Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 713

№ 713 เขตอาคมกันเสียง

“ขอรับ ข้าจะสั่งคนไปตามเขามาเดี๋ยวนี้” อาจารย์หลี่ว์กล่าว จากนั้นมายังด้านนอกอย่างรวดเร็ว และสั่งให้นักเรียนสำนักพลังวิญญาณสองคนเร่งไปตามเฟิ่งจิ่วมาจากสำนักยาเซียนโดยเร็ว

ทางนี้ข่าวที่อาจารย์หลูหมดสติกะทันหันและอาการร่อแร่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว อาจารย์กับนักเรียนสำนักพลังวิญญาณและสำนักพลังเร้นลับจึงต่างได้ยินข่าว แม้แต่ทางยอดเขาสำนักยา ก็รู้ว่ามีอาจารย์กำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตายเพราะมีนักปรุงยาสองสามคนมา

ทว่าภายในสำนักยาเซียนที่แทบจะถูกปิดเงียบ ณ ที่ตั้งอาศรมของเฟิ่งจิ่ว บนยอดเขาสำนักยาเซียนที่ขวางกั้นด้วยภูเขาสองสามลูก กลับไม่รู้เรื่องทางนั้นเลย ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้เฟิ่งจิ่วยังหลับสนิทอยู่ในอาศรม จึงไม่ได้นึกถึงเรื่องภายนอก

กวนสีหลิ่นกับเยี่ยจิงสองคนนั่งอยู่ด้านนอกอาศรม คุยเล่นพลางรอเฟิ่งจิ่วตื่น เพราะหากเขตอาคมรอบอาศรมไม่เปิด พวกเขาก็เข้าไปไม่ได้ ตะโกนยังไม่ได้ยิน ได้แต่รออยู่ด้านนอกนี้

คนทั้งสองเข้ามาแต่เช้า ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้เรื่องที่สำนักพลังวิญญาณกับสำนักพลังเร้นลับปล่อยข่าวว่าอาจารย์หลูอาการเฉียดตายเช่นกัน

จนกระทั่งนักเรียนสำนักพลังวิญญาณสองคนนั่งนกกระเรียนบินมาด้วยความร้อนรน เมื่อพวกเขาเห็นสองคนที่นั่งพูดคุยหัวเราะอยู่ใต้ต้นไม้ก็ตกใจ มองหน้ากันแวบหนึ่งแล้วเดินเข้าไป

“ศิษย์พี่เยี่ยจิง”

ทั้งสองขานเรียก สายตาหยุดลงบนร่างชายหนุ่มชุดนักเรียนสำนักพลังเร้นลับ หลังจากพินิจมอง หนึ่งคนในนั้นก็มาตะโกนด้านหน้าอาศรม “เฟิ่งจิ่ว! เฟิ่งจิ่วออกมาเร็ว ท่านอาจารย์หลี่ว์ตามหาเจ้า”

เยี่ยจิงกับกวนสีหลิ่นได้ยินดังนั้นก็ตกใจ หลังจากมองหน้ากัน เยี่ยจิงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? แล้วตามหาเฟิ่งจิ่วด้วยเรื่องอะไรกัน?”

“เฟิ่งจิ่ว เฟิ่งจิ่วรีบออกมา ท่านอาจารย์หลี่ว์ตามหาเจ้า”

นักเรียนคนนั้นตะโกนเสียงดัง เสียงแทรกด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณ หากไม่มีเขตอาคมกันเสียงที่เฟิ่งจิ่ววางไว้คงดี แต่ยามนี้ภายในอาศรมถูกปิดกั้นเสียงไว้ ไม่ว่าพวกเขาตะโกนเสียงดังแค่ไหนคนด้านในที่หลับสนิทก็ไม่ได้ยิน

ทั้งสองเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย จึงหันกลับไปถามเยี่ยจิง “ศิษย์พี่เยี่ยจิง ท่านอาจารย์หลี่ว์ให้เฟิ่งจิ่วเข้าไปห้องแนะแนวการสอนโดยเร็ว เขาอยู่ไหน หรือว่าออกไปแล้ว ทำไมพวกเราเรียกตั้งนานยังไม่ตอบ?”

“เขาอยู่ในอาศรม แต่อาศรมวางเขตอาคมกันเสียงไว้ เสียงข้างนอกนี้เข้าไปไม่ถึงหรอก ได้ยินสัตว์อสูรบอกว่าเมื่อคืนเขานอนดึกมาก วันนี้เดาว่าอย่างเร็วที่สุดต้องรอถึงเที่ยงเขาถึงจะตื่น”

“ถึงเที่ยง?” สีหน้านักเรียนทั้งสองเปลี่ยนไป “เช่นนั้นได้อย่างไร เรื่องนี้รอไม่ได้!”

“เรื่องอะไรถึงรอไม่ได้?” กวนสีหลิ่นเอ่ยปากถาม ขมวดคิ้วเบาๆ พลางมองสองนักเรียนที่ท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ท่านอาจารย์หลูรอไม่ได้! ท่านอาจารย์หลูใกล้จะสิ้นใจแล้ว อาจารย์หลี่ว์บอกว่าเฟิ่งจิ่วอาจช่วยได้ จึงสั่งพวกเราเข้ามาตามเขาไปโดยเร็ว”

นักเรียนสองคนกล่าว อันที่จริงเรื่องที่เฟิ่งจิ่วช่วยอาจารย์หลูได้ ลึกๆ ในใจพวกเขาไม่ได้เชื่อมาก ถึงอย่างไรก็เป็นนักเรียนเข้าใหม่ คนที่แม้แต่นักปรุงยากับหมอยังช่วยไม่ได้ เขาจะช่วยได้อย่างไร? เดาว่าพวกอาจารย์หลี่ว์คงไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ ถึงได้คิดจะรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น

ตอนที่เจ้าสำนักกับพวกอาจารย์หลี่ว์คุยกันพวกเขาเฝ้าอยู่ข้างนอก พอได้ยินเสียงจากด้านในถึงมาตามเฟิ่งจิ่วไป คล้ายว่าสองวันก่อนเฟิ่งจิ่วเคยบอกว่าอาจารย์หลูป่วยต้องรักษา ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาจึงอยากตามเฟิ่งจิ่วเข้าไปดูอาการ ใครจะรู้ว่ามาถึงที่นี่ เฟิ่งจิ่วคนนี้ยังวางเขตอาคมกันเสียงไว้ภายในอาศรมอีก ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!

“อาจารย์หลูอาการไม่สู้ดี? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” เยี่ยจิงได้ยินข่าวนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป

…………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version