Skip to content

A Will Eternal 1311

บทที่ 1311 หนึ่งความคิด นิจนิรันดร์

ทุกอย่างของป๋ายเสี่ยวฉุนหายไปท่ามกลางหมื่นเผ่าพันธุ์ในห้วงจักรวาลยุคใหม่ ตรงสถานที่ที่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเคยหายไปซึ่งตอนนี้ไม่มีใครสามารถมองเห็น ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงหลับตาทำความเข้าใจกับต้นกำเนิดทุกอย่างในห้วงจักรวาลอยู่เงียบๆ

วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า…

จนกระทั่งวันหนึ่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาขึ้นมา นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาลืมตาขึ้นหลังจากที่ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิทลงในปีนั้น ครั้งแรกคือทำให้ห้วงจักรวาลมีทัณฑ์สวรรค์ ส่วนครั้งนี้…เป็นเพราะ เขาเข้าใจทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว

เมื่อได้เป็นประจักษ์พยานในการถือกำเนิดของชีวิต ได้เป็นผู้สร้างสรรพชีวิต

ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ได้เห็นแสงสว่างและความมืดมิดในห้วงจักรวาลกับตาตัวเอง ได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรจากการถือกำเนิดอีกครั้งของหมื่นสรรพสิ่ง ทั้งยังผ่านการทำความเข้าใจมายาวนานหลายปีเกินกว่าจะคำนวณ ในดวงตาทั้งคู่ที่เปิดขึ้นของป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้ไม่มีความเร้นลึก มีเพียงความบริสุทธิ์ใสสะอาดและนิ่งสงบอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้

สะอาดไร้มลทินแปดเปื้อน ประหนึ่งดวงตาของทารกที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นใหม่ซึ่งจ้องมองไปทั่วห้วงจักรวาล

“ปีนั้นที่ข้าต่อสู้กับนี่ฝาน เคยถามตัวเองว่า อะไรคือต้นกำเนิด…และคำถามข้อนี้ก็รบกวนข้ามาเป็นเวลานาน ตอนนี้ ข้าถึงเพิ่งเข้าใจว่า อะไรคือต้นกำเนิด”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยเสียงแผ่ว

“ต้นกำเนิดไร้รูปไร้ลักษณ์ ราวกับว่าไม่ดำรงอยู่ ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกการดำรงอยู่และทุกรูปลักษณ์

“ต้นกำเนิดไร้จุดเริ่มต้นไร้ที่สิ้นสุด แต่ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกจุดกำเนิดและทุกการสิ้นสุด” น้ำเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนราบเรียบอย่างมาก แต่ชั่วขณะที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา โลกหนึ่งล้านแปดหมื่นใบในห้วงจักรวาลกลับสั่นสะเทือนขึ้นพร้อมกัน!

“ต้นกำเนิดไม่มีห้วงมิติ แต่ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกห้วงมิติ”

“ต้นกำเนิดไม่มีห้วงเวลา แต่ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกห้วงเวลา” เมื่อสองประโยคหลังดังออกมา กฎเกณฑ์ทั้งหมด ระเบียบข้อบังคับทั้งหมดต่างก็พร้อมใจกันขานรับ!

“ต้นกำเนิดไร้แสงไร้เสียง แต่ขณะเดียวกันก็สร้างแสงเสียงทั้งหมดขึ้นมา”

“ต้นกำเนิดไม่อยู่ในที่ใดทั้งนั้น แต่ขณะเดียวกันก็สร้างและครอบคลุมทุกสถานที่” ป๋ายเสี่ยวฉุนคลี่ยิ้มพลางกล่าวความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวกับต้นกำเนิดออกมาเป็นประโยคที่ห้าและประโยคที่หก เมื่อสองประโยคนี้ก้องสะท้อนไปแปดทิศ ทุกชีวิตในเอกภพ ทั้งหมดในห้วงจักรวาลก็ล้วนพากันหยุดชะงัก!!

ท่ามกลางการชะงักงันนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้พูดสองประโยคสุดท้ายออกมา!

“ต้นกำเนิดเล็กอย่างไร้ขอบเขตสิ้นสุด ขณะเดียวกันก็ใหญ่อย่างไร้ขอบเขตสิ้นสุด”

“ต้นกำเนิดเป็นทั้งหนึ่งเดียว แต่ก็ทั้งไม่มีขอบเขตจำกัด!”

ห้วงจักรวาลที่หยุดชะงักพลันมีสีสันไร้ที่สิ้นสุดสาดส่อง กฎเกณฑ์และระเบียบข้อบังคับทั้งหมดผสานรวมกัน ก่อนจะสลายหายไป สุดท้ายทุกอย่างในห้วงจักรวาลก็ล้วนไม่มีอะไรหลงเหลือ มีเพียง…จุดจุดเดียวเท่านั้น!

นั่นคือจุดที่ไม่มีความยาว!

จุดนี้ลอยนิ่งๆ อยู่ในห้วงจักรวาล มันครอบคลุมทุกกฎเกณฑ์ ทุกระเบียบข้อบังคับ ครอบคลุมโลกหนึ่งล้านแปดหมื่นใบ ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองจุดนี้แล้วยิ้มบางๆ เมื่อยกมือขึ้นชี้ จุดนั้นก็พลันเปลี่ยนแปลง กลายมาเป็น…เส้นหนึ่งที่มีแต่ความยาว ยาวจนเหมือนจะไร้ขอบเขตสิ้นสุด

“ดูเหมือนว่าจะขาดอะไรไปบางอย่าง” ป๋ายเสี่ยวฉุนครุ่นคิด ก่อนจะชี้นิ้วไปอีกครั้ง ทันใดนั้นเส้นที่มีแต่ความยาวนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นกว้างขึ้น กว้างอย่างไร้ขอบเขต ยาวอย่างไร้ที่สิ้นสุด!

แต่ในความไร้ที่สิ้นสุดทั้งสองอย่างนี้กลับสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าอันไหนคือยาว อันไหนคือกว้าง เพียงแต่พูดไม่ออก อธิบายไม่ถูก เพราะมันอยู่ในความเข้าใจเท่านั้น

มองไปไกลๆ ก็ราวกับว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งที่ไม่มีความสูงปูแผ่อยู่ทั่วห้วงจักรวาล ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องมองมันนิ่งๆ อยู่พักหนึ่งก็ยกยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็โบกมือหนึ่งที เพียงชั่วพริบตากระดาษแผ่นนั้นก็มีความสูง สูงอย่างไร้ที่สิ้นสุด!!

มาบัดนี้ อาจจะเรียกมันว่ากระดาษไม่ได้อีกต่อไป แต่มันได้กลายมาเป็นก้อนก้อนหนึ่งที่มีความยาวไร้ที่สิ้นสุด มีความกว้างไร้ขีดจำกัด มีความสูงไร้ขอบเขต!

“ก็ยังขาดอยู่ดี” ป๋ายเสี่ยวฉุนส่ายหน้า

ครั้นจึงชี้ออกไปอีกครั้ง ทันใดนั้นเวลาก็ผสานรวมเข้าไปในก้อนที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุดก้อนนั้น มันจึงเกิดการบิดเบือน เกิดการไหลหายไปของเวลา ซ้ำยังเริ่มพร่าเลือน ราวกับว่าเมื่ออยู่ภายใต้การไหลหายไปของเวลา ทุกอย่างก็ล้วนกลายมาเป็นเพียงภาพมายา กลายมาเป็นน้ำวน ประหนึ่ง…กาลอวกาศ! (ปริภูมิ-เวลา/สเปซไทม์)

ด้านในมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ถือกำเนิดขึ้นมาในห้วงจักรวาลตลอดเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ที่ผ่านมา พวกเขาอยู่ด้วยกันทั้งหมดเหมือนถูกยืดขยายยาวออกไป เมื่ออยู่ที่นี่จะสามารถมองเห็นทุกชีวิตและหมื่นสรรพสิ่ง ทุกขั้นตอนนับตั้งแต่การเกิดจนไปสู่การตาย นับตั้งแต่มีไปจนไม่มี แล้วก็ตั้งแต่ไม่มีจนกระทั่งมี อีกทั้งหากก้าวเข้าไปข้างในจะยังสามารถเดินเข้าไปในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้!

“นี่ ก็คือน้ำวนที่ปีนั้นเมี่ยเซิ่งอาศัยสมบัติโลกแห่งเต๋าของเขาสร้างขึ้นมา ส่วนแม่น้ำแห่งกาลเวลา แท้จริงแล้ว…ก็ปรากฏขึ้นมาได้ด้วยลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองโลกที่ก่อตัวขึ้นเป็นกาลอวกาศตรงหน้าพลางพูดเสียงแผ่วเบา

มือขวาของเขายกขึ้นโบกหนึ่งครั้ง ในมือก็มีใบไม้สีทองใบหนึ่งโผล่ขึ้นมา ใบไม้ใบนี้ก็คือวัตถุที่เขาพบพร้อมกับเจ้าเต่าน้อยตอนอยู่ในสำนักธาราโลหิต

ตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจว่าใบไม้นี้คืออะไร ต่อให้เป็นตอนที่กลายมาเป็นผู้บงการแล้ว ตอนที่เขาทำความเข้าใจกับต้นกำเนิดก็เคยลองไปตรวจสอบมัน แม้ว่าจะได้ผลเก็บเกี่ยวมาบ้าง แต่กระนั้นก็ยังพร่าเลือนเต็มที จนกระทั่งมาถึงบัดนี้ที่เขาก้มหน้าลงมองใบไม้ใบนี้ ทุกอย่างก็พลันกระจ่างแจ้ง

“น่าสนใจ มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ข้าถึงมองใบไม้ใบนี้ไม่ออก มันก็เหมือนการนำใบไม้จำนวนนับไม่ถ้วนที่มีลวดลายแตกต่างกันมาทับซ้อนเข้าด้วยกัน หลังจากที่กลบทับเข้าด้วยกันแล้ว ต่างฝ่ายก็ต่างเปลี่ยนมาเป็นโปร่งแสง จึงไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน”

“แต่ตอนนี้พอมองมันอีกครั้ง ต่อให้ใบไม้ทั้งหมดที่อยู่ข้างในจะทับซ้อนกันแค่ไหน จะโปร่งใสแค่ไหน ทว่าทุกลายเส้นบนใบไม้ต่างก็ชัดเจน ถ้าหากข้าแผ่อำนาจจิตเข้าไป ลายใบไม้จำนวนนับไม่ถ้วนและไร้ที่สิ้นสุดที่อยู่ในนี้ก็จะลอยขึ้นมาหมด”

“ส่วนเนื้อหา…” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแววใคร่รู้ พอมองอีกครู่หนึ่งก็คลี่ยิ้มอีกครั้ง

“น่าสนใจ ระบบการฝึกบำเพ็ญตนของโลกแห่งเต๋าเว่ยยางมีการแบ่งเป็นขั้นที่หนึ่ง ขั้นที่สอง ขั้นที่สาม ขั้นที่สี่…ขั้นที่สี่คือจุดสิ้นสุด แล้วก็มีเพียงฝึกได้ถึงขั้นที่สี่ ทั้งยังต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถสูงสุดเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างและมองใบไม้นี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง”

“หากว่ากันตามนี้ สมบัติโลกแห่งเต๋าที่เมี่ยเซิ่งอาศัยร่ายออกมาในท้ายที่สุดก็คือพลังสูงสุดของขั้นที่สี่นั่นเอง” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ้มกว้าง ในสายตาของเขาตอนนี้ ใบไม้ใบนี้ไม่มีความแปลกประหลาดอะไรอีกแล้ว แต่เมื่ออาศัยเจ้าสิ่งนี้เขากลับได้กุญแจมาหนึ่งดอก…กุญแจที่จะไขเข้าสู่โลกแห่งเต๋าเว่ยยาง!

“ดูเหมือนว่า…สิ่งที่ข้าทำได้ จะไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องพวกนี้เท่านั้น” ป๋ายเสี่ยวฉุนครุ่นคิด มองกาลอวกาศที่ตนสร้างขึ้นมาพลางหรี่ตาลง ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ดวงตาของเขาก็พลันสาดสะท้อนภาพของกาลอวกาศตรงหน้าออกมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน กาลอวกาศเหล่านั้นที่อยู่ในดวงตาของเขามีมากจนนับไม่หมด และด้านในกาลอวกาศทุกแห่งก็เหมือนจะมีสรรพชีวิตและหมื่นสรรพสิ่งอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าชะตาชีวิตของพวกเขากลับแตกต่างกันออกไป!

ทว่าการกระทำเช่นนี้ของเขาดำรงอยู่ได้แค่เสี้ยววินาที กาลอวกาศที่อยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนจะแตกออก แม้แต่กาลอวกาศทั้งหมดที่อยู่ในดวงตาของเขาก็คล้ายจะแหลกสลายด้วยเช่นกัน

ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสงวาบ ทุกอย่างที่อยู่ในดวงตาหายวับไป

แม้แต่กาลอวกาศที่จำแลงมาจากห้วงจักรวาลตรงหน้าเขาก็ยังหายวับไปด้วย ทุกอย่างกลับคืนมาเป็นปกติ ห้วงจักรวาลแผ่ออกมา ทุกชีวิตยังคงอยู่ หมื่นสรรพสิ่งก็ยังดำรงอยู่ดังเดิม

“ใช่ว่าข้าทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะ…ห้วงจักรวาลแห่งนี้ไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้ แต่หากทำตามคำบอกของโลกแห่งเต๋าเว่ยหยาง พลังเช่นนี้ก็ไม่ใช่ขั้นที่ห้า…ที่พวกเขาสัมผัสไม่ถึงหรอกหรือ?”

“หากมีโอกาสต้องไปเยือนที่โลกแห่งเต๋าเว่ยยางดูสักหน่อยว่าห้วงจักรวาลของพวกเขาจะแบกรับได้ไหวหรือไม่” หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่สนใจใบไม้สีทองนั่นอีก แต่ถามตัวเองเบาๆ อีกหนึ่งประโยค

“ถ้าเช่นนั้นอะไรคือนิรันดร์กาล?” ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งจะพูดกับตัวเองจบ เขาก็ส่ายหน้าหัวเราะ

“บนโลกใบนี้จะมีนิรันดร์กาลที่แท้จริงได้อย่างไร ก็เหมือนกับขั้นที่สี่ในโลกแห่งเต๋าเว่ยยางที่ดูท่าคงจะเท่ากับขอบเขตนิรันดร์กาลในสายตาของพวกเขาแล้ว”

“หากมีอยู่จริงๆ ถ้าเช่นนั้นคงมีเพียงจินตนาการเท่านั้นถึงจะกลายมาเป็นนิรันดร์กาลได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจเบาๆ อย่างปลงอนิจจัง

“จินตนาการคือพลังที่อ่อนแอที่สุด แต่ก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาความรู้ความเข้าใจทั้งหมด หรือหากจะพูดให้ถูกต้อง มันก็คือความคิดนั่นเอง”

“ก็เหมือนกับเมื่อครั้งแรกที่ข้าได้เห็นบุปผาจันทราโปรยเมล็ดพันธ์ออกไปรอบทิศ ที่ข้ารู้สึกว่าได้รับแรงบันดาลใจ นั่นก็เป็นเพราะ…ข้าคือบุตรที่กำเนิดขึ้นมาจากหนึ่งในบรรดาความคิดมากมายของบรรพบุรุษขุยซึ่งเป็นหนึ่งในบุตรสามคนที่เกิดมาจากความคิดของมารดาแห่งนิรันดร์กาลอีกที” ป๋ายเสี่ยวฉุนหลับตาลง ระหว่างนั้นเขาเหมือนจะมองเห็นภาพในอดีตกาลที่มารดาแห่งนิรันดร์กาลโปรยเมล็ดพันธ์ที่เป็นเหมือนดอกผู่กงอิงจำนวนนับไม่ถ้วน ในเมล็ดพันธ์ทุกเมล็ดล้วนมีความคิดของนางอยู่ภายใน นางหวังว่าในเมล็ดพันธ์เหล่านี้จะมีบุตรที่ในอนาคตสามารถคลี่คลายหายนะจากนี่ฝานถือกำเนิดขึ้นมา…

เมื่อความคิดเหล่านี้ผสานรวมเข้าเป็นหนึ่งจึงกลายมาเป็นผู้บงการสามท่าน และพอพวกเขาตายไปแล้ว ความคิดทั้งหมดที่ถูกผสมผสานก็ได้แผ่กระจายออกไปอีกครั้ง ซึ่งหนึ่งความคิดในนั้น…ก็คือปราณของตัวเองที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสัมผัสได้ถึง

ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะร่าเสียงดัง ถลันลุกขึ้นยืน และวินาทีที่เขาผุดลุกขึ้นนั้นเอง ทุกอย่างที่อยู่รอบกายเขาก็ล้วนหายไป เขาก้าวเท้าเดินออกมาข้างหน้า เมื่อฝ่าเท้าร่วงลง ห้วงจักรวาลรอบกายเขาก็มีน้ำวนปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ ดูเหมือนว่าน้ำวนนี้ก็คือกาลอวกาศที่เขาสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ เมื่อมันหมุนโคจรต่อเนื่องก็ได้พุ่งทะลวงทุกอย่างจนกระทั่งด้านในมี…แม่น้ำสายยาวที่กว้างใหญ่ไพศาลสายหนึ่งปรากฏขึ้น!

แม่น้ำแห่งกาลเวลา!

ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินเข้าไปในแม่น้ำแห่งกาลเวลาด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม เมื่อเงาร่างของเขาหายไป เสียงของเขาที่ดังออกมาจากแม่น้ำแห่งกาลเวลาก็ก้องสะท้อนอยู่ในห้วงจักรวาล ก้องสะท้อนไปทั่วกาลอวกาศเนิ่นนานไม่จางหาย

“หนึ่งความคิดแปรเปลี่ยนมหานที หนึ่งความคิดปฐพีแปรผัน หนึ่งความคิดเข่นฆ่าปีศาจร้อยพัน หนึ่งความคิดลงทัณฑ์หมื่นเทพเซียน ขอเพียงข้าคิดก็เป็นนิจนิรันดร์”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version