Skip to content

ใต้ม่านรัตติกาล 140

บทที่ 140 เป็นคนเช่นไร

“ไปเดินเล่นที่อื่นเถิด เจ้านำข้าไป”

หลานเยี่ยเสนอขึ้น

“ให้เจ้านำข้าไปดีหรือไม่” หลานเฟิงไม่ได้ตอบเขา ผิดแผกจากที่เคยเป็น

หลานเยี่ยไม่ค่อยเข้าใจ แต่ไม่นานก็ได้สติกลับคืนมา

“ได้ เดินตามข้ามา” หลานเยี่ยสะบัดแขนเสื้ออย่างทรงอำนาจ ทำให้หลานเฟิงกลืนไม่เข้าหายไม่ออก

“ไปทางนั้น” หลานเยี่ยชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

หลานเยี่ยเดินอยู่ข้างหน้า เมื่อมาถึงหน้าต้นไม้ต้นหนึ่งจู่ๆ ก็ทำท่าทางระมัดระวัง แล้วยังไม่ลืมหันกลับไปบอกให้หลานเฟิงเบาเสียง

ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าตรงฐานมีอุโมงค์ต้นไม้ หลานเยี่ยค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้พบว่ามีกระต่ายสองสามตัวอยู่ในนั้น มองดูกระต่ายที่น่ารักเหล่านี้ หลานเยี่ยก็อดส่งเสียงออกมาไม่ได้

“เจ้าดูซิ น่ารักจัง”

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีกระต่ายน้อย”

“ใครจะรู้เล่า! เหมือนว่าเคยรู้อยู่แล้ว ตอนกลางวันก็เช่นกัน เดินผ่านที่มากมาย ก็เหมือนรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าตรงนั้นมีอะไร”

“ยังรู้อะไรอีก คิดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับกระต่ายน้อยของเขาหลานวั่งได้บ้างหรือไม่”

“เจ้าถามข้าว่ายังรู้อะไรอีกข้ากลับคิดไม่ออกแล้ว เจ้ากระต่ายน้อยยังมีที่หอเย่ว์เยี่ยอยู่อีกหลายตัว พวกเราไปดูที่นั่นกันดีกว่า”

ทั้งสองคนเดินเล่นไปมา สุดท้ายแล้วก็มาถึงบริเวณผนึกม่านพลังทั้งสี่ของเขาหลานวั่ง หลานเยี่ยรู้สึกประหลาดใจจึงวิ่งเข้าไปดู

“นี่คืออะไร ด้านบนนั้นให้ความรู้สึกเช่นเจ้า”

“นี่คือปลายสายของม่านพลัง บนนั้นแต่เดิมเป็นพลังกระแสวิญญาณของเจ้า ตอนแรกที่เจ้าตั้งเขตผนึกนั้นก็เพื่อป้องกันอันตราย ข้าเองก็เพิ่มเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง แต่เดิมหากกระแสวิญญาณของเจ้าเกิดปัญหา ขอแค่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็จะไม่หายไปไหน แต่เพราะเหตุผลบางประการม่านพลังจึงหายไป นั่นก็เป็นเหตุว่าทำไมตอนแรกข้าถึงมั่นใจว่าเจ้าตายไปแล้ว”

“เจ้าสามารถสอนวิธีควบคุมกระแสวิญญาณให้ข้าได้หรือไม่ วันนี้ข้าลองขับพลังกระแสวิญญาณจากมุกหลิววั่งแต่กลับล้มเหลว ข้าอยากลองอีกเสียหน่อย”

“ย่อมได้”

หลานเฟิงและหลานเยี่ยฝึกควบคุมกระแสวิญญาณที่เขาหลานวั่ง ท่ามกลางโคมไฟสีแดงสดกระแสวิญญาณสองสีแตกต่างกันส่องแสงสลับไปมา สีฟ้าหนึ่งสายสีม่วงหนึ่งสาย งดงามอย่างมาก

“ตอนนี้ลองใช้กระแสวิญญาณกระโดดขึ้นต้นไม้ต้นนั้น” หลานเฟิงชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่แข็งแรงด้านบน หลานเยี่ยขลาดกลัวอยู่เล็กน้อย หลานเฟิงกระโดดขึ้นไปก่อน รอเขาอยู่ด้านบน

หลานเยี่ยกัดฟัน หลับตาลงแล้วกระโดดขึ้นด้านบน จากนั้นก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น

หลานเยี่ยลืมตาขึ้นมามองดูใบหน้าที่อยู่ใกล้เพียงคืบด้านหน้า เขากลับเกิดอาการเหม่อลอยขึ้นมาในทันใด คนผู้นี้เป็นคนเช่นใดกันแน่ ตนเองคือหลานเยี่ยอย่างนั้นหรือ คือนายน้อยตระกูลหลาน คือประมุขตระกูลหลานอย่างนั้นหรือ

“ตอนนี้มองเขาหลานวั่งอีกครั้งซิ”

หลานเยี่ยทำตาม กลับพบโลกใบใหม่ จากมุมสูงสามารถเห็นเขาหลานวั่งทั้งลูก วิวทิวทัศน์สวยงามน่ามหัศจรรย์ เหตุเพราะเทศกาลโคมไฟแสงสีแดงสดนั้นทำให้หลานเยี่ยรู้สึกว่าภาพแวดล้อมที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในชีวิตนี้ได้หยุดลงที่นี่

“พวกเราไปเถิด ยังมีอีกแห่งหนึ่งที่ข้าอยากไปดู”

“ได้” หลานเฟิงโอบประคองเอวของหลานเยี่ยแล้วจึงกระโดดลงมา หลานเยี่ยไม่ได้ดิ้นหนี

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่หลานเยี่ยเคยชินกับการนำหลานเยี่ยในเรื่องราวของหลานเฟิงมาทับซ้อนกับตนเอง เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเมื่ออยู่ในตระกูลหลาน แต่ก็ยังคงคิดถึงมู่หลีอยู่บ้าง คิดถึงบิดาที่อยู่ในราชสำนัก

ทุกครั้งที่คิดถึงพวกเขา เขาก็จะสงสัยว่าความทรงจำของตนเป็นเรื่องจอมปลอมหรือไม่ มีบางครั้งที่รู้สึกว่าหากความทรงจำของตนเป็นเรื่องโกหกนั่นก็น่าเศร้าเกินไปแล้ว มีชีวิตมายังไม่ถึงยี่สิบปีความทรงจำกลับถูกเปลี่ยนไปแล้วสองครั้ง ช่างน่าขายหน้าเสียจริง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version