Skip to content

A Will Eternal 1194

บทที่ 1194 สมปรารถนา

ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ ซากพัดเล่มนี้ยังคงล่องลอยไปกลางห้วงอวกาศไม่หยุดพัก ทิศไกลที่มองเห็นมีเพียงความมืดทะมึน ซ้ำยังไม่มีเสียงใดดังลอยมา

ราวกับว่าที่นี่ได้จมอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดไร้สรรพสำเนียง…

ภายใต้ความเงียบงันและความมืดมนอนธการนี้ มีเพียงแสงอ่อนโยนของซากพัดเท่านั้นที่เป็นดั่งดาวดวงเดียวในห้วงอวกาศ

เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ภายใต้สภาวะที่วิญญาณวัตถุหลับสนิทและป๋ายเสี่ยวฉุนนั่งเข้าฌานเพื่อฟื้นพลัง แสงที่อ่อนโยนนี้กลับค่อยๆ หม่นมัวลง

จนกระทั่งวันนี้ที่วิญญาณวัตถุลืมตาขึ้น ในดวงตาของมันยังคงมีความเหนื่อยล้า หลังจากยันตัวลุกขึ้นมาได้ มันก็อึ้งงันไปพักหนึ่ง ครั้นแล้วจึงกวาดตามองไปรอบกาย เนื่องด้วยก่อนหน้านี้มันหมดสติ ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนที่ออกกำลังเต็มแรงก็จำต้องจมสู่สภาวะไร้จิตสำนึกเพราะเข้าฌาน จึงเป็นเหตุให้แขนใหญ่ยักษ์ของผู้บงการมิอาจกลับไปในหน้าพัดได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น…จึงกระแทกลงบนซากพัดอย่างต่อเนื่อง

พลังที่ซ่อนแฝงอยู่ในแขนข้างนี้มีมากเกินไป ต่อให้ไม่มีคนคอยควบคุม ด้วยพลังของตัวมันเองก็ยังคงพุ่งชนทำลายซี่พัดที่อยู่บนซากพัดไปได้ไม่น้อย เวลานี้มองไป ครึ่งหนึ่งของซากพัดจึงกลายมาเป็นซากปรักหักพัง…

ทั้งหมดนี้ทำให้วิญญาณวัตถุน้อยตัวสั่น พลันร้องคร่ำครวญ

“บ้านของข้าผู้อาวุโส…”

เสียงร้องนี้เศร้ารันทดเกินไป ยิ่งมาอยู่ท่ามกลางความเงียบงันเช่นนี้จึงฟังบาดหูมากเป็นพิเศษ เมื่อมันดังก้องไปสี่ทิศก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจสะดุ้งตื่น เขารีบลืมตา โดดผลุงขึ้นยืนทำมุทราพลางกวาดตามองไปรอบด้าน

เมื่อพบว่าไม่มีศัตรูเข้ามาโจมตี ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระบายลมหายใจโล่งอก ครั้นแล้วจึงขยับกายไปยังทิศไกล ซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่สองหญิงยังคงหมดสติ ศพของซ่งเชวียที่นอนอยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้เน่าเปื่อย บางทีอาจเป็นเพราะความมหัศจรรย์ของตัวซากพัดเองจึงทำให้เขาเหมือนคนที่นอนหลับสนิทไปเท่านั้น

และรอบกายของพวกเขาก็มีแสงอ่อนโยนล้อมวน เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่วิญญาณวัตถุน้อยย้ายพวกเขามาอยู่ที่นี่ ได้แบ่งพลังส่วนหนึ่งของซากพัดมาปกป้องพวกเขาเอาไว้ด้วย

ทุกอย่างนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนลอบถอนหายใจอยู่ในใจ เพียงแต่ว่าตอนที่มองไปยังศพของซ่งเชวีย ในใจเขายังคงขมขื่น ท่ามกลางความเงียบงัน วิญญาณวัตถุน้อยยังไม่เลิกร้องโหยหวนพิลาปรำพัน ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินก็ให้รำคาญใจ จึงหันกลับไปมองวิญญาณวัตถุน้อยที่ยังร้องคร่ำครวญ

“แหกปากทำบ้าอะไรของเจ้า!”

“เจ้าหุบปากไปเลย ต้องโทษเจ้านั่นแหละ บ้านของข้า…”

วิญญาณวัตถุน้อยกำลังอารมณ์เสีย จึงหันมาคำรามใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงไปครู่ ก่อนหน้านี้เขามัวแต่สนใจเรื่องของซ่งจวินหว่าน โจวจื่อโม่และซ่งเชวีย พอลืมตามาก็ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่ คราวนี้พอหันกลับไปมองข้างหลังจึงพลันเบิกตากว้าง เห็นแขนผู้บงการที่ยังคงกระแทกชนซี่พัดไม่หยุด

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ลูบคลำจมูกอย่างวัวสันหลังหวะ

“เรื่องนี้…จะโทษข้าก็ไม่ได้นะ เอาเถอะๆ ข้าจะช่วยซ่อมให้เจ้าก็แล้วกัน…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกผิด โดยเฉพาะนึกถึงว่าหากก่อนหน้านี้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณวัตถุน้อย เกรงว่าเขาคงจัดการกับจักรพรรดิแสไม่ได้ ตอนนี้พอมาเห็นท่าทางเสียใจของอีกฝ่าย เขาเลยต้องรีบปลอบใจ

วิญญาณวัตถุน้อยกะพริบตาปริบๆ อันที่จริงก่อนหน้านี้หลังจากที่มันตะโกนออกไปอย่างเดือดดาล ก็เริ่มเสียใจและหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว

คาดไม่ถึงเลยว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะยอมพูดจาดีๆ ปลอบใจตน อารมณ์ของมันจึงพลันฮึกเหิม แต่ก็รู้ดีว่าจะให้เกินไปนักไม่ได้ ดังนั้นจึงแค่นเสียงหึในลำคอหนึ่งที จากนั้นก็ร่วมกับป๋ายเสี่ยวฉุนเอาแขนของผู้บงการส่งกลับเข้าไปในหน้าพัดก่อนเป็นอันดับแรก ต่อมาป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มซ่อมซี่พัดให้ตามความต้องการของวิญญาณวัตถุน้อย

แม้ว่าจะไม่สามารถซ่อมได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็ช่วยชดเชยให้ได้ถึงเจ็ดแปดส่วน ส่วนที่เหลือนั้น จะอย่างไรซะซากพัดก็เป็นสมบัติแห่งจักรวาล เดิมทีมันก็มีพลังซ่อมแซมตัวเองในระดับที่แน่นอนอยู่แล้ว ผ่านไปอีกสักช่วงเวลาหนึ่งก็จะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้เอง

ทำทุกอย่างนี้เสร็จ พลังกายที่กว่าจะฟื้นคืนมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถูกเผาผลาญไปอีกไม่น้อย

ท่ามกลางลมหายใจที่หอบระรัว เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างกายซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่ มองสองหญิงรวมถึงหน้าท้องที่โป่งนูนของพวกนาง และยังมีภาพของเถี่ยตั้นที่อยู่บนแขนของซ่งจวินหว่าน สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็อ่อนโยนลงหลายส่วน

วิญญาณวัตถุน้อยกำลังลำพองใจในตัวเองอย่างมาก เวลานี้มองป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วก็มองไปยังซ่งจวินหว่านกับโจวจื่อโม่ ก่อนจะพลันถามขึ้น

“พวกนางคือใครน่ะ”

“พวกนางคือคู่บำเพ็ญตนของข้า ในท้องของพวกนาง…คือลูกของข้า”

ป๋ายเสี่ยวฉุนตอบรับเบาๆ โดยที่ไม่ได้หันหน้ากลับมา

“แล้วศพนั่นล่ะ…” วิญญาณวัตถุน้อยทำท่าครุ่นคิด คล้ายกำลังทำความเข้าใจว่าอะไรคือคู่บำเพ็ญตน แล้วทำไมในท้องของคู่บำเพ็ญตนถึงได้มีเด็กอยู่ด้วย มันรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งจึงถามขึ้นมาอีกประโยค

“เขาคือพี่น้องที่รักของข้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหลับตาลงเพื่อบดบังความเศร้าเสียใจในดวงตา

“เอ่อ…ป๋ายเสี่ยวฉุน ถ้าหากข้ามีวิธีที่ทำให้คู่บำเพ็ญตนกับลูกของเจ้าแข็งแรงมากขึ้น แล้วก็ทำให้พี่น้องที่รักของเจ้ามีโอกาสฟื้นคืนชีพกลับมา…เจ้าจะให้ข้าเปลี่ยนชื่อได้ไหม…”

วิญญาณวัตถุน้อยกลอกตาล่อกแล่ก รู้สึกว่านี่คือโอกาสอันดีจึงลองถามหยั่งเชิง

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!!” วิญญาณวัตถุน้อยยังไม่ทันพูดจบ หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นระรัวอย่างบ้าคลั่ง พลันโผล่พรวดมาอยู่ตรงหน้าวิญญาณวัตถุน้อยในเสี้ยววินาที แม้แต่ดวงตาก็ยังฉายความคลุ้มคลั่งออกมาให้เห็น!

อีกทั้งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเขา ซากพัดเล่มนี้ก็ยังได้รับอิทธิพลตามไปด้วย แสงของมันพลันเจิดจ้า รอบด้านก็ยิ่งมีเสียงสะเทือนเลือนลั่นดังกึกก้อง ซี่พัดที่เพิ่งได้รับการซ่อมแซมก็สั่นสะเทือน

นั่นเป็นเพราะว่าถึงแม้ซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่จะมองดูเหมือนเป็นปกติดีคล้ายคนนอนหลับสนิท แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังพอจะสัมผัสได้ว่าพลังต้นกำเนิดของพวกนางเสียหายอย่างใหญ่หลวง เพียงแต่เป็นเพราะการปกป้องจากเถี่ยตั้น บวกกับพลังแห่งชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ของเด็กในท้องช่วยประคับประคองเอาไว้ พวกนางถึงยังไม่ตาย

ทว่าความเสียหายชนิดนี้ ต่อให้ตบะทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนฟื้นคืนกลับมาอย่างเต็มที่ ก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานมากในการแก้ไข ถึงจะทำให้หญิงสาวทั้งสองฟื้นตื่นขึ้นมาได้

กับเถี่ยตั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน ส่วนซ่งเชวียนั้นวิญญาณแหลกสลายไปนานแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ศพอย่างเดียว ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลายเป็นบุพกาลก็ไม่มีวิธีมาทำให้อีกฝ่ายฟื้นคืนชีพได้

ทว่าตอนนี้วิญญาณวัตถุน้อยกลับพูดประโยคเหล่านั้นออกมา แต่ละคำที่ดังเข้าหูป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นดั่งอสนีบาตที่ดังครืนครั่น ก่อให้เกิดคลื่นเทียมฟ้าถาโถมอยู่ในสมองของเขา

“เจ้าอย่าตื่นเต้น!” วิญญาณวัตถุน้อยผงะตกใจไปกับอาการของป๋ายเสี่ยวฉุน รีบถอยออกห่าง มันกลัวว่าหากตนพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป ป๋ายเสี่ยวฉุนจะทำเรื่องที่มันหวาดกลัว

“เจ้าฟังข้าพูดก่อน ต้นกำเนิดพลังชีวิตของคู่บำเพ็ญตนเจ้าเสียหาย การที่พลังต้นกำเนิดสลายหายไปเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่การชดเชยพลังชีวิตทั่วไปจะแก้ไขได้ หากเปลี่ยนไปเป็นที่อื่น เว้นเสียแต่ว่าจะมีวัตถุดิบวิเศษหายาก หาไม่แล้วก็ยากที่จะคลี่คลายได้”

“ทว่าที่นี่…กลับไม่เหมือนกัน ส่งพวกนางเข้าไปในเจดีย์เป็นตาย ที่นั่น พวกนางไม่เพียงแต่จะได้รับการชดเชยพลังต้นกำเนิดแห่งชีวิต ตบะก็จะค่อยๆ เพิ่มพูนตามไปด้วย!”

“ส่วนสหายของเจ้า…ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าข้าเองก็ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยนัก เพียงแต่ว่าในอดีตที่ได้ติดตามท่านผู้บงการ เคยได้ยินท่านผู้อาวุโสพูดว่า จุดประสงค์ที่ในปีนั้นเขาสร้างต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายขึ้นมาก็เพื่อชุบชีวิตของคนผู้หนึ่ง!”

“เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ยังล้มเหลว แต่ข้าคิดว่า…ต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายอาจจะช่วยให้คนผู้หนึ่งฟื้นคืนชีพได้จริงๆ เรื่องนี้อาจมีความหวังเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น…

ทว่าค่าตอบแทนก็คือ นับแต่นี้ไป เนื่องจากการดูดซับพลังของคู่บำเพ็ญตนและพี่น้องที่รักของเจ้า ต้นกำเนิดเต๋าที่อยู่ในเจดีย์เป็นตายจะค่อยๆ อ่อนกำลังลง แล้วก็ยากที่เจ้าจะเข้าไปฝึกตนในนั้นได้อีก ซ้ำแล้ว…อัตราความสำเร็จก็ไม่สูงมากนัก มีเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น!”

“เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?” วิญญาณวัตถุน้อยรีบถาม มันพูดทุกอย่างที่รู้ออกมาอย่างไม่มีหมกเม็ดแล้วจริงๆ

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีความลังเลใด เพียงสะบัดปลายแขนเสื้อส่งซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่ รวมถึงซ่งเชวียให้ตรงเข้าไปยังหน้าพัด วิญญาณวัตถุน้อยบอกวิธีให้แล้ว ในฐานะที่เป็นเจ้าของซากพัดเล่มนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่จำเป็นต้องให้วิญญาณวัตถุน้อยช่วยเหลือก็สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง บัดนี้เขาพลันทะยานตัวมุ่งหน้าไปยังหน้าพัด พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่เหนือเจดีย์สูงบนยอดเขา

เขาเอาซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่ไปไว้ที่ชั้นสอง แม้ว่าชั้นนี้จะอยู่ห่างจากชั้นบนสุดอยู่มาก แต่กลับเหมาะสมกับหญิงสาวทั้งสองมากที่สุด เพราะหากอยู่สูงเกินกว่านี้จะไม่เพียงแต่ไม่มีประโยชน์ กลับจะยิ่งเป็นการทำร้ายพวกนางอีกด้วย

ส่วนซ่งเชวียนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ฝืนข่มกลั้นความไม่สบายตัวส่งอีกฝ่ายไปที่ชั้นเก้า ในชั้นนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่อาจอยู่ได้นานนัก

ก่อนจะจากมาเขามองซ่งเชวียแวบหนึ่ง การมองครั้งนี้แฝงไว้ด้วยแววอวยพร แฝงไว้ด้วยแววรอคอยและคาดหวัง ครั้นแล้วจึงหมุนกายจากไป

เถี่ยตั้นนั้นก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเอาออกมาจากภาพบนแขนของซ่งจวินหว่านอย่างระมัดระวัง แม้เขาจะไม่รู้ว่าเถี่ยตั้นทำอย่างไรถึงกลายร่างมาเป็นภาพได้ แต่ด้วยพรสวรรค์ของเถี่ยตั้นและตอนนี้ตบะของมันก็เป็นถึงคนฟ้าช่วงท้าย ห่างจากครึ่งเทพอีกแค่เสี้ยวเดียว คิดดูแล้วก็น่าจะเป็นเพราะพรสวรรค์บางอย่างที่ฟื้นตื่นขึ้นมา

เถี่ยตั้นไม่เหมาะสมกับชั้นที่สอง แล้วก็ยิ่งไม่เหมาะกับชั้นที่เก้า ชั้นที่สามนับว่าเหมาะสมกับมันมากที่สุด

จัดการทุกอย่างนี้เสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดินออกมาจากเจดีย์สูง หันหน้ากลับไปมองเจดีย์หลังนั้นด้วยสายตาลึกล้ำอยู่พักใหญ่ เขาถึงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วนั่งเข้าฌานอยู่นอกเจดีย์

เขาจะเฝ้าพิทักษ์อยู่ตรงนี้…

เฝ้าปกป้องจนกว่าจะถึงวันที่ซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่ฟื้นตื่น

ตามคำบอกของวิญญาณวัตถุน้อยและตามการวิเคราะห์ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมีต่อเจดีย์เต๋าเป็นตาย เขาก็รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงในอีกไม่นาน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version