Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 756

№ 756 คนคนนั้นคือนาง

ทั้งสองได้ยินเช่นนี้ถึงค่อยหยุดมือ

เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักมองหน้ากัน จากนั้นเดินไปด้านในด้วยฝีเท้าเบาๆ ด้านหลังมีโม่เฉินตามเข้าไปด้วย กวนสีหลิ่น เนี่ยเถิง รวมถึงเยี่ยจิงก็ตามเข้าไปเช่นกัน

ไม่นานพวกเขาก็ยืนล้อมรอบเตียง ส่วนเฟิ่งจิ่วบนเตียงหลับไปแล้ว แม้สีหน้าซีดเซียว แต่กลิ่นอายกลับไม่มีวี่แววว่าจะอ่อนแรงหรือปั่นป่วน ทำให้พวกเขาวางใจลงได้

เห็นนางไม่ได้เป็นถึงอันตรายถึงชีวิต พวกเขาถึงจะเดินออกไปพร้อมกัน

“ไม่เป็นไรก็ดี ที่นี่ยกให้พวกเขาไป ข้าจะไปดูพวกอาจารย์ที่บาดเจ็บเสียหน่อย” เจ้าสำนักกล่าวจบก็สาวก้าวเดินออกไป

เนี่ยเถิงชะงักพักหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปเช่นกัน

ส่วนกวนสีหลิ่นก็อยู่ต่อไม่ไปไหน บอกว่า “ข้าจะรอเฟิ่งจิ่วตื่น ยังต้องพานางกลับไปอาศรมอีก”

รองเจ้าสำนักมองพวกคนในเรือนแวบหนึ่ง กระแอมไอเบาๆ เอ่ยว่า “ข้าจะไปสั่งฝ่ายครัวต้มพวกข้าวต้มยาให้นางกิน แผลจะได้หายเร็วหน่อย” พูดจบก็จากไป

ภายในเขตเรือนเหลือเพียงกวนสีหลิ่นกับเยี่ยจิง รวมถึงโม่เฉิน สามคนไม่ได้พูดอะไรกัน บรรยากาศแปลกไปบ้างอย่างชัดเจน

ผ่านไปนาน เยี่ยจิงมองยังกวนสีหลิ่นพลางกล่าวว่า “บนตัวเจ้ามีแผล ข้าจะช่วยพันแผลให้แล้วกัน”

“ไม่เป็นไร แค่แผลถากๆ เท่านั้น”

เขาชำเลืองมองบาดแผลเล็กๆ บนแขนตนเองอย่างไม่ใส่ใจนัก ส่วนแผลภายในที่บาดเจ็บจากกระแสลม ระหว่างทางกลับมาเขากินยาอายุวัฒนะไปแล้ว ค่อยยังชั่วขึ้นมาเยอะ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เป็นไร

เวลาประมาณช่วงเย็น เซียวอี้หานซึ่งช่วยพวกอาจารย์ที่บาดเจ็บพันแผลหลังจากกลับสำนักก็มาเยือน เห็นเทพจุติชุดขาวในเรือนนั่งไม่ขยับเขยื้อน จึงลากกวนสีหลิ่นมาข้างๆ แล้วกดเสียงถาม “เฟิ่งจิ่วรู้จักเขาหรือ?”

“ก็อาจจะกระมัง!” กวนสีหลิ่นบอก ตนเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโม่เฉินมากนัก

“ข้าได้ยินเจ้าสำนักบอกว่าเฟิ่งจิ่วไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ถึงตอนนี้นางยังไม่ตื่นอีกหรือ?” เขามองประตูเรือนที่ปิดสนิทนั้นพลางถามไถ่

“เพิ่งตื่นมาไม่นาน เยี่ยจิงช่วยนางเปลี่ยนยาอยู่ด้านใน”

เขาได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มๆ เห็นบรรยากาศที่นี่ตึงเครียดไปบ้าง จึงบอกว่า “ในเมื่อไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าจะกลับไปก่อน รอนางกลับถึงอาศรมข้าค่อยไปเยี่ยมนางอีกที”

กวนสีหลิ่นขานรับ หลังจากมองส่งเขาออกไปถึงดึงสายตากลับ แล้วมองยังโม่เฉินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ผ่านไปสักพักค่อยสะลายตา

ประตูเรือนถูกเปิดออก เยี่ยจิงเดินออกมาจากด้านใน “เฟิ่งจิ่วบอกว่าจะกลับไปพักฟื้นที่อาศรม”

กวนสีหลิ่นได้ยินเช่นนี้ก็หันกายเดินเข้าไป “ข้าจะพานางกลับไปเอง”

ตรงโต๊ะหิน โม่เฉินแววตาสั่นไหวเล็กน้อย แต่กลับไม่พูดอะไร เพียงนั่งไปเงียบๆ

ไม่นานนักกวนสีหลิ่นก็แบกเฟิ่งจิ่วเดินออกมา นางที่เปลี่ยนมาสวมชุดสำนักศึกษาขาดการขับเน้นของชุดสีแดง สีหน้าจึงยิ่งซีดเผือดอย่างชัดเจน ทว่ายังรู้สึกตัวอยู่

“ขอบคุณมาก”

เมื่อกวนสีหลิ่นแบกเธอเดินผ่านข้างกายโม่เฉิน ปากเธอเปล่งเสียงคำขอบคุณออกมา

เยี่ยจิงคอยประคองข้างๆ และออกไปพร้อมกับพวกเขา

รอจนพวกเขาออกไปแล้ว โม่เฉินถึงค่อยวางหนังสือในมือลง เงยหน้ามองไปแล้วครุ่นคิดเสียเนิ่นนาน

“เป็นนาง? คนที่เจ้าต้องตามหาคือนางหรือ”

เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักเดินเข้ามา มองคนที่นั่งอึ้งตกใจอยู่ตรงโต๊ะพลางเอ่ยปากถาม อันที่จริงในใจของทั้งสองต่างรู้แล้วว่าคนคนนั้นที่เขาต้องการตามหาคงเป็นเฟิ่งจิ่วนี่เอง

หากมองไปทั่วสำนักศึกษา มีเพียงนางที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ และมีเพียงนางที่สามารถทำให้โม่เฉินผู้ไม่เคยเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาเกิดจิตสังหาร สองมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดได้

โม่เฉินมองพวกเขา หลังผ่านไปนานก็เพียงบอกว่า “รอแผลนางหายดีแล้ว ข้าจะต้องกลับไป”

…………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version