Skip to content

A Will Eternal 1235

บทที่ 1235 ราชินีเซียน

หลังจากคำนับเสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เงยหน้าขึ้นแล้วขยับกายทะยานสูงสู่ฟากฟ้า ตอนที่มา กาลเวลาที่ปั่นป่วนสับสนทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหวาดผวาพรั่นพรึง ทว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เข้าใจต้นกำเนิดแห่งเวลาในขั้นต้น กลับพอจะมองข้ามกาลเวลาที่ปั่นป่วนวุ่นวายเหล่านี้ไปได้แล้ว

ไม่ว่าพวกมันจะเปลี่ยนแปลงความเร็วในการไหลหายไปแค่ไหน ก็ไม่สามารถเขย่าคลอนนาฬิกาทรายชิ้นที่นาบประทับลงในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ การไหลรินของนาฬิกาทรายชิ้นนั้นมีปณิธานของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นหลักเกณฑ์ ทุกอย่างที่อยู่ในโลกภายนอกจึงเป็นดั่งหินภูเขาที่ถูกลมพัดผ่าน เว้นเสียแต่ว่าจะถูกกร่อนเซาะมานานปี หาไม่แล้วก็ไม่มีทางถูกเขย่าคลอนได้เลย

แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกระโดดผลุงจากในโลกของนาฬิกาทรายมาปรากฏกายอยู่นอกโลกใบนั้น เขาก็ทะยานตัววูบไปข้างหน้าอีกครั้ง ตรงดิ่งเข้าหาพัดวิเศษทันที!

วินาทีที่เท้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเหยียบลงบนพัดวิเศษ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ร่างของวิญญาณวัตถุน้อยย่อตัวลงเตรียมจะนั่งเข้าฌาน พอเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัว วิญญาณวัตถุน้อยก็หวีดร้องเสียงดัง เห็นได้ชัดว่ามันตกใจอย่างมาก

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!!” ลมหายใจของวิญญาณวัตถุน้อยถี่กระชั้น หันขวับมามองป๋ายเสี่ยวฉุนทันที ตอนนี้มันอกสั่นขวัญผวาอย่างยิ่ง รีบแผ่อำนาจจิตออกไปตรวจสอบจนแน่ใจว่ารอบสมบัติชิ้นนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ที่ผิดปกติ วิญญาณวัตถุน้อยถึงได้หันมามองป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตะลึงงันไปกับปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงของวิญญาณวัตถุน้อยเหมือนกัน

“เจ้าตกอกตกใจอะไรนักหนา ไหนบอกข้ามาสิว่าครั้งนี้ข้าเข้าไปในโลกนาฬิกาทรายใบนั้นนานแค่ไหน?”

ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาใส่วิญญาณวัตถุน้อย เดิมทีการที่ไม่ได้เจออีกฝ่ายเป็นเวลานาน ลึกๆ ในใจเขายังคิดถึงมันอยู่บ้าง แต่พอเห็นท่าทางแปลกประหลาดของวิญญาณวัตถุน้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แอบรู้สึกได้ถึงลางไม่ดี

“ไปนานแค่ไหน? หา? ตัวเจ้าเองไม่รู้หรอกหรือ?”

วิญญาณวัตถุน้อยมึนงงไปกับคำถามของเขาอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าเพิ่งเข้าไปเอง ประมาณ สามถึงห้าชั่วลมหายใจได้กระมัง? สรุปก็คือหลังจากข้ามองส่งเจ้าจากไป ยังไม่ทันได้นั่งลง เจ้าก็พุ่งสวบกลับมาแล้ว”

วิญญาณวัตถุน้อยพูดมาถึงตรงนี้ก็คล้ายจะนึกขึ้นมาได้ มันจึงพลันเบิกตากว้างแล้วชี้นิ้วใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน

“หรือ หรือว่าในความรู้สึกของเจ้า เจ้าคิดว่าตัวเองอยู่ในนั้นนานมากแล้ว?”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตะลึงงันไปเหมือนกัน เดิมทีเขานึกว่าตัวเองเข้าใจต้นกำเนิดแห่งเวลาในขั้นต้นแล้ว ทว่าคำพูดของวิญญาณวัตถุน้อยกลับทำให้ในใจของเขาเกิดคลื่นลูกยักษ์ถาโถม

“จะเป็นไปได้อย่างไร ตามการวิเคราะห์และความเข้าใจของข้า ข้าต้องอยู่ในโลกใบนั้นอย่างน้อยก็หลายสิบปี หรือไม่ก็เป็นร้อยปีเลยทีเดียว ทำไมข้างนอกถึงได้ ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วอึดใจเท่านั้นเองล่ะ!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนสอบความย้ำกับวิญญาณวัตถุน้อยอีกหลายครั้ง หลังจากแน่ใจว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง ลมหายใจของเขาก็กระชั้นหอบขึ้นมาอีกรอบ แล้วพลันก้มหน้าลงมองโลกนาฬิกาทรายใบนั้น

วิญญาณวัตถุน้อยที่ตอนนี้เข้าใจเรื่องราวอย่างกระจ่างชัด ก็ตะลึงพรึงเพริดและก้มลงมองโลกใบนั้นพร้อมกับป๋ายเสี่ยวฉุนเช่นกัน

เนิ่นนาน ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาพลันตระหนักได้ว่า ที่ตอนแรกตนวิเคราะห์ไว้ว่าเวลาข้างนอกเป็นเกณฑ์นั้นผิดถนัดเลยทีเดียว เพราะหากความเร็วในการไหลหายไปของเวลาในโลกนาฬิกาทรายเกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงเพราะแค่เปรียบเทียบกับโลกภายนอก ถ้าเช่นนั้นหากว่ากันในบางระดับแล้ว นี่ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็กมาก

ทว่าโลกใบนั้น มันกลับทำได้ถึงขั้นที่ไม่อยู่ในวิถีวงโคจรเดียวกับห้วงจักรวาลแห่งนี้อีกแล้ว เหมือนหลุดพ้นอยู่กันคนละเอกภพไปแล้ว ซึ่งหากจะว่ากันในบางระดับ ตามความเห็นของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว นี่ก็มีแค่คำคำเดียวเท่านั้นที่จะบรรยายได้

“นิรันดร์กาล!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำเบาๆ ดวงตาฉายประกายแห่งความปรารถนาอย่างแรงกล้า

“ต้นกำเนิดแห่งเวลา ลึกลับเกินจะหยั่งอย่างแท้จริง!!”

จิตใจป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้าน เนิ่นนานต่อมาถึงได้หันไปโค้งคารวะให้กับโลกใบนั้นอีกครั้ง แล้วก็ทอดสายตามองด้วยแววตาลึกล้ำอีกพักใหญ่ ครั้นแล้วจึงพาวิญญาณวัตถุน้อยบังคับพัดวิเศษออกไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

บัดนี้วิญญาณวัตถุน้อยที่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ลี้ลับน่าพิศวง ใจอยากจะแล่นหนีไปให้ไกลเร็วๆ จึงร่วมมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนโดยใช้ทุกพลังที่มี ไม่นานพวกเขาก็ค่อยๆ หลุดพ้นออกมาจากห้วงจักรวาลที่บิดเบือนแห่งนั้นและทะยานห่างไปไกล!

จนกระทั่งจากมาแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังไม่ฟื้นคืนสติจากความตื่นตะลึงก่อนหน้านี้ ฝ่ายวิญญาณวัตถุน้อยก็เงียบงันไป เพราะมันเองก็ตกใจไปกับเรื่องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเล่าให้ฟังเหมือนกัน ตลอดทางจึงมีแต่ความเงียบ

หลายเดือนผ่านพ้นไปอีกครั้ง เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนค่อยๆ คืนสติจากภวังค์ของการขบคิด ทันใดนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนที่วันนี้กำลังนั่งเข้าฌานก็พลันเบิกตาโพลง

เขาไม่มีความลังเลใดๆ ชั่วขณะที่ดวงตาทั้งคู่เปิดขึ้น มือขวาของเขาก็ยกขึ้นแล้วชี้ไปยังพื้นที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าพัดวิเศษทันที!

วิญญาณวัตถุน้อยยังไม่ทันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เห็นแค่ว่าเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนชี้นิ้วไป ความว่างเปล่าแถบนั้นก็บิดเบือนแล้วยุบยวบลงเหมือนพังทลาย แล้วก็คล้ายจะกลายมาเป็นพื้นที่ของสมบัติล้ำค่านาฬิกาทรายชิ้นเล็กชิ้นหนึ่ง!

อีกทั้งท่ามกลางการบิดเบือนนี้ วิญญาณวัตถุน้อยอาจมองไม่เห็น แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสัมผัสได้ว่าแรงดึงดูดได้เกิดขึ้นในนาทีนั้น และแรงดึงดูดเพิ่งจะปรากฎก็เพิ่มความรุนแรงทันควัน ซ้ำยังขยายพื้นที่ที่ยุบถล่มนี้ให้แผ่กว้างออกไปในชั่วพริบตา ราวกับจะลามไปทั่วบริเวณใกล้เคียง!

ขณะเดียวกันเมื่อแรงดึงดูดเพิ่มสูงขึ้น การไหลหายไปของเวลาในพื้นที่นั้นก็ถูกชะลอให้ช้าลงในทันที และเวลานี้เอง เสียงคำรามประหลาดที่แฝงไว้ด้วยความแค้นเคืองก็ดังขึ้นมา เพียงแต่ว่าเมื่อผ่านพื้นที่ที่เกิดแรงดึงดูด เสียงนี้กลับผิดเพี้ยนเหมือนถูกลากดึงให้ยาวขึ้น ฟังแล้วเป็นเสียงที่ประหลาดยิ่ง

จากนั้นเงาร่างของแม่เฒ่ากระดาษที่ถือโคมไฟก็เผยกายออกมาจากในพื้นที่นั้นอย่างเชื่องช้า และดวงตาของนางก็ฉายแววพรั่นพรึงออกมาเป็นครั้งแรก

ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นที่ตกตะลึง วิญญาณวัตถุน้อยก็อึ้งค้างไปเหมือนกัน และพอผินหน้ามามองป๋ายเสี่ยวฉุน ในดวงตาของวิญญาณวัตถุน้อยก็เผยความเลื่อมใสยำเกรงขึ้นมาในที่สุด ที่มันเลื่อมใสก็เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้ล่วงหน้า อีกทั้งพอชี้นิ้วไปทีเดียวกลับทำให้พื้นที่แห่งนั้นกลายมาเป็นเหมือนกับพื้นที่ของสมบัติล้ำค่านาฬิกาทราย ต่อให้จะเป็นแค่ความคล้ายคลึง แต่ในสายตาของเจ้าวิญญาณวัตถุน้อยแล้ว การร่ายเวทและการนำมาใช้เช่นนี้ก็คือ เวทแห่งเต๋าต้นกำเนิด!

หรือจะเรียกอีกอย่างว่า เวทแห่งเต๋าของผู้บงการ!!

“ป๋ายเสี่ยวชือ มัวยืนอึ้งอยู่ทำไม ยังไม่รีบบังคับแขนของผู้บงการอีก!”

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายประกายแสงคมกล้า เขาถูกยายแก่นี่ไล่ฆ่ามาตลอดทาง ไฟแค้นจึงสุมแน่นเต็มอกอยู่นานแล้ว แต่จะให้ออกไปต่อสู้กับอีกฝ่ายตอนนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ทว่าหากจะอาศัยพลังของพัดวิเศษสังหารอีกฝ่าย ที่ถูกกักตัวอยู่ในโลกซึ่งเวลาหมุนผ่านอย่างเชื่องช้านั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยินดีทำด้วยความเต็มใจยิ่ง

และเมื่ออำนาจจิตของเขาแผ่ออกไป แสงแห่งบุพกาลหลายเส้นก็ทะยานครืนออกมา ตรงดิ่งเข้าหาแม่เฒ่าผี ขณะเดียวกันทาสบุพกาลท่านหนึ่งก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเรียกตัวมาด้วย เขาที่เดินออกมาหนึ่งก้าวก็เหยียบลงบนห้วงจักรวาล ครั้นแล้วจึงพุ่งกระโจนเข้าสังหารแม่เฒ่าผีทันที

ทาสบุพกาลอยู่ในห้วงจักรวาลได้ไม่นานนัก แต่ตอนนี้เมื่อตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่มสูงขึ้น หากจะอยู่สักหนึ่งก้านธูปก็ยังพอทำได้ ขณะเดียวกันพอโดนป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามใส่ วิญญาณวัตถุน้อยก็สะดุ้งโหยงแล้วรีบควบคุมมือใหญ่ของผู้บงการให้ยื่นออกไปนอกพัดวิเศษ ตรงเข้าจู่โจมแม่เฒ่าผีเสียงดังกึกก้อง!

นี่เป็นการโต้กลับที่รุนแรงที่สุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกไล่ฆ่ามา

แม่เฒ่ากระดาษร่างยักษ์ผู้นั้นร้องคำรามด้วยความเดือดดาล และโคมที่ถืออยู่ในมือก็พลันระเบิดกลายมาเป็นทะเลเพลิงโชติช่วงชัชวาล ทะเลเพลิงนี้เป็นสีดำ และพริบตาเดียวก็เผาไหม้ไปแปดทิศ

เมื่ออยู่ภายใต้ทะเลเพลิงผืนนี้ พื้นที่แห่งกาลเวลาที่แข็งแกร่งของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเกิดลางว่าจะไม่มั่นคง นี่หาใช่ว่าวิชาอภินิหารของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ทรงพลังมากพอ แต่เป็นเพราะตบะของแม่เฒ่าผู้นี้สูงเกินไป!!

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ พื้นที่แห่งเวลาที่เกิดจากวิชาล่อสังหารก็ยังยืนหยัดอยู่ได้อีกหลายอึดใจ เป็นเหตุให้แสงแห่งบุพกาลจำนวนมากตรงเข้ากระแทกลงบนร่างของแม่เฒ่าผี แม้จะยังทะลุร่างของนางไปเหมือนอยู่กันคนละห้วงมิติ ทว่าเนื่องจากการดำรงอยู่ของพื้นที่แห่งเวลา จึงยังสร้างบาดแผลให้แม่เฒ่าผีผู้นี้ได้อยู่ดี

เมื่อเสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง เมื่อทาสบุพกาลเดินก้าวหนึ่งเข้าไปผสานรวมกับแขนของผู้บงการ เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว วินาทีที่แขนผู้บงการพุ่งชนร่างของแม่เฒ่าผี ไฟสีดำที่แผ่ออกมาจากโคมในมือของแม่เฒ่าผีก็ได้เผาพื้นที่แห่งเวลาของวิชาล่อสังหารให้มอดไหม้ได้ในที่สุด ท่ามกลางเสียงเกริกก้อง ร่างของแม่เฒ่าผีกระโจนหลุดออกมาจากพันธนาการ นางแผดเสียงร้องคำรามพลางทำมุทราด้วยมือข้างเดียวเพื่อควบคุมให้ทะเลเพลิงสีดำรอบกายก่อตัวขึ้นเป็นโคมไฟสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ แล้วบังคับให้พุ่งเข้าปะทะกับแขนของผู้บงการ

ชั่วขณะที่ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าด้วยกัน เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าเขย่าคลอนแปดทิศก็ดังสะท้อนอื้ออึง ทาสบุพกาลกระอักเลือด ถูกแรงกระเทือนบนแขนของผู้บงการดีดกลับเข้ามาในพัดวิเศษ ส่วนแขนของผู้บงการที่แม้จะไร้ร่องรอยความเสียหาย แต่สุดท้ายแล้วก็ขาดแรงผลักดันไป ต่อให้ตัวมันเองจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เนื่องจากขาดแกนกลางสำคัญจึงกระเด็นกลับมายังพัดวิเศษพร้อมกับทาสบุพกาลท่ามกลางเสียงดังอึกทึก

ทว่าขณะเดียวกันแม่เฒ่าผีผู้นั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าฝ่ายของป๋ายเสี่ยวฉุนนัก ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง สภาพกระเซอะกระเซิงอย่างถึงที่สุด แม้แต่ร่างกายของนางก็ยังพร่าเลือนลงไปเล็กน้อย ทว่าดวงตาของนางกลับฉายความบ้าคลั่ง ปากก็แผดเสียงคำรามไม่หยุด ครั้นแล้วเปลวเพลิงสีดำจำนวนมากกว่าเดิมก็ระเบิดออกมาจากร่างของนางอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งห้อมล้อมไปรอบทิศ กลายมาเป็นทะเลเพลิงผืนใหม่ ทะเลเพลิงผืนนี้ยังแผ่ลามไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกับวิญญาณวัตถุน้อยสะดุ้งตกใจ จนต้องรีบควบคุมให้พัดวิเศษเผ่นหนีไปไกลอีกครั้ง

ด้านหลังของพัดวิเศษคือ ทะเลเพลิงที่ลุกไหม้ถาโถมไล่หลังตามมาราวกับจะไม่มีวันหยุดไล่ล่า ส่วนเสียงร้องคำรามของแม่เฒ่าผีก็ยิ่งดังดุเดือด ทอดสายตามองไปไกลๆ รอบวงของทะเลเพลิงถูกผลักมาข้างหน้าให้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งท้ายที่สุดทะเลเพลิงก็ระเบิดตูมออกมาจากตรงตำแหน่งที่แม่เฒ่าผีอยู่ ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกท่วมพอจะมองเห็นเงาร่างของหญิงสาวคนหนึ่งได้รำไร

ผู้หญิงคนนี้หน้าตางดงามเพริศพริ้ง สวมใส่อาภรณ์หรูหรา ดวงตานางหงส์เปี่ยมไปด้วยบารมีอำนาจ เพียงแต่ว่าตรงหว่างคิ้วของนางกลับมีตะปูเพลิงสีดำชิ้นหนึ่งตอกตรึงอยู่ เป็นเหตุให้หน้าตาของนางไม่โสภาอีกต่อไป แต่มองดูแล้วดุร้าย ทั้งปราณแห่งความอำมหิตยังท่วมเทียมฟ้า!

“ราชินีเซียน!!” ชั่วขณะที่มองเห็นเงาร่างของหญิงสาวคนนี้ วิญญาณวัตถุน้อยก็ร้องอุทานเสียงแหลม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version