าใจผิดว่าเป็นฐานพลังวิญญาณร้อยแปด เช่นนั้นก็เป็นฐานพลังวิญญาณร้อยแปดไปแล้วกัน!

“ข้านึกว่าจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ ที่แท้เป็นพวกไร้ประโยชน์”

“ก่อนหน้านี้ฝึกบำเพ็ญเร็วแล้วอย่างไร? สร้างฐานพลังไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ แม้โชคดีสร้างฐานพลังได้แต่ผ่านระดับหลอมแก่นพลังไปไม่ได้หรอก ชีวิตก็เช่นนี้แหละ”

“ใช่ คนฝึกวิชาเซียนรุ่นข้าเป้าหมายเพื่อหนทางชีวิตยืนยาวและวรยุทธ์สูงสุด จะหยุดอยู่แค่ระดับสร้างรากฐานเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“แหะ พวกเจ้าไม่รู้สินะ? ข้าตรวจสอบมาแล้ว เจ้าหนูนี่เป็นคนจากแคว้นระดับเก้า จะเก่งกาจได้สักแค่ไหนกัน?”

“อะไรนะ? แคว้นระดับเก้าต่ำสุด? ทำไมเจ้าไม่บอกก่อนเล่า? ข้ายังรอลุ้นเลย”

“ข้าก็อยากพูด แต่เขาบอกว่าเป็นยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด ข้าก็อึ้งไปทันที นึกว่าข่าวจะผิดไป”

“ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด? เหอะๆ เจ้าหนูนี่ไม่รู้ฝึกวิธีเก็บกลิ่นอายแบบใดมา แม้แต่อาจารย์หลี่ว์ยังมองระดับการฝึกบำเพ็ญไม่ออก เขามีฐานพลังวิญญาณร้อยแปดห้าธาตุ ไม่แน่ว่าอาจไม่ใช่แม้แต่ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ”

“อืม ก็เป็นไปได้ มิเช่นนั้นเจ้าว่าทำไมเขาถึงวิ่งไปสำนักยาเซียน? สำนักยาเซียนนั้นแทบจะรกร้าง ทุกปีล้วนรับนักเรียนไม่ได้สักคน มีแค่คนโง่ถึงจะไปที่นั่น”

“พวกเจ้าหุบปากซะ!” เยี่ยจิงตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าเยียบเย็น เห็นท่าทางเฟิ่งจิ่วก้มหน้าต่ำ ในใจก็อึดอัดอยู่บ้าง

นักเรียนคนอื่นเห็นเป็นเยี่ยจิง แต่ละคนต่างขยับปากและไม่เอาเรื่องนาง ด้วยเหตุนี้เสียงพูดจาเยาะเย้ยจึงหยุดลง

เฟิ่งจิ่วที่หลุบตาลงเล็กน้อยได้ยินเสียงหัวเราะเยาะพวกนั้นลอยมาข้างหู และได้ยินเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดของเยี่ยจิง นัยน์ตาฉายแววยิ้มแย้มโดยฉับพลัน เงยหน้ามองไปทางเยี่ยจิงและเผยรอยยิ้มให้ไป ความหมายคือ ‘ข้าไม่เป็นไร’

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเรามาเริ่มเรียนกัน วันนี้จะสอนพวกเจ้าว่าต้องใช้ธาตุในร่างอย่างไร…” อาจารย์หลี่ว์พูดจบ ก็ให้สัญญาณทุกคนเงียบ ก่อนจะสอนพวกเขาว่าธาตุทั้งห้าต้องใช้และฝึกบำเพ็ญอย่างไร…

หลังเลิกเรียนอาจารย์หลี่ว์กำลังจะไป เฟิ่งจิ่วจึงเรียกเขาไว้ “ท่านอาจารย์ขอรับ”

“หืม? มีเรื่องอะไรหรือ?” อาจารย์หลี่ว์มองไปยังเฟิ่งจิ่ว ใบหน้ามีความเสียใจที่ไม่อาจปิดบัง

“ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์สอนการควบคุมฐานพลังวิญญาณแบบเดี่ยว เช่นนั้นอย่างของข้าต้องจำแนกธาตุทั้งห้าในร่างให้กลายเป็นห้าพลังวิญญาณก่อนใช่หรือไม่ขอรับ?”

ได้ยินเช่นนี้อาจารย์หลี่ว์แปลกใจ มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่งถึงจะบอกว่า “ถูกต้อง ฐานพลังวิญญาณร้อยแปดต้องฝึกบำเพ็ญเช่นนี้ จำแนกแยกธาตุทั้งห้าก่อน รวบรวมประกายแสงของทุกธาตุเป็นหนึ่งเดียว เพียงแต่ความยากมันอยู่ตรงนี้แหละ หากไม่มีกำลังภายในที่เข้ากับธาตุทั้งห้า เจ้าก็ไม่มีทางแยกประกายแสงของธาตุทั้งหมดออกมาได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version