№ 757 สองสัตว์อสูรติดกับ
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ ชะงักไปเล็กน้อย เจ้าสำนักเพียงบอกว่า “เช่นนั้นฝากทักทายอาจารย์เจ้าแทนข้าด้วย”
“ขอรับ” โม่เฉินขานรับ สายตามองไปบนท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
ส่วนอีกด้านหนึ่ง กวนสีหลิ่นที่แบกเฟิ่งจิ่วกลับมาถึงยอดเขาสำนักยาเซียนไม่ได้สังเกตว่าเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาหายไป แต่เฟิ่งจิ่วที่นอนบนหลังเขากลับสังเกตพบ
“ทำไมเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาไม่อยู่? พี่สีหลิ่น ประเดี๋ยวท่านช่วยข้าหาหน่อย อาจจะอาศัยโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่วิ่งแจ้นไปก่อเรื่องถึงยอดเขาสำนักยา”
“ได้ เดี๋ยวข้าจะลองไปหาดู”
กวนสีหลิ่นกล่าว แบกนางเข้าไปวางไว้ห้องนอนหลังจากเฟิ่งจิ่วเปิดเขตอาคมอาศรมและให้เยี่ยจิงดูแล จากนั้นจึงออกไปตามหาเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาสองสัตว์อสูรในละแวกใกล้เคียง
ทว่าหาไปรอบหนึ่งยังไม่เจอสัตว์อสูรทั้งสอง ดังนั้นจึงไปตามหาที่ยอดเขาสำนักยา แต่ก็ไม่เห็นเงา สุดท้ายต้องมาสอบถามกับทางสำนักพลังเร้นลับ
“อะไรนะ? เจ้ากำลังตามหาม้าประหลาดตัวนั้นกับเจ้าก้อนเนื้อกลมนั่นรึ? พวกมันออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เหมือนจะออกไปก่อนที่พวกเจ้าสำนักร่อนกระบี่ไปช่วยเฟิ่งจิ่วเสียอีก แต่เห็นแค่ออกไปไม่เห็นกลับมา”
นักเรียนคนหนึ่งเอ่ย ชะงักไปนิด แล้วถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ใครกันแน่คิดจะฆ่าเฟิ่งจิ่ว ทำไมแม้แต่เจ้าสำนักกับท่านอาจารย์ทั้งหลายถึงเดินทัพไปกันหมด? พวกเจ้าตามไปดู คงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกระมัง?”
กวนสีหลิ่นไม่แยแสความสงสัยของเขา แต่กลับตกตะลึง “เจ้าบอกว่าออกไป? ออกจากสำนักศึกษาหรือ” สิ้นเสียงก็ไม่รอนักเรียนคนนั้นตอบกลับ ไปถามคนเฝ้าประตูต่อ
“โอ้ เจ้าหมายถึงม้าประหลาดตัวนั้นกับก้อนเนื้อกลมนั่นรึ? พวกมันออกไปแล้ว พุ่งออกจากประตูข้างของสำนักพลังวิญญาณ ไวเสียจนข้าคิดจะรั้งไว้ยังทำไม่ได้ แต่ออกไปได้สักพัก จนพวกเจ้าสำนักกลับมา ก็ไม่เห็นสัตว์อสูรสองตัวนั้นกลับมาด้วย”
กวนสีหลิ่นได้ยินคำพูดของคนเฝ้าประตู ก็เอ่ยทันทีว่า “ข้าจะออกไปหาเสียหน่อย”
“เฮ้ยๆๆ ไม่ได้! นักเรียนยังไม่ได้รับอนุญาต ออกไปพลการไม่ได้ นี่เป็นกฎ” คนเฝ้าประตูขวางเขาไว้ กล่าวว่า “แม้ม้าตัวนั้นแปลกไปหน่อย แต่จะดีจะเลวก็เป็นสัตว์วิญญาณ คงรู้ทางกลับมา ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
กวนสีหลิ่นเห็นว่าโดนขวางไว้ไม่ให้ออกไปก็ชะงักเล็กน้อย จากนั้นหันกายตรงไปหารองเจ้าสำนักที่ยอดเขาหลัก เล่าเรื่องราวให้เขาฟัง พร้อมยื่นคำร้องขอออกไปตามหาเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆา
“สัตว์วิญญาณต่างรู้ทาง เอาเช่นนี้แล้วกัน! หากพรุ่งนี้เช้ายังไม่กลับมา ข้าจะให้เจ้าออกไปตามหา วันนี้เจ้าก็บาดเจ็บเช่นกัน พักรักษาตัวก่อนเถอะ ไม่แน่ว่าเย็นๆ สัตว์อสูรสองตัวนั้นอาจกลับมาแล้ว”
เสียงหยุดไป เจ้าสำนักเอ่ยว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะสั่งคนเฝ้าประตูไว้ว่าหากสองสัตว์อสูรกลับมาจะไม่รั้งไว้”
กวนสีหลิ่นได้ยินเช่นนี้ถึงจะพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีขอรับ ข้าขอไปบอกเฟิ่งจิ่วที่อาศรมก่อน นางจะได้ไม่เป็นห่วง”
“อืม ไปเถอะ! ข้าจะสั่งคนส่งข้าวต้มยาเข้าไปให้นาง อย่าลืมให้นางกินเล่า”
“ขอบคุณท่านรองเจ้าสำนักมากขอรับ” เขาประสานมือคารวะแล้วจึงถอยออกไป
เวลาเดียวกันนี้ ภายในป่าที่ห่างจากสำนักศึกษาไม่ไกล เหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาที่หลงเข้ามาในค่ายกลถูกขังอยู่ด้านใน เดินมาสองสามชั่วยามยังออกไปไม่ได้ ทำให้สัตว์อสูรทั้งสองที่เป็นห่วงเฟิ่งจิ่วยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“ไหนบอกว่าเจ้ารู้ทางและแยกทิศเป็น ตอนนี้ดีนัก บุกเข้ามาภายในค่ายกลนี้ วนอยู่ตั้งนานยังไม่ได้ออกไป รอจนพวกเราออกไปได้ไม่แน่นายท่านคงตายไปแล้ว” อสูรกลืนเมฆาโมโหไม่น้อย ไฟโกรธจากการที่ต้องติดอยู่ในค่ายกลล้วนแผ่ลามไปบนร่างเหล่าไป๋
เหล่าไป๋พ่นลมหายใจออกจมูก กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใครรู้ว่าสถานที่บ้านี่จะมีค่ายกลด้วย หากรู้แต่แรกคงไม่เดินมาทางนี้หรอก”
………………