№ 689 ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ท่าทีก็แปลกไป อายที่จะบอก? ทำไมถึงอายที่จะบอก? อย่างไรก็บรรลุระดับยอดปรมาจารย์แล้ว แม้เป็นแค่ยอดปรมาจารย์ช่วงที่หนึ่งก็ไม่มีอะไรน่าขายหน้า
“เหอะๆ ไม่เป็นไร เจ้าพูดเถอะ! บอกมาข้าถึงจะรู้ว่าพละกำลังเจ้าถึงระดับใด และดูว่าเจ้าเหมาะกับวิธีฝึกบำเพ็ญแบบไหน” อาจารย์หลี่ว์ยิ้มเอ่ย พลางมองหนุ่มน้อยผู้มีสีหน้าเขินอายด้วยสายตาให้กำลังใจ
“เจ้าไม่ต้องรู้สึกอาย พวกนักเรียนที่นี่ต่างผ่านการฝึกบำเพ็ญมาสิบกว่าปี ตระกูลฝึกอบรมมาอย่างหนัก มีอาจารย์ชี้แนะและยาอายุวัฒนะเป็นตัวช่วยถึงจะมีกำลังระดับยอดปรมาจารย์ช่วงที่หนึ่งถึงสามในวันนี้ เจ้าสามารถฝึกบำเพ็ญด้วยตนเองจนถึงระดับยอดปรมาจารย์แล้วช่าง…”
“ตอนนี้ข้าเป็นยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุดขอรับ”
คำพูดอาจารย์หลี่ว์ยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ได้ยินเด็กหนุ่มคนนั้นหลังจากมองทุกคนรอบข้างก็บอกขั้นของระดับยอดปรมาจารย์ตนเองออกมา ได้ยินคำพูดนั้นเขาก็อึ้ง ผ่านไปสักพักยังไม่ได้สติกลับมา
ทุกคนรอบๆ ก็เช่นกัน แต่ละคนนิ่งไป และจ้องมองหนุ่มน้อยคนนั้นอย่างเหลือเชื่อ นึกว่าตนเองฟังผิด
“มะ เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? ขั้นไหนแล้ว?” อาจารย์หลี่ว์เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก
“ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุดขอรับ แค่รอจุดเชื่อมต่อก็สร้างฐานพลังได้” เธอหรี่ตายิ้มมองอาจารย์หลี่ว์ที่เบิกตาโตอย่างเพิ่งรู้เรื่อง
รอบข้างพลันเงียบลง บรรยากาศหยุดนิ่งราวกับโดนแช่แข็ง ขณะที่มึนงงมีเพียงเสียงแผ่วของสายลมอ่อนที่พัดผ่านใบไม้มา…
เฟิ่งจิ่วเห็นเหล่านักเรียนแต่ละคนเบิกตากว้าง ก็เผยรอยยิ้มเขินอายออกมา กล่าวอย่างไร้เดียงสายิ่งว่า “ข้าบอกแล้ว! มันน่าอายเกินจะเอ่ยจริงๆ กลัวจะตอกหน้าพวกท่าน จริงๆ นะ”
ทุกคนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกไปสักพัก โดนตอกหน้าจริงๆ แล้ว เหมือนที่อาจารย์หลี่ว์บอก พวกเขาล้วนเป็นลูกหลานที่ตระกูลฝึกอบรมอย่างหนัก เทียบกับความผิดเพี้ยนนี้ไม่มีทางเทียบได้เลย
เยี่ยจิงมองเฟิ่งจิ่วด้วยท่าทีแปลกประหลาด ที่แท้ตอนนั้นบนถนนนางยอมอ่อนให้ ยังคิดจริงๆ ว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นผู้ฝึกตนระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด
ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุด ขาดแค่ก้าวเดียวก็บรรลุระดับสร้างรากฐาน กำลังของเขาไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะเทียบได้ มองไปยังนักเรียนระดับสวรรค์ทั่วสำนักศึกษายังไม่มีใครบรรลุถึงระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ
เวลานี้ ในที่สุดเยี่ยจิงก็รู้ว่าทำไมรองเจ้าสำนักถึงทำทุกวิถีทางเพื่อพานางมาจากสำนักยาเซียน
ไม่เพียงแต่เยี่ยจิง แม้แต่อาจารย์หลี่ว์รวมถึงพวกนักเรียนคนอื่นๆ หลังจากได้ยินคำพูดจากเฟิ่งจิ่ว ในที่สุดก็รู้ว่าทำไมรองเจ้าสำนักถึงปฏิบัติกับนางอย่างดี พละกำลังและพรสวรรค์เช่นนี้ต้องฝึกอบรมอย่างหนักจริงๆ
ไม่แน่ว่าอนาคตยังมีโอกาสจะชิงอันดับบนกระดานมังกรหลบของสำนักศึกษาทั้งหลาย ทำให้สำนักศึกษาหมอกดาราโดดเด่นออกมาท่ามกลางเหล่าสำนักศึกษา!
นึกถึงข้อนี้ลมหายใจทุกคนหนังขึ้นทันใด
ในฐานะนักเรียนเมล็ดพันธุ์ของสำนักศึกษาหมอกดาราต้องรู้เรื่องการจัดอันดับมังกรหลบ การจัดอันดับครั้งล่าสุดสำนักศึกษาหมอกดารายังไม่มีแม้แต่นักเรียนที่เข้ารอบ แต่หากครั้งต่อไป…
สายตาทุกคนหยุดลงบนร่างหนุ่มน้อยชุดฟ้าคนนั้นทันควัน หากเป็นเขาอาจจะมีความเป็นไปได้นั้นจริงๆ ใช่หรือเปล่า? แต่ลำพังแค่นักเรียนเข้าใหม่คนเดียว จะสามารถชิงอันดับบนกระดานมังกรหลบได้จริงๆ หรือ?
นึกถึงตรงนี้ท่าทีทุกคนก็แปลกไป พูดตรงๆ คือไม่เชื่อว่าเฟิ่งจิ่วคนนี้จะมีกำลังเช่นนั้นจริงๆ “มาๆ เฟิ่งจิ่ว เจ้ามาวัดธาตุทั้งห้าในร่างก่อน” หลังจากอาจารย์หลี่ว์ได้สติกลับมาอย่างยากเย็น ก็กวักมือให้สัญญาณเธอเข้าไป
……………