Skip to content

ใต้ม่านรัตติกาล 200

บทที่ 200 จิ้งจอกอารมณ์ร้อน

เมื่อกลับมาถึงตระกูลหลาน ชังหลานพบว่าหลานเฟิง หลานเยี่ย มู่หลี ชิวลั่ว เทียนซี และอวี่มั่วล้วนอยู่กันพร้อมหน้า อีกทั้งยังมีชิวจือเว่ยและหลานเซียวที่กลับมา หลานเม่ย และอวิ๋นหรูก็อยู่ด้วยเช่นกัน

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแลดูโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ทำให้สีหน้าที่ต้องการฆ่าคนของชังหลานนั้นดูไม่เข้าพวกเป็นอย่างหนัก

เมื่อเห็นว่าชังหลานกลับมาแล้ว ชิวจือเว่ยและหลานเซียวเพียงแค่เหลือบตามองเขาทีหนึ่ง พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหลานเฟิงและหลานเยี่ยถึงได้กลับมา และเมื่อกลับมาถึงแล้วถึงได้พบเห็นสถานการณ์นี้

มู่หลีถูกฆ่า ชิวลั่วฆ่าตัวตาย พลังวิญญาณของหลานเยี่ยถูกใช้จนหมด และเพราะมุกหลิววั่งหลานเฟิงจึงล้มไปด้วย ในใจของชิวจือเว่ยและหลานเซียวไม่รู้ว่าคิดเช่นไร ซับซ้อนมากเกินไป ทำให้ผู้อื่นไม่อาจเข้าใจได้

หนึ่งพันปีก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองคนก่อให้เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วยน้ำมือของตน รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย รู้สึกสำนึกตน และยัง… รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก

“ล้อมรอบกันอยู่ที่นี่ทำอะไร แยกย้ายๆ เร็วเข้า” ตอนนี้ชังหลานอารมณ์ร้อนอย่างมาก

ชิวจือเว่ยและหลานเซียวมองเขาด้วยความไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก แม้พวกเขาจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาพันปีมานี้ รู้ถึงเหตุและผลทั้งหลายแหล่ของเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งรู้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งหมด

แต่กลับไร้ซึ่งความสามารถกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ขอเพียงหลานเยี่ยตายแล้ว หลานเฟิงก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ ขอเพียงหลานเยี่ยฟื้นขึ้นมา ทุกเรื่องก็จะกลายเป็นโชคดี แต่ความเลวร้ายในช่วงพันปีมานี้จะทำลายลงไปได้อย่างไร

“ชิวจือเว่ย หลานเซียว พวกเจ้าสองคนตามข้ามา” ชังหลานเรียกพวกเขาสองคนออกไป แม้พวกเขาทั้งสองจะไม่เข้าใจว่าชังหลานถูกกระตุ้นจากอะไรมา แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วก็น่าจะมีวิธี ดังนั้นจึงเดินตามเขาออกไป

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู จู่ๆ ชังหลานก็หยุดลง หันกลับมาพูดกับผู้คนทั้งสี่ที่อยู่ในห้องด้วยท่าทีโศกเศร้าประโยคหนึ่ง

“พวกเจ้าอย่าคิดเพียงแต่เสียใจ นั่งลงดื่มชาก่อนเถิด ทั้งสี่คนนี้ตายไม่ได้ หลานเม่ยรับแขกเสียหน่อย” เขาพูดจบก็เดินจากไป เหลือเพียงผู้คนในห้องที่ตกตะลึง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ทั้งสี่คนก็ดีใจอย่างมาก ตาถลึงโตแทบจะถลนออกมา วันนี้นายท่านชังหลานเป็นอะไรไป ภาพลักษณ์แตกสลายลงหมดแล้ว ได้รับแรงกระตุ้นอะไรอย่างนั้นหรือ แต่ไม่ว่าจะสับสนอย่างไรก็ไม่อาจเทียบได้กับข่าวดีเมื่อครู่นี้

หลานเม่ยมองอวี่มั่วและเทียนซี พูดสิ่งที่รับกับสถานการณ์ตอนนี้ออกมาประโยคหนึ่ง

“ไม่เช่นนั้น ก็รับแขกดีหรือไม่”

“อืม รับแขกๆ เอาชามา” อวี่มั่วเอ่ยปาก

“เอาขนมอบสับปะรดมาอีกจาน” เทียนซีรับคำต่อ

“ทำให้ท่านพี่ตื่นขึ้นมา แล้วเห็นว่าขนมอบสับปะรดที่อยู่ในจานเหลือเพียงครึ่งชิ้น” อวิ๋นหรูรับคำต่อ

เมื่อทราบว่าผู้คนเหล่านี้จะไม่เป็นอะไร คนที่ยืนอยู่ก็เริ่มพูดเย้าหยอกทั้งสี่คนที่นอนอยู่ ตามหลักการแล้วอย่างไรก็เป็นมนุษย์ตอนนี้นอนอยู่ น่าจะเสียใจเล็กน้อยถึงจะถูก แต่พวกเขาทั้งหลายเชื่อถือคำพูดของชังหลานอย่างมาก สบายใจอย่างไม่มีเหตุผล

แม้ว่าผ้าขาวที่ชังหลานคลุมให้พวกเขาทั้งสี่คนจะมีรอยเลือดอยู่เล็กน้อย แต่พวกเขาทั้งสี่คนกลับเหมือนนอนหลับไปอย่างนั้น เหมือนว่ายังมีลมหายใจอยู่อ่อนๆ

หลานเม่ยไปชงชาด้วยตนเอง อวิ๋นหรูยกของทานเล่นมาให้สองสามจาย หลังจากเข้าไปในเรือนแล้ว ก็สังเกตเห็นเจียงหลิงที่ยืนพิงอยู่หน้าประตู ในมือถือไหเหล้าอยู่ไหหนึ่ง ผมเผ้ายุ่งกระเซิง โซเซไปมา

“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง” อวิ๋นหรูไม่เข้าใจเหตุการณ์ ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ในตอนนี้เจียงหลิงได้สติครบถ้วนแล้ว นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าประตูหอเย่ว์เยี่ย

“ตายหมดแล้ว ตายหมดแล้ว” เจียงหลิงพูดซ้ำไปมา

“ตายแล้ว ใครกัน หากเป็นท่านพี่และหลานเฟิงละก็ยังไม่ตายนะ”

“ไม่ต้องปลอบข้า ข้ารับรู้ความเป็นจริง”

“ข้าพูดจริง ท่านชังหลานสามารถช่วยพวกเขาได้” อวิ๋นหรูพูดจบ ดวงตาที่เหม่อลอยของเจียงหลิงก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง

“จริงหรือ” เจียงหลิงถาม

“จริง” ชังหลานที่รีบกลับมาพอดีตอบเขากลับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version