Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 687

№ 687 เข้าเรียนสำนักพลังวิญญาณ

สองคนมุ่งไปยังสถานที่ฝึกบำเพ็ญของวันนี้ด้วยกัน เพราะอาจารย์แซ่หลี่ว์จะเข้ามาสอนบทเรียนการใช้พลังวิญญาณควบคุมธาตุ นอกจากพวกนักเรียนที่เก็บตัวฝึกบำเพ็ญ นักเรียนระดับสวรรค์ไม่น้อยก็รออยู่ที่นั่นตั้งแต่เช้า

“ดูสิ เฟิ่งจิ่วคนนั้นมาแล้ว”

“ไม่ต้องสอบประเมินก็กลายเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ เขาเป็นคนแรกเลย”

“เยี่ยจิงเดินใกล้กับเขามาก”

“เยี่ยจิงเป็นผู้หญิงที่รุ่นพี่โอวหยางถูกใจ ทั่วสำนักศึกษาใครบ้างไม่รู้? เจ้าหนูนี่กล้าเดินใกล้นางเพียงนั้น ไม่ได้เห็นรุ่นพี่โอวหยางในสายตาเลยจริงๆ”

“ช่วงนี้รุ่นพี่โอวหยางกำลังเก็บตัวฝึกบำเพ็ญไม่ใช่หรือ? เรื่องไม่นานมานี้เดาว่าเขาคงไม่รู้”

“หึ ไม่ช้าก็จะรู้”

เฟิ่งจิ่วกับเยี่ยจิงสองคนมาด้วยกัน ยังเดินไปไม่ใกล้ก็ได้ยินเสียงซุบซิบจากนักเรียนพวกนั้น เห็นเช่นนี้เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว ยิ้มบอกเยี่ยจิงว่า “คนที่ชื่นชอบเจ้ามีไม่น้อยเลย! แต่ละคนต่างเพ่งเล็งข้าทำอย่างไรดี?”

เยี่ยจิงเม้มริมฝีปากยิ้ม “ต่อให้ไม่มีพวกเขาก็เพ่งเล็งเจ้า ใครใช้ให้เจ้ากลายเป็นนักเรียนระดับสวรรค์โดยไม่ต้องสอบประเมินเล่า?”

“นี่ไม่เกี่ยวกับข้านะ เป็นความคิดรองเจ้าสำนักทั้งนั้น ข้าน้อยใจนัก”

“ได้ประโยชน์แล้วยังทำเป็นไม่ชอบใจอีก” เธอหัวเราะเบาๆ แล้วพาเฟิ่งจิ่วมาคอยข้างๆ และไม่ยืนด้วยกันกับคนอื่นๆ เช่นนี้ถึงจะเลี่ยงไม่ให้นักเรียนคนอื่นมาท้าประลองกับเฟิ่งจิ่วอีก

นักเรียนไม่น้อยทยอยกันเข้ามาแล้ว เมื่อทุกคนมาถึงต่างเหลือบมองไปทางเฟิ่งจิ่ว สายตานั้นมีความดูถูกและเหยียดหยาม ชัดเจนว่าแต่ละคนคิดว่าคนคนนี้ไม่มีฝีมืออะไร แค่อาศัยรองเจ้าสำนักเข้ามา

“ระดับสวรรค์มีแค่สองร้อยกว่าคนหรือ?” เฟิ่งจิ่วกวาดมองไป เห็นว่านักเรียนระดับสวรรค์โดยรอบอยู่ด้วยกันไม่ถึงสามร้อยคน

“แค่?”

เยี่ยจิงมองนาง บอกว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเข้ามาเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ต้องผ่านการสอบประเมินเช่นไร? ที่นี่ทุกคนล้วนเป็นสิบอันดับแรกของนักเรียนระดับโลก”

เฟิ่งจิ่วเพียงกวาดมองระดับพลังวิญญาณของนักเรียนพวกนั้น ทั้งหมดเป็นระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณ ส่วนมากจะอยู่ระดับยอดปรมาจารย์ช่วงที่หนึ่ง สูงสุดก็แค่นักเรียนระดับยอดปรมาจารย์ช่วงที่สาม ส่วนเยี่ยจิงเป็นนักเรียนระดับยอมปรมาจารย์ช่วงที่สามเช่นกัน

ว่ากันตามจริง สำหรับนักเรียนแล้วพละกำลังระดับยอดปรมาจารย์ช่วงที่สามก็โดดเด่นมากจริงๆ ถึงอย่างไรผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานปกติจะอายุหลายสิบปี แน่นอนว่าอย่างพวกฮุยหลางนั้นไม่เหมือนกัน

สถานที่ที่พวกฮุยหลางเกินแตกต่างจากพวกเขา และยังคัดเลือกคนที่โดดเด่นจากในหมู่พวกเขามาฝึกอบรมเพิ่ม เสริมด้วยยาอายุวัฒนะ การบรรลุเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสำหรับพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องยาก

แต่อยู่ที่นี่แม้เป็นคนจากแคว้นระดับหนึ่ง อยากจะบรรลุกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังตอนอายุประมาณยี่สิบพูดได้เลยว่าเป็นส่วนน้อยในน้อยอีกที นอกจากพรสวรรค์ของตนเองยังต้องมียาอายุวัฒนะช่วยในช่วงหลัง มิเช่นนั้นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังจะบรรลุง่ายดายเพียงนั้นได้เช่นไร? ต้องรู้ไว้ว่าผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ก็ร่วงลงมาตอนที่กำลังบรรลุระดับหลอมแก่นพลังนี่เอง

“ไม่ต้องพูดแล้ว อาจารย์หลี่ว์มาแล้ว ชั้นเรียนเขาไม่ชอบให้นักเรียนไม่มีระเบียบเป็นที่สุด” เยี่ยจิงลากเฟิ่งจิ่วเดินไปข้างหน้าพวกนักเรียน แต่ละคนยืนเรียงกันเรียบร้อย มองไปยังอาจารย์วัยกลางคนที่มือไพล่หลังเดินมา

เฟิ่งจิ่วเห็นสถานที่ที่เดิมทีมีเสียงกระซิบดังระงมเงียบลงเพราะการมาถึงของอาจารย์ สายตาก็หยุดลงบนร่างอาจารย์คนนั้นโดยทันที และพินิจมองอย่างเงียบๆ

“เรื่องที่เราจะพูดกันวันนี้คือการควบคุมธาตุทั้งห้าในร่าง พวกเจ้า…”

ขณะกำลังพูดสายตาเขาหยุดลงบนร่างเด็กหนุ่มชุดเขียวตรงแถวหน้า กวาดมองลงไปผ่านขนนกเคลือบหลากสีตรงเอวจึงรู้ตัวตนของอีกฝ่าย

………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version