Skip to content

ใต้ม่านรัตติกาล 147

บทที่ 147 เรือนหรง

ทั้งสองคนมาถึงเรือนหรง หลานเยี่ยพบว่าที่นี่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากเรือนอี้ มีเพียงเครื่องตกแต่งเท่านั้นที่ต่างออกไป

การตกแต่งประดับจัดวางของเรือนอี้หรงสะดวกสบายอย่างมาก และเหมาะสมงดงามอย่างมากเช่นกัน ดูท่าประมุขคนก่อนรักลูกทั้งสองคนมาก

หลังจากเข้าไปในเรือนหรงแล้ว สิ่งที่เข้ามาในคลองสายตาก่อนคือชิงช้าอันหนึ่ง ชิงช้านั้นถูกตั้งอยู่ในสวนดอกไม้ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ดูท่านิสัยชื่นชอบดอกไม้นั้นน่าจะถ่ายทอดมาจากที่นี่กระมัง!

บนชิงช้ายังมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง มองดูแล้วเหมือนมีคนอาศัยอยู่ หลานเยี่ยก้าวขึ้นไปหยิบดู เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องมหัศจรรย์พันลึก

“ที่นี่ถูกคงสภาพเอาไว้ให้เหมือนช่วงเวลาก่อนที่ฮูหยินจะแต่งงานออกไปอยู่เสมอ” หลานเฟิงเอ่ยปากอธิบาย หลานเยี่ยวางหนังสือลงที่เดิม

หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว หลานเยี่ยก็ได้เห็นห้องส่วนในของหญิงสาวที่แตกต่างจากธรรมดาทั่วไป ในห้องไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดวาง ทั้งห้องนั้นให้ความรู้สึกโอ่อ่าอย่างมาก ไม่ยุ่งยากและยังสวยงาม ทั้งห้องให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก

หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมีกระจกบานหนึ่งวางไว้ หน้ากระจกยังมีกล่องชาดอยู่อีกกล่อง สิ่งของที่ใช้หวีแต่งผมยังมีอยู่ครบ ดูท่าคงถูกใช้ตอนที่แต่งงานออกไปกระมัง ภายในห้องมีโต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะก็มีหนังสือวางอยู่เช่นกัน หลานเยี่ยอดคิดจินตนาการไม่ได้ว่าท่านแม่ก่อนออกเรือนนั้นจะต้องรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก จึงอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลา

แต่ท่านแม่ช่างชอบหนังสือเสียจริง

ทันใดนั้นหลานเยี่ยก็สังเกตเห็นบนกำแพง มีขลุ่ยลำหนึ่ง กระบี่เล่มหนึ่ง หลานเยี่ยหยิบขลุ่ยลำนั้นลงมา ดูแล้วเหมือนถูกทำขึ้นมาจากวัสดุเดียวกันกับลำที่อยู่ในมือของหลานเยี่ย พู่ห้อยที่อยู่บนกระบี่ดูแล้วเหมือนถูกถักทอด้วยฝีมือตนเอง

หลานเยี่ยออกจากห้องนี้ ไปยังที่อื่น ซึ่งก็คือห้องถัดจากห้องส่วนในของอวิ๋นหรง หลานเยี่ยตะลึงตาค้างเมื่อพบว่านี่คือห้องหนังสือ หนังสือที่มีอยู่เต็มกำแพง นานาประเภทหลากหลาย

หลานเยี่ยหยิบขึ้นมาดูอย่างง่ายๆ งานฝีมือสตรี ตำรากระบี่ ตำรากหมาก ตำราอาหาร เรื่องมหัศจรรย์พันลึกต่างๆ ล้วนมีทั้งนั้น หลานเยี่ยคิดไปว่ามารดาของตนเหมาะสมกับคนเช่นไร จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ตนเองมีมารดาเช่นนี้

“ฮูหยินชำนาญทั้งวิชาพิณ หมาก พู่กันและวาดรูป พลังกระแสวิญญาณและฝีมือกระบี่ก็แซงหน้าท่านประมุขวังอยู่ชั้นหนึ่ง ถือเป็นสตรีมากความสามารถในตอนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในระยะเวลาพันปีมานี้ของเขาเทียนปี้”

“เหตุใดท่านพ่อถึงโชคดีเพียงนี้ ได้ตบแต่งกับสตรีที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้” จู่ๆ หลานเยี่ยก็นึกอิจฉาหลานชิงขึ้นมา

เมื่อมาถึงอีกห้องหนึ่ง บนโต๊ะยังคงมีหมากล้อมที่ยังแก้ไม่ได้ค้างไว้ หลานเยี่ยมองที่หนึ่งก็ต้องส่ายหน้าหนี

หลานเฟิงก้าวขึ้นไปข้างหน้ามองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือไปหยิบหมากขาวขึ้นมา วางลงไปบนบริเวณที่มองดูแล้วไม่สมควรวางมากที่สุด แล้วหยิบหมากดำขึ้นมาอีกเม็ด กินหมากขาวไปเป็นบริเวณกว้าง ทันใดนั้นหลานเยี่ยก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก

หลังจากที่หมากขาวโดนกินไปเยอะแล้วนั้น จู่ๆ ก็แหวกเกิดเป็นทางเดินขึ้นมาแถวหนึ่ง หลานเฟิงขยับหมากอีกครั้ง จนถึงตอนสุดท้าย หลานเยี่ยลองนับดูก็ต้องพบว่าสถานการณ์ของหมากขาวที่แต่เดิมต้องแพ้ถูกทำลายลง หมากดำแพ้แล้ว

หลานเยี่ยมองหลานเฟิงด้วยแววตาเลื่อมใส หลานเฟิงกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย หลานเยี่ยเตรียมออกไป แต่ไม่รู้ว่าไปเหยียบโดนอะไร จู่ๆ ประตูลับบานหนึ่งก็เปิดออก หลานเยี่ยเข้าไปมองทีหนึ่งพบว่าเป็นลานฝึกวิทยายุทธ์ หลังจากเดินเข้าไปแล้วหลานเยี่ยก็แทบทรุดลงไป แรงดึงดูดรุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้หลานเยี่ยยิ่งเลื่อมใสอวิ๋นหรงมากขึ้น

ไม่กล้ารั้งตัวอยู่นาน หลังจากหลานเยี่ยเดินวนครบรอบแล้วก็ไปยังห้องรับแขก

“ห้องส่วนในของท่านแม่สวยเกินไป ไม่อาจทำใจเข้าไปรบกวน เลือกที่นี่ก็แล้วกัน” ภายในห้องมีเตียงเพียงหลังเดียว และมีเพียงห้องรับแขกห้องเดียวเท่านั้น หลานเฟิงยืนอยู่นอกประตู

“เข้ามานอนด้วยกันเถิด พรุ่งนี้ยังต้องพาข้าไปที่อื่นอีกแน่” หลานเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินเข้าไป

หลานเฟิงหมุนตัวเล็กน้อย กอดหลานเยี่ยจากด้านหลัง หลานเยี่ยกลับไม่กล้าขยับ

อวิ๋นหรูกลับมาพบทั้งสองคนที่อยู่ในห้องรับแขก หลังจากเห็นแล้วก็ถอยออกไปเงียบๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version