№ 690 รากฐานพลังวิญญาณห้าธาตุ
เห็นอาจารย์หลี่ว์นำอุปกรณ์ทดสอบออกมา เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไป
“มาๆ เจ้าวางมือไว้ด้านบน แล้วปล่อยกลิ่นอายพลังวิญญาณเข้าไปเป็นพอ” อาจารย์หลี่ว์พูดพลางมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าเฝ้ารอ อยากรู้นักว่าเด็กหนุ่มมีธาตุอะไรกันแน่? จะเป็นฐานพลังวิญญาณธาตุไฟอย่างเดียวหรือเปล่า?
ด้วยพรสวรรค์และความเร็วในการฝึกบำเพ็ญ ความเป็นไปได้ของฐานพลังวิญญาณสวรรค์ค่อนข้างสูง มีเพียงพลังวิญญาณของฐานพลังวิญญาณสวรรค์ ความเร็วในด้านการฝึกบำเพ็ญถึงจะไวกว่าคนอื่น
สำหรับนักเรียนเมล็ดพันธุ์พวกนั้น ทุกคนล้วนเป็นผู้มีฐานพลังวิญญาณสวรรค์ มิเช่นนั้นอายุสิบกว่าถึงยี่สิบก็ไม่อาจบรรลุระดับยอดปรมาจารย์ได้
นักเรียนคนอื่นเห็นอาจารย์หลี่ว์นำอุปกรณ์ทดสอบออกมา ก็ล้อมเข้าไปกันทันที
พวกเขาอยากรู้ว่าเฟิ่งจิ่วคนนี้มีธาตุอะไร แต่ในเมื่อกลั่นยาเซียนได้ในร่างก็ควรมีธาตุไฟ จะมีแค่ธาตุไฟอย่างเดียวหรือเปล่า?
เยี่ยจิงยืนข้างกายเฟิ่งจิ่ว เมื่อเห็นนางยื่นมือออกไปวางไว้บนอุปกรณ์ทดสอบและปล่อยกลิ่นอายพลังวิญญาณเข้าไปก็กลั้นหายใจอย่างอดไม่ได้ ในใจเริ่มคร่ำเครียด
เทียบกับความตึงเครียดและเฝ้ารอของพวกเขา เฟิ่งจิ่วกลับไม่ได้รู้สึกอะไร อาจารย์บอกว่าเธอเป็นร่างเทพประทับ ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญย่อมเป็นสิบเท่าของคนอื่น ส่วนฐานพลังวิญญาณเป็นธาตุอะไรเขาไม่ได้บอก
ชัดเจนว่าขอแค่เธอฝึกบำเพ็ญกำลังภายในพลังวิญญาณอย่างดี การควบคุมธาตุคงไม่ใช่ปัญหาอะไร ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าเธอจะมีฐานพลังวิญญาณธาตุอะไรก็ไม่กังวลเลยสักนิดจริงๆ
หลังจากเธอปล่อยกลิ่นอายพลังวิญญาณ เมื่อเห็นประกายแสงเปลวไฟที่ปรากฏขึ้นบนอุปกรณ์ทดสอบ เธอกลับคิดจะนำอุปกรณ์ทดสอบกลับไปราชวงศ์เฟิ่งหวง เช่นนี้พวกเขาจะได้ทดสอบว่ามีฐานพลังวิญญาณหรือไม่
“ดูสิ! เป็นธาตุไฟ เขาเป็นธาตุไฟเดี่ยว…”
คำพูดนักเรียนคนหนึ่งยังกล่าวไม่ทันจบ ก็เห็นวังวนกลุ่มเล็กผุดขึ้นบนอุปกรณ์ทดสอบอีกครั้ง วังวนนั้นก่อตัวเป็นกระแสลมปรากฏขึ้น ทุกคนมองเสียจนนิ่งไป
“ธาตุลม? เขายังมีธาตุลมด้วย? ซี๊ด! ไม่ใช่! พวกเจ้าดูสิ! นั่นธาตุไม้!”
ท่ามกลางเสียงอุทาน เพียงเห็นพลังชีวิตสีเขียวขจีก่อตัวขึ้นมา และธาตุต้นไม้ก็ปรากฏ ครั้งนี้ทุกคนเงียบกันไปหมด เพราะแต่ละครต่างเบิกตาโตด้วยสีหน้าตกตะลึง
เพียงเห็นว่าขณะที่พลังชีวิตธาตุไม้สีเขียวนั้นปรากฏ ก็เผยให้เห็นธาตุทองและน้ำต่อๆ กัน สุดท้ายแม้แต่ธาตุดินยังโผล่ออกมา เห็นเช่นนี้ทุกคนเพียงรู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ในที่สุดเมื่อเห็นธาตุทั้งห้าต่างปรากฏ ไม่มีธาตุไหนโดดเด่นแต่เท่ากันทั้งห้าธาตุ แต่ละคนล้วนพูดอะไรไม่ออก
ใครบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะ? ใครบอกว่าเขาเป็นพวกเพี้ยน? เป็นห้าธาตุไร้ประโยชน์ชัดๆ!
เห็นทุกคนจ้องมองเธอด้วยท่าทางเหมือนเห็นผี เฟิ่งจิ่วดึงมือกลับและไม่รู้สึกว่าธาตุทั้งห้าจะมีอะไรไม่ดี อย่างน้อยคนอื่นใช้ได้แค่ธาตุเดียวแต่เธอกลับใช้ได้ตั้งห้า
“ท่านอาจารย์หลี่ว์?” เห็นอาจารย์ตรงหน้ามองเธอด้วยสีหน้าเสียใจ เฟิ่งจิ่วจึงถาม “ทำไมหรือขอรับ?”
“เฮ้อ!”
อาจารย์หลี่ว์ทอดถอนใจ มองหนุ่มน้อยตรงหน้าพลางบอกว่า “เสียดาย น่าเสียดาย ธาตุทั้งห้าเป็นฐานพลังวิญญาณที่แย่ที่สุดในหมู่พลังวิญญาณ ถูกเรียกว่าฐานพลังวิญญาณร้อยแปด ฝึกบำเพ็ญช้าไม่ต้องพูดถึง ชีวิตนี้เกรงว่าอยากบรรลุระดับสร้างรากฐานยังยาก เสียดาย น่าเสียดายจริงๆ”
เขาส่ายหน้าถอนหายใจ คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ามีวรยุทธ์ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณเช่นตอนนี้ได้ คงเจอโชคดีอะไรมามาก แต่เกรงว่าหนทางฝึกเซียนของเขาคงจบลงตรงนี้ ยากจะก้าวไปต่อแล้ว
……………………