Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 712

№ 712 ไปตามเฟิ่งจิ่วมา

ได้ยินเช่นนี้ โม่เฉินเดินมายังข้างเตียงโดยไม่พูดอะไรมาก แค่ยกมือขึ้นกลิ่นอายพลังวิญญาณที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็พุ่งพล่าน เวลาต่อมาเพียงเห็นเขาผนึกจุดลมปราณสองสามตำแหน่งบนร่างของอาจารย์หลูไว้ด้วยวิธีการอันรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายบนร่างอาจารย์หลูหายไปทันที เหมือนตายไปแล้ว ไม่มีแม้แต่ลมหายใจสักนิด

ในสถานการณ์นี้ ทางอาจารย์สองสามคนรอบๆ ที่หัวใจแทบหยุดเต้นกำลังจะเอ่ยปากถาม กลับเห็นคุณชายโม่เฉินสะบัดแขนเสื้อ หันกายเดินออกไปแล้ว ขณะเดียวกันยังทิ้งคำพูดเย็นชาไว้

“ก่อนหน้านั้น อย่าวุ่นวายกับเขา”

ทุกคนมองเขาจากไป เมื่อร่างหายไปจากห้องแนะแนว สายตาแต่ละคนก็มองไปยังเจ้าสำนักโดยทันที เจ้าสำนักเข้าไปดู แววตาเฉียบแหลมสั่นไหวเล็กน้อย พลังวิญญาณผนึกจุดลมปราณบนร่างเขาไว้ นอกจากรู้จุดลมปราณอย่างแม่นยำ ยังต้องมีกลิ่นอายพลังวิญญาณหนาแน่น ลำพังแค่สภาพแกล้งตายสองชั่วยามนี้ต้องเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อยเลย

เจ้าสำนักมองอาจารย์หลูที่นอนอยู่บนเตียง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เอ่ยเสียงเนิบว่า “ผู้ฝึกวิชาเซียนได้รับบาดเจ็บไม่เคยกลัว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือป่วยโดยไม่รู้ตัว โรคนี้มาอย่างฉับไวรุนแรงและไร้สัญญาณเตือน จะคร่าชีวิตเขาเมื่อไรก็ได้จริงๆ!”

เจ้าสำนักกล่าวคำพูดนี้ออกมาอย่างปลงอนิจจัง ทว่ายามได้ยินถึงหูอาจารย์หลี่ว์กลับดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า สะท้านถึงในจิตใจ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน…

ครั้นนึกถึงภาพนั้นเมื่อสองวันก่อน แล้วหันมองเรื่องวันนี้ อาจารย์หลี่ว์เช็ดๆ เหงื่อที่ไหลตรงหน้าผากอย่างอดไม่ได้ ใบหน้ามีความเหลือเชื่อที่ยากจะปกปิด

“อาจารย์หลี่ว์ เจ้าเป็นอะไรไป?” เจ้าสำนักสังเกตเห็นท่าทีเขาผิดปกติจึงเอ่ยถาม

อาจารย์หลี่ว์ได้ยินเสียงของเจ้าสำนักก็กลืนน้ำลาย มองทางอีกฝ่ายแล้วบอกว่า “จะ เจ้าสำนักขอรับ จะ จู่ๆ ข้าก็นึกเรื่องสำคัญมากขึ้นมาได้”

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องนั้น มะ เมื่อสองวันก่อนไป๋รั่วเฟยคนนั้นใส่ความเฟิ่งจิ่วกับเยี่ยจิง พวกเราจึงเรียกพวกเขาสองคนมาที่ห้องแนะแนว ตอนนั้นอาจารย์หลูชี้ทั้งสองด้วยความเดือดดาล ตอนนั้น ตอนนั้น…”

“ตอนนั้นทำไม?” เจ้าสำนักถามเสียงเข้ม

“อ้อ! เรื่องนี้ข้านึกออกแล้ว ตอนนั้นเฟิ่งจิ่วด่าเขาว่าป่วย” อาจารย์คนหนึ่งพูดขึ้นมา

อีกคนได้ยินก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่ๆ ตอนนั้นน้ำเสียงเขาไม่เหมือนด่า แต่เหมือนเป็นการเตือน”

“ใช่ ตอนนั้นพวกเราไม่ได้สังเกต ก่อนหน้านี้ยังนึกไม่ออก แต่เมื่อครู่ท่านเจ้าสำนักเอ่ยถึงข้าจึงจะนึกได้ ตอนนั้นเฟิ่งจิ่วบอกกับอาจารย์หลูว่า ท่านอาจารย์ ท่านป่วย ต้องรักษา” อาจารย์หลี่ว์กล่าวพลางกลืนน้ำลาย เสียงชะงักไป ก่อนกล่าวอีกว่า “ตอนนั้นบรรยากาศวุ่นวายเสียจนไม่ค่อยดี พวกเรานึกว่าเขาพูดด้วยอารมณ์โกรธ แต่ข้าเพิ่งนึกได้ เฟิ่งจิ่วบอกว่าไม่พ้นสามวันต้องล้มป่วยแน่”

เจ้าสำนักได้ยินเช่นนี้ หัวใจก็สั่นสะท้าน ม่านตาหดเล็กลง “เจ้าหมายความว่า สามวันก่อนเขามองออกว่าร่างกายอาจารย์หลูมีปัญหาหรือ?”

“ใช่ขอรับ ข้าคิดว่าเป็นเช่นนี้ ข้ากำลังคิดว่าในเมื่อเขาเรียนกลั่นยาเซียน น่าจะชำนาญด้านการแพทย์ด้วยหรือไม่?” อาจารย์หลี่ว์ถามพลางมองยังเจ้าสำนัก แต่นึกถึงข้อนี้ในใจกลับคิดว่าเป็นไปไม่ค่อยได้

เฟิ่งจิ่วเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวของสำนักยาเซียน และเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ของสำนักพลังวิญญาณ หากมีทักษะการแพทย์ติดตัวอีก หนุ่มน้อยคนนี้ก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

“ตอนนี้เฟิ่งจิ่วอยู่ที่ใด?” เจ้าสำนักถามทันที

“ตอนนี้หากไม่อยู่สำนักพลังวิญญาณก็อยู่สำนักยาเซียนแน่นอนขอรับ” อาจารย์หลี่ว์ขานรับ

เจ้าสำนักได้ยินเช่นนี้ก็โบกมือบอกว่า “ไป ส่งคนไปตามเขามา”

…………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version