Skip to content

A Will Eternal 1195

บทที่ 1195 เทียนจุนช่วงท้าย

ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเวลานี้ หลังจากที่จักรพรรดิแสหวนกลับมาด้วยความเกรี้ยวพิโรธ เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนสังหารปฐพีพินาศ จับตัวหยวนเยาจื่อและปลิดชีพองค์ชายแสไปด้วยความเดือดแค้น เรื่องราวที่สร้างความครึกโครมให้กับโลกทั้งใบก็พลันระเบิดอึงอลไปทั่วทั้งดินแดนเซียน ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์จักรพรรดิแสหรือราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ ไม่มีใครที่ไม่ตื่นตระหนก ไม่มีใครที่ไม่สะท้านสะเทือน ไม่มีใครที่ไม่ฮือฮา!

“สังหารเทียนจุนปฐพีพินาศ? สวรรค์ มันนานเท่าไหร่แล้ว ที่ระหว่างเทียนจุนด้วยกันไม่เคยมีการเข่นฆ่าที่แท้จริงเกิดขึ้น!!”

“จับตัวหยวนเยาจื่อไป บัดซบนัก หยวนเยาจื่อผู้นั้นเคยเป็นคนของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งเรา ทั้งยังเป็นลูกศิษย์ของเทียนจุนเฉินซู แต่เขากลับทรยศ คนผู้นี้ถูกจับตัวไปก็แสดงว่ากรรมตามสนองเขาแล้ว!”

“ราชาทงเทียนป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้เหี้ยมหาญยิ่งนัก ข้ายังจำได้ว่าตอนที่เขาเพิ่งมาอยู่ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลยังเป็นแค่ครึ่งเทพเท่านั้น…”

“สังหารองค์ชายของราชวงศ์จักรพรรดิแส… เรื่องนี้ใหญ่มากจนสร้างความครึกโครมไปทั่วเลยทีเดียว!!”

ท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนมากมาย ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เผ็ดร้อนส่งมาจากทั้งในราชวงศ์จักรพรรดิแสและราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง ทั้งยังมีนักพรตไม่น้อยที่คิดว่าระหว่างราชวงศ์จักรพรรดิแสและราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งจะต้องมีสงครามบังเกิดขึ้น!

ขณะเดียวกันในราชวงศ์จักรพรรดิแส พายุบ้าระห่ำลูกหนึ่งที่พุ่งเป้าเล่นงานไปยังนักพรตโลกทงเทียนโดยเฉพาะ ก็ได้ปะทุขึ้นตามความเดือดดาลของจักรพรรดิแส

เพียงแต่ว่าคนหลายแสนคนที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บเข้าไปไว้ในกระบี่ใหญ่สายเหนือไม่สามารถถูกหาเจอได้แล้ว ส่วนพวกคนที่ไปหลบซ่อนตัวหรือไม่ก็หนีไปที่ราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง เมื่ออยู่ภายใต้พายุลูกนี้ แม้จะมีบางคนที่ถูกจับตัวมาได้ แต่ดูจากจำนวนรวมแล้วก็ไม่ถือว่าเยอะมากนัก

ที่สำคัญที่สุด…ก็คือกงซุนหว่านเอ๋อร์

ป๋ายเสี่ยวฉุนเลือกที่จะเชื่อใจนาง และนางเองก็ไม่ได้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนผิดหวัง ซ้ำยังพาพวกจางต้าพั่งหนีออกไปด้วยกัน แม้จะไม่ได้เป็นกบฏที่ทรยศต่อราชวงศ์จักรพรรดิแส แต่ก็แทบจะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ภายใต้การปกป้องของนาง แม้นางจะไม่สามารถช่วยนักพรตโลกทงเทียนที่อยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิแสได้ แต่กลับสามารถอาศัยช่วงเวลาที่จักรพรรดิแสไล่ล่าป๋ายเสี่ยวฉุน นำกระบี่ใหญ่สายเหนือไปมอบให้แก่ต้าเทียนซือได้สำเร็จ

ซ้ำภายใต้การปกป้องของนาง และหลังจากที่ต้าเทียนซือรู้เรื่องนี้ก่อนคนมากมาย เขาจึงมีการเตรียมการล่วงหน้า เป็นเหตุให้พื้นที่วิเศษของโลกทงเทียนในดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ที่ตั้งตัวอย่างเปิดเผยหายวับไปในเวลาเพียงชั่วค่ำคืน

พวกเขาไปหลบซ่อนตัว ไม่ได้ไปซ่อนตัวในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ไปซ่อนตัวอยู่ในกระบี่ใหญ่สายเหนือที่ผ่านการหลอมพลังจิตมาแล้วจากป๋ายเสี่ยวฉุน และกระบี่เล่มนี้ก็ถูกกงซุนหว่านเอ๋อร์นำไปซ่อนไว้เป็นอย่างดี ส่วนตัวนางเองนั้นก็เริ่มหลบหนี…

ขณะเดียวกันจักรพรรดิเซิ่งผู้เสแสร้งวางตัวเป็นคนดีมาตลอดเวลา บัดนี้ก็ยังคงแสร้งเป็นคนดีต่อไปให้ถึงที่สุด ในเมื่อราชวงศ์จักรพรรดิแสของเจ้าปฏิบัติต่อนักพรตโลกทงเทียนเช่นนี้ ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นหรือตาย

ถ้าเช่นนั้นจักรพรรดิเซิ่งย่อมต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ เขาให้การช่วยเหลือคนของโลกทงเทียนอย่างเต็มกำลัง พร้อมๆ กับที่เปิดด่านที่อยู่ในขอบเขตของตนเองให้คนของโลกทงเทียนหลบหนีเข้ามา

วิธีการมากมายเหล่านี้ล้วนเอามาใช้เพื่อดึงนักพรตของโลกทงเทียนที่ตกอยู่ในอันตรายให้เข้ามาเป็นพวกเดียวกับตนอย่างสุดความสามารถ

ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร ทว่าการกระทำของเขาก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับนักพรตโลกทงเทียน ถือเป็นการมอบถ่านติดไฟท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ

ส่วนสงครามระหว่างราชวงศ์จักรพรรดิแสและราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะอย่างไรซะแม้เทียนจุนปฐพีพินาศจะถูกสังหาร แต่อีกไม่นานก็จะถูกจักรพรรดิแสชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ มีเพียงหยวนเยาจื่อเท่านั้นที่ยังไม่ตาย ดังนั้นจึงไม่สามารถถูกชุบชีวิตได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ราชวงศ์จักรพรรดิแสจะขาดเทียนจุนไปคนหนึ่ง แต่หากนับกันโดยจำนวนรวมแล้วก็ยังถือว่าได้เปรียบราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งอยู่ดี

มีคนคนบอกไว้ว่าเวลาคือต้นทุนในการซ่อมแซมทุกอย่าง ประโยคนี้กล่าวไว้ไม่ผิด เพราะบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็เป็นเช่นนี้ เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปได้สิบปี จักรพรรดิแสเองก็ระงับไฟโทสะที่มีต่อกงซุนหว่านเอ๋อร์ลงได้จึงไม่ควานหาตัวนางต่อ ทั้งยังส่งข้อความเสียงป่าวประกาศด้วยว่า ขอแค่กงซุนหว่านเอ๋อร์กลับมา เขาก็จะไม่รื้อฟื้นเรื่องในอดีตอีก!

ผ่านไปอีกสิบปี แม้ว่านามของป๋ายเสี่ยวฉุนจะยังมีคนเอ่ยถึง แต่กลับไม่ได้มากมายดังในอดีตอีกแล้ว จนกระทั่งผ่านไปได้อีกสิบปี รวมเวลาทั้งสิ้นสามสิบปี เรื่องราวในอดีตก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ตึงเครียดสำหรับสองราชวงศ์ใหญ่อีกต่อไป ราวกับว่าทุกอย่างได้กลับคืนมาเป็นปกติอีกครั้งแล้ว

และดูเหมือนว่าใครหลายๆ คนก็เลือกที่จะลืมเลือนนามของป๋ายเสี่ยวฉุนไปแล้ว เพียงแต่ว่าในใจของนักพรตโลกทงเทียนทุกคนยังบังเกิดความปลงอนิจจังขึ้นบ้างในบางครา

ส่วนพวกราชาผียักษ์ ต้าเทียนซือ หลี่ชิงโหวและบุรพาจารย์ธาราเทพที่หลบซ่อนตัวกันอยู่ในกระบี่ใหญ่สายเหนือ พวกเขานั้นคิดถึงป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งกว่าใคร และในใจของพวกเขาก็ยืนหยัดในความหวังอย่างหนึ่งอยู่ตลอดเวลา!

ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่ตาย! และสักวันเขาจะต้องกลับมา!!

ความหวังนี้ประหนึ่งเปลวเพลิงที่ประคับประคองความเชื่อมั่นและความศรัทธาของพวกเขาเอาไว้!

เวลาสามสิบปีที่ผ่านพ้นไปบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็ล่วงเลยผ่านไปสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่บนซากพัดเช่นเดียวกัน ในเวลาสามสิบปีมานี้ เขายังคงนั่งเข้าฌานอยู่หน้าเจดีย์สูงบนยอดเขาเพื่อฝึกตนอย่างเต็มกำลังอยู่ตลอดเวลา!

ทรัพยากรหลากหลายชนิดที่มาจากในด่านของซากพัด

รวมไปถึงทรัพยากรที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บสะสมไว้เองทำให้ตบะของเขาไต่ทะยานไปอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าคิดจะฝ่าทะลุจากเทียนจุนช่วงกลางไปสู่เทียนจุนช่วงท้ายกลับเป็นเรื่องที่ยากมากเกินไป

ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีทรัพยากรมากมายขนาดนี้ แต่ก็ยังต้องเสียเวลาไปทั้งหมดสามสิบปีเต็มถึงจะสัมผัสได้ถึงสัญญาณของการฝ่าทะลุขั้น แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปก็ย่อมสร้างความตื่นตะลึงให้กับเทียนจุนทุกคนได้แน่นอน จะอย่างไรซะนี่ก็ไม่ใช่ช่วงต้นเลื่อนสู่ช่วงกลาง แต่เป็นการเลื่อนจากช่วงกลางสู่ช่วงท้าย อย่าว่าแต่สามสิบปีเลย ต่อให้เป็นสามร้อยปีก็ยังนับว่าเร็วอย่างถึงที่สุดแล้ว

ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทำได้ถึงระดับนี้ นอกจากจะเป็นเพราะทรัพยากรที่มีล้นเหลือแล้ว แขนผู้บงการก็ยิ่งเป็นกุญแจสำคัญ มีแขนผู้บงการลอยอยู่กลางอากาศเหนือหน้าพัดและคอยแผ่ปราณของผู้บงการออกมาตลอดเวลา ภายใต้การหล่อเลี้ยงตบะมาตลอดสามสิบปี ความเร็วในการฝึกตนของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงได้น่าตะลึงเพียงนี้

การฝึกคัมภีร์เกิดและตายแห่งปัจจุบันของเขาก็เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นเดียวกัน ยามเที่ยงวันของวันนี้ บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเบิกโพลง ลมหายใจของเขาเนิบช้าและหนักหน่วง ตบะในร่างของเขากำลังโคจรอย่างบ้าคลั่งคล้ายไต่ทะยานไปสู่จุดสูงสุด ส่วนคัมภีร์เกิดและตายแห่งปัจจุบันของเขาก็ฝึกได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบในนาทีนี้!

เมื่อฝึกมาถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปิดเปลือกตาทั้งคู่ลงอีกครั้ง สัญญาณแห่งการฝ่าทะลุขอบเขตพลันระเบิดออกมาจากในร่างของเขา ประดุจมีคลื่นพิโรธขุมหนึ่งที่หลังจากโถมตัวขึ้นสูงก็โจมตีไปยังนภากาศอย่างต่อเนื่อง

“จะฝ่าทะลุขอบเขตแล้ว!” เวลาเดียวกันนั้น ร่างของวิญญาณวัตถุน้อยก็พลันจำแลงออกมาอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน และมองมาด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ เวลาสามสิบปีที่อยู่ร่วมกันมา แม้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะใช้เวลาแทบทั้งหมดไปกับการเข้าฌาน ทว่าสำหรับวิญญาณวัตถุแล้ว การที่มีคนอยู่เคียงข้างกายมาหลายสิบปีกลับทำให้มันรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก ต่อให้คนที่อยู่ด้วยจะเป็นคนที่น่ารังเกียจ แต่ถึงกระนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็รับปากว่า จะให้มันยอมกลับไปใช้ชื่อได้อย่างที่มันต้องการแล้ว

ขณะที่มันกำลังครุ่นคิดถึงชื่อที่จะใช้ กลับสัมผัสได้ถึงปราณการฝ่าทะลุขอบเขตของป๋ายเสี่ยวฉุนพอดี จึงรีบมุ่งหน้ามาหา

“ไอ้หมอนี่มันสู้สุดใจขาดดิ้นจริงๆ แต่ว่าหากเขาฝึกตนแบบนี้ต่อไป… แม้แต่ขั้นบุพกาลก็คงเดินไปถึงได้อย่างมั่นคง หรือต่อให้เป็นผู้บงการ…ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”

วิญญาณวัตถุน้อยสูดลมหายใจเข้าลึก หวนนึกไปถึงการฝ่าทะลุขอบเขตครั้งก่อนของป๋ายเสี่ยวฉุน ที่บนร่างเขาระเบิดพลังต้นกำเนิดแห่งเวลาออกมา

และขณะที่วิญญาณวัตถุน้อยกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น ดวงตาที่ปิดลงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อดวงตาทั้งคู่ลืมขึ้น ในร่างของเขาก็มีเสียงกัมปนาทราวฟ้าผ่าดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

ปราณของเขาระเบิดออกอย่างเต็มที่ ชักนำการเปลี่ยนแปลงของแปดทิศ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำสายใหญ่หรือเรือลำน้อย หรือแม้แต่แขนของผู้บงการที่อยู่บนท้องฟ้าต่างก็พากันส่องแสงพริบพราว

เมื่อแสงนั้นเจิดจ้า ลมปราณของเขาก็ยิ่งเข้มข้น จนกระทั่งฝ่าทะลุขีดจำกัดอย่างหนึ่งไปได้ก็พลันระเบิดตูมออกมา ภายใต้เสียงครืนๆ ดังอึกทึก ตบะเทียนจุนช่วงกลางก็โจนทะยานสู่เทียนจุนช่วงท้าย!

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแสงคมกล้า ท่ามกลางห้วงจักรวาลที่มืดสนิทนี้ ประกายแสงจากดวงตาของเขาถึงกับสว่างจ้าเกินกว่าแสงของตัวซากพัดเอง คลื่นแห่งลมปราณของเขาซัดกระเพื่อมรุนแรง ร่างของเขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน นาทีที่หยัดยืนได้อย่างมั่นคง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันแหงนหน้าแผดเสียงคำรามแหลมยาว

เทียนจุนช่วงท้าย!

และชั่วขณะที่วิญญาณวัตถุน้อยคิดว่าป๋ายเสี่ยวฉุนฝึกตนสิ้นสุดแล้วนั้นเอง อำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กวาดตะลุยไปยังเจดีย์เป็นตายเพื่อตรวจสอบสภาพของซ่งจวินหว่าน โจวจื่อโม่และเถี่ยตั้น แล้วก็หันไปจับตามองซ่งเชวีย พักใหญ่เขาถึงสูดลมหายใจเข้าลึก สะบัดกายวูบมาโผล่อยู่บนแขนผู้บงการที่ลอยเหนือท้องฟ้า จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ แผ่อำนาจจิตออกไป ก่อนจะค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับแขนของผู้บงการ!

“เจ้าคิดจะทำอะไร!” วิญญาณวัตถุน้อยอึ้งตะลึง เมื่อแน่ใจในสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะทำ มันก็ถึงกับร้องอุทานเสียงหลง

“ผสานรวมกับแขนผู้บงการ…สวรรค์ มันจะเป็นไปได้อย่างไร!!”

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองวิญญาณวัตถุน้อยปราดหนึ่ง ในสายตานั้นแฝงเร้นไว้ด้วยความยืนหยัด รวมถึงความบ้าคลั่ง เวลาสามสิบปีและการฝึกตนมาตลอดสามสิบปี สำหรับนักพรตคนอื่นแล้วอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในชั่วชีวิตของเขา

เขาบ้าระห่ำเสียแล้ว นั่นเป็นเพราะครั้งนั้นที่เห็นซ่งเชวียตายไปต่อหน้าต่อตา เห็นลูกเมียตัวเองตกอยู่ในอันตราย เห็นความอ่อนแอของเถี่ยตั้น เขาก็เป็นบ้าไปแล้ว

และเขาเองก็ร้อนใจ เขาเป็นห่วงพวกหลี่ชิงโหว เป็นห่วงราชาผียักษ์ ต้าเทียนซือและกงซุนหว่านเอ๋อร์ แต่เขาก็เข้าใจดีว่า มีเพียงเปลี่ยนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ถึงจะสามารถพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ได้!

การฝึกตนตลอดเวลาสามสิบปี คอยดูดซับเอาปราณของผู้บงการมาจากแขนข้างนี้ทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งในสมองของเขามีภาพเค้าโครงของภาพแขนผู้บงการข้างนี้ปรากฎขึ้นมา และในจิตวิญญาณของเขาก็มีความคิดหนึ่งบังเกิดขึ้นนานแล้ว!

“ข้าจะทดลองผสานรวมกับแขนของผู้บงการข้างนี้… หากข้าทำได้สำเร็จ ก็จะสามารถทำให้พลังการต่อสู้ของข้า…ระเบิดได้อย่างเต็มที่!! ข้าต้องกลับไป…กลับไปสังหาร!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version