Skip to content

A Will Eternal 135

บทที่ 135 ชายฝั่งทิศเหนือระเบิดครั้งใหญ่!

“อ๊ากๆ อย่าพูดออกไปนะ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนรนขึ้นมาทันที เขารู้ดีถึงงานอดิเรกของเจ้ากระต่ายตัวนี้ รีบพุ่งร่างออกไป ปีกด้านหลังกระพืออย่างเร่งร้อนเพื่อไล่ตามมัน

แต่เจ้ากระต่ายตัวนี้เร็วเกินไป ไกลออกไปสามารถได้ยินเสียงของมันดังลอยมา

“อ๊ากๆ อย่าพูดออกไปนะ!!”

ไล่ตามอยู่พักใหญ่ ป๋ายเสี่ยวฉุนค้นพบอย่างสิ้นหวังว่าตนเองที่อยู่ในขั้นรวมลมปราณสิบดัน…ไล่ตามเจ้ากระต่ายตัวนี้ไม่ทัน มันเร็วเกินไป เร็วจนเกินคาดคิด ราวกับมีเทพคอยช่วยเหลือ

“จบกันๆ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนเซ่อมองเจ้ากระต่ายที่แผล็บเดียวก็วิ่งหายไปไม่เหลือแม้แต่เงา ร่างของเขาสั่นเทิ้มขึ้นมา ตลอดทั้งร่างราวกับถูกฟ้าผ่า แม้แต่ฝันเขาก็คิดไม่ถึงว่าเจ้ากระต่ายพูดได้สมควรตายตัวนี้จะเป็นดังฝันร้ายที่ตามติดเขามายังชายฝั่งทิศเหนือด้วย

“เมื่อครู่ข้าพูดอะไรออกไปบ้าง เจ้ากระต่ายตัวนั้นได้ยินมากน้อยแค่ไหน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนออกแรงกระชากผมตัวเองหนึ่งที ใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ กระต่ายพูดได้ลึกลับตัวนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้บ้าเข้าไปทุกที หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขารู้สึกว่าภายภาคหน้าตัวเองจะต้องมีเงาร้ายฝังใจอย่างแน่นอน หรือหลังจากนี้อาจถึงขั้นทำให้เขากลายเป็นคนเงียบงันไปเลยก็ได้

เขารู้สึกเสียใจมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ทำไมตอนนั้นถึงต้องให้กระต่ายกินยาประหลาด สร้างมันออกมาให้เป็นกระต่ายพูดได้ที่ทำให้เขาต้องเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแบบนี้

“เจ้ากระต่ายสมควรตายตัวนั้นมันน่าจะไม่ได้ยิน ถ้าได้ยินจริงๆ ก่อนหน้าที่จะหนีไปคงพูดเลียนแบบไปแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกระวนกระวายไม่เป็นสุข อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก เวลานี้หน้านิ่วคิ้วขมวดปลอบใจตัวเอง ทว่าต่อให้เขาจะไม่สบายใจแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ จับตัวกระต่ายพูดได้ไม่ได้ อีกฝ่ายก็เป็นเหมือนเตาหลอมที่สามารถระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา และหากระเบิดออกมาก็จะสะท้านสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน

ป๋ายเสี่ยวฉุนเครียดขึง รีบกลับเข้าไปในหอเรือน จัดระเบียบสัมภาระ เตรียมตัวพร้อมสำหรับการหนีจากชายฝั่งทิศเหนือไปยังชายฝั่งทิศใต้อยู่ตลอดเวลา มองไปยังดอกกำเนิดสัตว์ด้วยความร้อนรนกังวลใจ

“ยังมีเวลาอีกสามวันก็จะสามารถคลอดสัตว์รบที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้แล้ว สามวัน!!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนแดงฉานไปหมด ขณะที่กำลังรอคอยอย่างทุรนทุรายอยู่นั้น สุนัขใหญ่สีดำลากสัตว์รบมาให้อีกตัว ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบเข้าไปห้าม กล่าวเตือนเจ้าสุนัขใหญ่ด้วยความเข้มงวดว่าต่อไปไม่ต้องมาอุทิศตัวแล้ว และไม่ต้องการสัตว์รบอีกแล้ว

เจ้าสุนัขไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที แยกเขี้ยวใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน ทำท่าทางดุร้ายเข้าใส่ พลันความคิดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กระตุกวาบ ไอแห้งๆ หนึ่งที

“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้เสียเลย…คืออย่างนี้ ชายฝั่งทิศเหนือมีกระต่ายลึกลับอยู่ตัวหนึ่ง ชอบพูดเลียนแบบ เจ้าไปจับตัวมันมาให้ข้า!”

เจ้าสุนัขใหญ่ทำสีหน้าสงสัย ป๋ายเสี่ยวฉุนชี้ไม้ชี้มืออธิบายให้ฟังอีกครั้ง สุดท้ายดูเหมือนว่าเจ้าสุนัขใหญ่จะฟังเข้าใจ หมุนตัวกลายร่างเป็นเงาดำเส้นหนึ่งทะยานออกไปไกล

แววตาป๋ายเสี่ยวฉุนเผยความคาดหวัง มองไปยังสุนัขดำตัวใหญ่ที่จากไปไกล

“สู้ๆ นะ หากเจ้าสามารถจับเจ้ากระต่ายตัวนั้นมาได้จริงๆ ต่อให้ข้าต้องทุ่มเททุกอย่างก็จะต้องไปหาเมล็ดพันธุ์กำเนิดสัตว์มาให้เจ้าอีกเมล็ดหนึ่งให้จงได้!” พอป๋ายเสี่ยวฉุนนึกถึงความน่าหวาดกลัวของเจ้ากระต่ายพูดได้ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง กลับเข้าไปรอในที่พักด้วยความกระวนกระวาย

เวลาผ่านไป ไม่นานก็ผ่านไปแล้วหนึ่งวัน

เวลาหนึ่งวันมานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนมักจะทำหูตั้งคอยเงี่ยฟังความเคลื่อนไหวด้านนอกอยู่ตลอดเวลา เห็นลูกศิษย์ของชายฝั่งทิศเหนือที่ช่วงนี้ทั้งหมดพากันเคลื่อนพลเพื่อตามหาสาเหตุที่สัตว์รบเปลี่ยนไป ทางฝ่ายป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นผู้ต้องสงสัยหนักที่สุด ถึงขั้นที่ว่ามีคนไม่น้อยมาเยือนที่พักของเขาด้วย ดีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปกปิดได้ดี ดอกกำเนิดสัตว์ดอกนั้นอยู่หลังหอเรือน แค่ไม่เดินเข้าไปใกล้ก็จะมองไม่เห็น

บวกกับที่ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนมักจะออกไปแค่ตอนกลางดึก อีกทั้งรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ไม่เผยพิรุธใดๆ ให้เห็น ดังนั้นแม้ว่าเขาจะถูกสงสัย แต่กลับไม่มีหลักฐาน สุดท้ายลูกศิษย์เหล่านั้นก็ทำได้เพียงจากไป

แต่ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยิ่งเครียดมากกว่าเดิม เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน ชายฝั่งทิศเหนือยังคงไม่สามารถหาสาเหตุที่สัตว์รบเปลี่ยนไปเจอ ดังนั้นจึงตรวจสอบอย่างเข้มงวดยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์รบพวกนั้นแต่ละตัวพากันหงุดหงิดถี่ขึ้น ทำให้เกิดเสียงตกตะลึงและคำรามอย่างฉุนเฉียวมากมาย

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”

“หรือว่าเป็นโรคระบาดอะไร? แต่ก็ไม่เหมือนนี่นา ไม่น่าจะมีโรคระบาดแบบนี้หรอกมั้ง!”

“ท่าไม่ดี นี่มันท่าไม่ดีเอาเสียเลย!”

ความวุ่นวายของชายฝั่งทิศเหนือครั้งนี้ในที่สุดก็ค่อยๆ ระเบิดออกไป ลูกศิษย์ฝ่ายนอกจำนวนมากเข้าร่วมด้วย ลูกศิษย์ฝ่ายในก็พากันระดมพล แม้แต่ผู้นำเขาก็ยังปรากฏตัว ในที่สุดเวลาครึ่งวันก่อนที่ดอกกำเนิดสัตว์จะคลอดสัตว์รบออกมา ท่ามกลางการตรวจสอบอย่างเต็มกำลังของสำนักก็ทำให้หาเบาะแสเส้นหนึ่งพบ

“สัตว์รัตติกาลตัวนั้นที่เคยเป็นของเป่ยหันเลี่ย!”

“สัตว์ตัวนี้ช่วงนี้มักจะปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ ลากสัตว์รบออกไปหนึ่งตัวด้วยความว่องไว ไม่รู้ว่าไปที่ใด รอจนมันลากสัตว์รบกลับมาแล้ว ทุกตัวล้วนมีสีหน้าผิดปกติ!”

“หาเจ้าสัตว์ตัวนั้นให้เจอ!”

ลูกศิษย์ของชายฝั่งทิศเหนือแต่ละคนไฟโทสะลุกโชน พากันเคลื่อนกำลังพลตามหาไปทั่วทุกหนแห่งตลอดทั้งชายฝั่งทิศเหนือ ภายใต้กำลังเช่นนี้ ไม่นานพวกเขาก็เจอสุนัขดำตัวใหญ่นั้นที่หลังเขา ขณะเดียวกันพวกเขาก็มองเห็นกระต่ายตัวหนึ่งด้วย

กระต่ายตัวนี้ปราดเปรียวเป็นอย่างยิ่ง กำลังห้อทะยาน เบื้องหลังมีสุนัขใหญ่สีดำกำลังใช้พละกำลังทั้งหมดไล่กวดตามมา หนึ่งหมาหนึ่งกระต่าย วิ่งไล่กันด้วยความรวดเร็วมองดูแล้วอิรุงตุงนังไปหมด

หากเป็นเพียงเท่านั้นก็ยังว่าไปอย่าง แต่ไม่นานเสียงที่ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีก็หลุดออกมาจากปากของ กระต่ายตัวนั้น

“ศิษย์น้องหญิงเหม่ยเซียง ข้าขอใช้ฐานะของผู้นำเขากุ่ยหยาสาบาน จะไม่มีทางปล่อยให้หลี่ชิงโหวสมปรารถนาเด็ดขาด!”

“ท่านผู้เฒ่าซุน ท่านนี่ร้ายจริงเชียว…”

“ฮ่าๆ ยานี่ไม่เลวเลย ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนร้ายกาจเสียจริง แม้แต่กระต่ายก็ยังพูดได้”

“สัตว์รบที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว หึๆ ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือทั้งหลาย พวกเจ้าเตรียมตัวสั่นสะท้านเถอะ!”

“พวกเจ้าไม่ให้ข้ายืมสัตว์ก็ยังพอว่า ยังมาใส่ร้ายข้าป๋ายเสี่ยวฉุนอีก รอจนพวกเจ้าตรวจสอบหาสาเหตุที่สัตว์รบพลุ่งพล่านเจอ รู้ว่าสัตว์รบของพวกเจ้าล้วนเคยมาอุทิศตัวมอบรากเหง้าแห่งชีวิตให้ที่ข้านี่แล้ว ถึงเวลานั้นข้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลับไปชายฝั่งทิศใต้เรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ”

จากการห้อตะบึงของเจ้ากระต่าย จากการที่คำพูดมีชีวิตชีวาแต่ละประโยคดังลอยมา ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือทุกคนที่ไล่ตามมาจนถึงที่แห่งนี้ แต่ละคนยืนเซ่อ ตอนแรกเริ่มยังงุนงงเล็กน้อย แต่พอฟังถึงประโยคสุดท้าย ทุกคนก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นผู้สร้างเจ้ากระต่ายประหลาดที่ชอบพูดตามคนอื่นตัวนี้ขึ้นมาเอง!

จนกระทั่งเจ้ากระต่ายพูดถึงประโยคสุดท้าย ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็พลันตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง แต่ละคนเบิกตากว้าง หายใจถี่ระรัว มองดูเจ้ากระต่ายตัวนั้นซึ่งถูกสุนัขใหญ่สีดำไล่ตาม มันตะโกนไปตลอดทางพลางวิ่งห่างไปไกลด้วยความรวดเร็ว

“อุทิศตัวมอบรากเหง้าแห่งชีวิต?”

“หลังจากหาสาเหตุที่สัตว์รบพลุ่งพล่านเจอแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็จากชายฝั่งทิศเหนือไปตั้งนานแล้ว?”

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือทุกคนล้วนคำรามเสียงแหบเสียงแห้ง โดยเฉพาะพวกที่สัตว์รบเกิดอาการงุ่นง่านเมื่อช่วงก่อนหน้าที่ยิ่งร้องเสียงแหลมเศร้ากำสรด เร่งความเร็วเต็มกำลัง เสียงครั่นครืนสะเทือนฟ้าดิน ตรงดิ่งไปยังหอร้อยสัตว์

จากการวิ่งตะบึงของเจ้ากระต่าย เสียงบาดแหลมของมันดังออกมาไม่หยุด ไม่นานก็ดังไปทั่วชายฝั่งทิศเหนือ ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือทุกคนก็ค่อยๆ ได้ยินกันจนหมด แต่ละคนเบิกตากว้าง ตามมาด้วยเสียงเกรี้ยวกราดสะท้อนไปทั้งแผ่นดินชายฝั่งทิศเหนือ

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!”

“ที่แท้ก็เป็นฝีมือเขานี่เอง!! เขายังคิดจะหนีกลับชายฝั่งทิศใต้งั้นรึ?”

“โค่นล้มป๋ายเสี่ยวฉุน!!”

ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือเป็นบ้ากันไปหมด ฝ่ายนอกก็ดี ฝ่ายในก็ช่าง ทั้งผู้อาวุโสจำนวนมากก็ยังพากันปรากฏตัว ทั้งหมดล้วนพุ่งตรงไปยังหอร้อยสัตว์

เวลาเดียวกันนี้ ในชายฝั่งทิศเหนือ กระต่ายลึกลับตัวนั้นสลัดสุนัขสีดำตัวใหญ่มาได้ ขณะที่มันกำลังห้อทะยานอยู่นั้น พลันก็ต้องชะงักฝีเท้า เบื้องหน้าของมันมีลิงเฒ่าตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเคร่งเครียด จ้องเขม็งมาที่กระต่าย ความโชกโชนที่แผ่ออกมาจากร่างแฝงเร้นมาด้วยไอสังหาร

“เจ้ากระต่าย เจ้าเป็นใครกันแน่!”

กระจ่ายสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาโดยพลัน จ้องลิงเฒ่าเขม็ง บนร่างก็แผ่ความโชกโชนและไอสังหารออกมาเช่นกัน เอ่ยปากด้วยท่าทางเคร่งขรึม

“เจ้ากระต่าย เจ้าเป็นใครกันแน่!”

ประกายดุร้ายในดวงตาลิงเฒ่าเปล่งแสงวาบ ทะยานเข้าหากระต่าย ดวงตาของกระต่ายก็มีประกายดุร้ายเปล่งออกมาเช่นกัน พริบตาเดียวก็หนีไป แผล็บเดียวหนึ่งลิงหนึ่งกระต่ายก็วิ่งหายไปไม่เหลือแม้เงา

ในหอร้อยสัตว์ ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังรอคอยด้วยความเครียด ขาดอีกแค่สองชั่วยามเท่านั้น สัตว์รบที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็จะถือกำเนิดออกมาแล้ว แต่เวลานี้เอง ทันใดนั้นด้านนอกพลันมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวลอยมา หลังเสียงกัมปนาทดังลั่นนั้นก็ตามมาด้วยเงาร่างของคนแต่ละคนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทะยานมาถึงด้วยความรวดเร็ว

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือแต่ละคนพกพาเอาไฟโทสะตรงดิ่งเข้าไปกระแทกค่ายกลของหอเรือน เสียงดังเลือนลั่นสะท้านฟ้า ค่ายกลของหอเรือนสั่นคลอน ป๋ายเสี่ยวฉุนตาเหลือกทันที ใจร่วงลงมาดังโครม

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร!! ข้าคือลูกศิษย์ผู้ทรงเกียรติ ข้าคือศิษย์น้องของเจ้าสำนัก ข้า…”

“เจ้าจะเป็นใครก็ไร้ประโยชน์!” ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือเดือดดาล เวลานี้คนมากกำลังเยอะ ตวาดก้องหนึ่งครั้งก็พุ่งเข้ากระแทกใส่ค่ายกลของหอเรือน ไม่นานค่ายกลนี้ก็ส่งเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ ภายใต้การโจมตีของคนจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นนี้มันจึงใกล้จะแตกสลายเต็มที

ป๋ายเสี่ยวฉุนหนังหัวชาหนึบ เขาพบว่าลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน ชายฝั่งทิศใต้แค่โยนก้อนหินใส่ แต่พวกเขากลับคิดจะลงไม้ลงมือจริงจัง หากฝ่าค่ายกลเข้ามาได้จริง ทุกคนชี้นิ้วกันคนละทีก็ย่อมทำให้ตัวเองเละเป็นโจ๊กได้แน่นอน

“ฆ่าคนแล้ว!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องโหยหวน รีบถอยกรูด ความกล้ำกลืนในใจพุ่งขึ้นสูงไร้ที่สิ้นสุด ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือพวกนี้รังแกกันเกินไปแล้ว แรกเริ่มก็หาเรื่องท้ารบ ตามมาด้วยการใส่ร้ายป้ายสี ตอนนี้ตนก็แค่ให้สัตว์รบพวกนั้นมาอุทิศตัวนิดหน่อยก็เท่านั้น ผลคือกลับคิดจะมากำจัดตนเสียนี่

ยามที่เขาถอยหลังไปนั้นเอง เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ค่ายกลพังทลาย ลูกศิษย์ฝ่ายนอกหลายหมื่นคน แต่ละคนไฟโทสะโหมไหม้ กำลังจะบุกเข้ามาด้านใน ทันใดนั้นเสียงฮึดฮัดเย็นชาสี่เสียงพลันดังลอยมาจากกลางอากาศ ผู้นำทั้งสี่เขาของชายฝั่งทิศเหนือเยื้องกรายมาถึงในพริบตา ขัดขวางความบ้าคลั่งของลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือเอาไว้ได้

หญิงชราของเขายวนเหว่ยผู้นั้นกวาดตามองลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือที่อยู่ตรงนี้หนึ่งที

“ท่านผู้นำ พวกเรา…” มีลูกศิษย์บางคนไม่ยอมแพ้ กำลังจะเอ่ยปาก

“หุบปาก! พวกเจ้ามาโอบล้อมหอร้อยสัตว์เช่นนี้มันสมควรแล้วรึ!” หญิงชราของเขายวนเหว่ยตวาดใส่ เสียงดังราวฟ้าผ่า สะเทือนขวัญลูกศิษย์ทุกคนจนพากันกระวนกระวายไม่เป็นสุข

“ใช่ พวกเจ้าโอบล้อมหอร้อยสัตว์ ช่างไม่สมควรเอาเสียเลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็คลายใจลงมาได้บ้างจึงพูดขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง

“เจ้าก็หุบปาก!” หญิงชราหันหน้ามาถลึงตาดุใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะที่จะพูดต่อพลันต้องเบิกตากว้าง หันขวับไปทางดอกกำเนิดสัตว์ที่อยู่หลังหอ สูดลมหายใจเฮือก ผู้นำเขาอีกสามคนที่เหลือก็ตัวสั่นเยือกขึ้นมาเช่นกัน พากันหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง แล้วก็ต้องร้องเสียงหลง

“เมล็ดพันธุ์กำเนิดสัตว์!!”

———-

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version