Skip to content

A Will Eternal 202

บทที่ 202 กระต่ายร้อนใจเสียแล้ว!

ในมุมหนึ่งของถ้ำแห่งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนจำได้ว่าตัวเองสำรวจไปแล้วแท้ๆ ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไร ทว่าตอนนี้กลับมีกระต่ายตัวหนึ่งยืนอยู่…

โดยเฉพาะที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนใจหายวาบก็คือ เจ้ากระต่ายตัวนี้กำลังทำหูตั้ง เห็นได้ชัดว่ากำลังฟังคำพูดของตนอยู่ และที่ยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวหวาดผวาก็คือ เจ้ากระต่ายตัวนี้จ้องเป๋งมาที่ตน

ท่าทางเช่นนั้น ราวกับว่าเมื่อครู่กำลังรอให้ตนพูดจบ…

วินาทีที่หนึ่งคนหนึ่งกระต่ายประสานสายตากัน เจ้ากระต่ายตัวนี้ก็เผ่นผลิวออกไปทางประตูใหญ่ของถ้ำทันที ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามเสียงดัง คิดจะเข้าไปสกัดกั้นให้ทันกาล ทว่าเจ้ากระต่ายตัวนี้เร็วเกินไป ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังลืมตากว้างอ้าปากค้าง มันก็หายวับไปจากหน้าประตูใหญ่ พริบตาเดียวก็ไม่เห็นแม้เงา

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะเป็นบ้า หนังหัวแทบระเบิด เขารู้ว่านี่คือเรื่องใหญ่ที่ทำให้หัวเขาหลุดออกจากบ่าได้เลย หากเจ้ากระต่ายพูดได้ตัวนี้วิ่งออกไปพูดจาซี้ซั้วข้างนอก ทำให้คนอื่นรู้ว่าตนคือป๋ายเสี่ยวฉุน ถ้าเช่นนั้นเขาก็ต้องตายแน่…

ถึงแม้จะเป็นคำพูดเพียงครึ่งประโยค ทว่าก็เสี่ยงไม่ต่างกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่กล้าคิดถึงผลร้ายที่จะตามมา เหงื่อเย็นไหลแหมะๆ ลงมาจากหน้าผาก เดิมเขาคิดว่าจะไม่ออกไป ปล่อยให้เจ้ากระต่ายพูดตามใจชอบ แต่เขากลับค้นพบอย่างน่าเศร้าว่าไม่ว่าตนจะระมัดระวังมากเพียงใด คอยสังเกตรอบด้านอย่างละเอียดมากแค่ไหน แต่กลับรับประกันอะไรไม่ได้…เขาไม่รู้เลยว่าเจ้ากระต่ายลึกลับตัวนี้แอบตามตนมานานแค่ไหนแล้ว และได้ยินคำพูดของตนมากน้อยเท่าไหร่

“ข้าจะฆ่าเจ้า!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนรน พุ่งถลาออกไปจากถ้ำ เพิ่งจะออกมาก็ได้ยินประโยคแรกที่เจ้ากระต่ายพูดได้ซึ่งยามนี้กำลังยืนอยู่บนต้นไม้ปล่อยออกมาทันที

“เย่จั้งใจเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าลืมคำสัญญาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลายระหว่างเรา เจ้าลืมความรักความอาลัยระหว่างเรา เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว…”

เสียงของเจ้ากระต่ายตัวนี้ดังลั่น พริบตาเดียวก็แผ่ไปทั่วสี่ทิศ ทำให้นักพรตสร้างฐานรากจำนวนไม่น้อยที่ได้ยินพากันอึ้งงัน สีหน้าเหยเก

ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงก่อนเป็นอันดับแรก ประโยคนี้เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด แต่เขามั่นใจเลยว่าเจ้ากระต่ายตัวนี้ต้องติดตามตัวเองมานานมากแล้วแน่นอน ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกหวาดผวา คำรามเสียงดังหนึ่งครั้งก็ไม่สนอะไรอีก มือขวายกขึ้นทำมุทราชี้ไป ทันใดนั้นปราณเลือดรอบด้านพลันเข้ามารวมตัวกันเป็นปราณกระบี่หนึ่งเล่ม พุ่งออกไปด้านหน้าตามนิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุน

นี่ไม่ใช่ปราณกระบี่ธรรมดา แต่เป็นปราณกระบี่เลือดคงกระพันของป๋ายเสี่ยวฉุน แค่พุ่งออกไปก็กระตุ้นปราณเลือดรอบด้าน ทำให้ปราณกระบี่นี้ยิ่งทะยานรวดเร็ว เสียงตูมดังหนึ่งครั้งก็ตวัดฉับ ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นโค่นลงมาแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เจ้ากระต่ายกระโดดผลุงบินทะยานไปด้านหน้า

“ทำกันเกินไปแล้ว ก็แค่ดูดปราณเลือดนิดหน่อยแค่นั้นเอง ข้าก็เป็นนักพรตสร้างฐานรากของสำนักธาราโลหิตเหมือนกันนะ พวกเจ้าคิดจะฆ่าข้าแบบนี้ต้องการบีบให้ข้าเป็นกบฏต่อสำนักหรือไง!” กระต่ายแผดเสียงพลางเผ่นหนีรวดเร็ว ป๋ายเสี่ยวฉุนคลุ้มคลั่ง ตะโกนเสียงดังไล่ตามไป มือขวายกขึ้นโบก ปราณกระบี่อีกเส้นก็ร้องคำรามกลายเป็นรุ้งยาวตกลงไปตรงจุดที่เจ้ากระต่ายนั่นอยู่ เสียงตูมดังสนั่น บ่อน้ำสีเลือดด้านข้างแตกทลาย

“หึหึ ข้าแค่ขโมยสูดปราณเลือดก็ไม่มีใครจับข้าได้แล้ว…”

“เอ๊ะ เหมือนว่าถ้ำนี้จะไม่มีใครอยู่…”

“ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคนแล้ว!”

กระต่ายตัวนี้วิ่งห้อเต็มเหยียดไปตลอดทาง ปากก็พูดไม่หยุด ขณะที่เสียงพูดของมันดังไปทั่วสี่ทิศ เสียงตูมตามเลือนลั่นก็ดังก้องเช่นกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนวิ่งไล่ตามหลังเจ้ากระต่ายไปติดๆ ปราณกระบี่เส้นแล้วเส้นเล่าตกลงมา ทำให้ทุกที่ที่เจ้ากระต่ายวิ่งผ่านสะเทือนไปด้วยเสียงกัมปนาท

ขณะเดียวกันกับที่พืชหญ้าพังทลาย สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายแหล่ก็พินาศย่อยยับเพราะความโมโหโกรธาของป๋ายเสี่ยวฉุนไปด้วย ทำให้ตลอดทั้งเขาจงเฟิงชุลมุนวุ่นว่ายกันขึ้นมา หลังจากผู้พิทักษ์สร้างฐานรากจำนวนมากปรากฏตัวออกมาก็มองเห็นเจ้ากระต่ายตัวนั้น และป๋ายเสี่ยวฉุนที่ไล่ตามมันทันที รวมไปถึงเสียงอึกทึกที่เกิดจากปราณกระบี่มากมายด้วย

โดยเฉพาะนักพรตสร้างฐานรากบางส่วนที่ยังตั้งตัวไม่ทัน พอกระต่ายวิ่งผ่านไป ปราณกระบี่จึงตกลงมาบนตัวพวกเขาจังๆ หลังจากกระอักเลือดสดก็เปล่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราด

“เย่จั้ง เจ้าคิดจะทำอะไร!”

“สมควรตายเอ๊ย เย่จั้งเจ้ามันรนหาที่ตาย!”

“เมื่อหลายเดือนก่อนไม่ได้ฆ่าเจ้า วันนี้เจ้ากลับมีหน้ากล้ามาปรากฏตัวอีก!”

ขณะที่นักพรตสร้างฐานรากเหล่านี้กำลังตะโกนก้องด้วยความแค้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามกราดเกรี้ยวไม่ต่างกัน

“หุบปากกันไปให้หมด!” ยามนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาแดงก่ำ ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าต้องกำจัดเจ้ากระต่ายตัวนี้ให้ได้ มือทั้งสองทำมุทรา ปราณกระบี่หลากหลายเส้นคำรามออกไป

เจ้ากระต่ายกระโดดไปทางซ้ายแล้วก็ย้ายมาทางขวา ข้างกายมีปราณกระบี่หล่นลงตูมตาม พริบตาเดียวก็สับสนอลหม่านกันไปหมด นักพรตสร้างฐานรากเหล่านั้นยิ่งแค้นเคือง แต่ละคนบินทะยานพุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน เสินซ่วนจื่อเองก็อยู่ในกลุ่มคนเช่นกัน ยามนี้กำลังยิ้มเย็นชา ดวงตายิ่งมีแววเย้ยหยัน รู้สึกว่าเจ้าเย่จั้งผู้นี้ช่างสมองกลวงยิ่งนัก ถูกกระต่ายตัวเดียวปั่นหัวได้ถึงเพียงนี้

“เจ้ากระต่ายตัวนี้ไม่เลวเลย น่าสนใจ ไม่รู้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของสหายนักพรตท่านใด” เสินซ่วนจื่อแอบกล่าวกับตัวเองอยู่ในใจ

เบื้องใต้น้ำตกสีเลือดที่ห่างออกไปไกล เนื่องจากตอนนี้ภูเขาจงเฟิงมีเสียงสะเทือนเลือนลั่นดังไม่หยุด ซ่งเชวียที่ปิดด่านอยู่ในน้ำตกแห่งนี้ลืมตาขึ้นมา ขมวดคิ้วฉับ ทว่าไม่ได้สนใจ หลับตาปิดด่านต่อ

และเวลานี้เอง กระต่ายตัวนั้นกระโดดผลุงขึ้นไปยืนอยู่บนถ้ำแห่งหนึ่ง ตะเบ็งเสียงแผดดังยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุน…” ประโยคนี้แทบจะใกล้เคียงกับการคำราม ชั่วพริบตาที่มันดังออกไป ทุกคนที่อยู่รอบด้านตะลึงงัน ดวงตาทั้งคู่หดลง ชื่อป๋ายเสี่ยวฉุนนี้โด่งดังอย่างยิ่งในสำนักธาราโลหิต หากมีโอกาสทุกคนก็อยากจะสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนในทันที สังหารศิษย์แห่งความภาคภูมิใจสำนักธาราเทพ สร้างฐานรากวิถีฟ้าเพียงผู้เดียวที่มีอยู่ เพื่อสร้างผลงานครั้งใหญ่

ทว่าตอนนี้ชื่อของป๋ายเสี่ยวฉุนดันดังออกมาจากปากของกระต่ายตัวนี้ จึงทำให้สายตาของทุกคนแน่วนิ่งขึ้นมา รอฟังว่าเจ้ากระต่ายจะพูดอะไรต่อไป

แต่เจ้ากระต่ายตัวนี้กลับยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ไม่ได้พูดต่อ

“ข้าเย่ตั้งไม่ขออยู่ร่วมโลกกับป๋ายเสี่ยวฉุน กล้ามาพูดถึงป๋ายเสี่ยวฉุนต่อหน้าข้า พูดมา ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ที่ไหน!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นรัว มือขวายกขึ้น ปราณกระบี่เส้นหนึ่งพลันพุ่งตัวออกไป ปราณกระบี่นี้ยิ่งแข็งแกร่ง หลังจากสูดรับเอาปราณเลือดจากรอบด้านก็กลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาว กระแทกลงไปที่เจ้ากระต่าย กระต่ายกระโดดโหยงหลบหนี ทว่าถ้ำที่อยู่ใต้ร่างมันกลับโยกคลอนรุนแรง แล้วจึงถล่มโครมลงมา ซึ่งในถ้ำแห่งนี้มีขวดเลือดอยู่หนึ่งขวด ยามนี้พอสั่นสะเทือนอยู่ไม่กี่ที กระตุ้นให้เกิดลูกคลื่นรอบค่ายกล เสียงปังดังหนึ่งครั้งก็แตกกระจาย

ถ้ำแห่งนี้ก็คือถ้ำของเซวี่ยเหมย ก่อนหน้านี้ตอนที่ทุกคนไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุนมันก็เคยโดนลูกหลงไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะขวดเลือดนั้นที่มีลางพังทลายปรากฏให้เห็น แม้ว่าเซวี่ยเหม่ยจะประคับประคองให้มันมั่นคง แต่ตอนนี้…ก็ยังต้องพังพินาศอยู่ดี

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุน…” กระต่ายตะโกนเสียงดัง แต่กลับมีเพียงสี่คำนี้…

“พูดต่อสิ ประโยคข้างหลังคืออะไร!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ หัวสมองบังเกิดแรงบันดาลใจ รีบแสร้งทำท่าดุดัน ขณะที่ไล่ฆ่ากระต่าย ปราณกระบี่ก็เผยตัวออกมาอีกครั้ง ตกโครมลงไปบนพื้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ กระต่ายตัวนั้นเผ่นหนีอีกรอบ ปราณกระบี่ตวัดฟั่บๆ ต่อเนื่อง ถ้ำสถิตถ้ำแล้วถ้ำเล่าถูกโจมตีถล่มทลาย

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุน…” ดูเหมือนเจ้ากระต่ายจะร้อนใจเล็กน้อยจึงตะโกนออกมาเสียงดัง ทว่าพูดมาถึงตรงนี้กลับพูดต่อไม่ออก…

“บัดซบ เจ้าจะพูดหรือไม่พูด!” ป๋ายเสี่ยวฉุนวางใจได้แล้ว ยามนี้จึงคำรามดังลั่น ลึกๆ ในใจลำพองใจนัก รู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็ได้เล่นงานเจ้ากระต่ายคืนเสียที ไม่ว่าจะถามอย่างไร เจ้ากระต่ายก็พูดได้แค่สี่คำนี้

“เจ้ารีบบอกข้ามาสิ ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในขอบเขตของสำนักธาราโลหิตหรือไม่ ตอนที่อยู่ในโลกกระบี่อุกกาบาต ข้ากับเขาเป็นศัตรูไม่อาจอยู่ร่วมโลก ข้าจะฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวอย่างเดือดดาลอีกครั้ง ในใจยิ่งได้ใจเข้าไปอีก รู้สึกว่าตัวเองช่างฉลาดยิ่งนัก ตวัดปราณกระบี่อีกครั้ง ท่ามกลางเสียงอึกทึกดังกึกก้อง ถ้ำอีกแห่งพลันพังโครมลงมา

“พูด บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ประโยคต่อไปคืออะไร!”

เวลาชั่วประเดี๋ยวเดียว ภายใต้การไล่โจมตีของป๋ายเสี่ยวฉุน ตลอดทั้งเขาจงเฟิงยิ่งยุ่งเหยิงอลหม่าน คล้ายว่าถูกป๋ายเสี่ยวฉุนบีบคั้นจนร้อนใจ ขณะที่เผ่นหนีเจ้ากระต่ายตัวนี้จึงตาแดงก่ำ ร่างสั่นเยือกอยู่หลายครั้ง พลันเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุน…เซวี่ยเหมย เมื่อคืนวานข้าฝันถึงเจ้าอีกแล้ว สักวันหนึ่งข้าเสินซ่วนจื่อจะต้องได้เจ้ามาครอง!”

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุน…ผู้อาวุโสฟาง ท่านอย่าทำแบบนี้สิ เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก…”

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุน…อาหญิงน้อย เจ้าเป็นของข้าซ่งเชวีย บุตรโลหิตก็เป็นของข้าซ่งเชวีย แล้วก็เซวี่ยเหมย นางก็เป็นของข้าซ่งเชวียเหมือนกัน!”

ประโยคพวกนี้เปล่งออกไป เขาจงเฟิงแตกฮืออย่างสมบูรณ์แบบ ผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสสร้างฐานรากมากมายพากันหน้าเปลี่ยนสี สำลักลมหายใจ แต่ละคนหน้าตาปูเลี่ยน รอบด้านพลันนิ่งสงัด…

มีเพียงเสียงของเจ้ากระต่ายตัวนั้นที่ดังต่อเนื่อง

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็อึ้งไปเช่นกัน เขารู้สึกว่าตัวเองคงบีบคั้นเจ้ากระต่ายโหดเกินไป ถึงทำให้อีกฝ่ายเอาเรื่องอื่นออกมาพูดด้วย…

เสินซ่วนจื่อก็อยู่ในกลุ่มคนเช่นกัน รู้สึกเพียงไอเย็นที่วาบขึ้นมาตรงสันหลัง คำรามเสียงแหบแห้ง พุ่งถลาออกไปด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงขีดสุด คิดจะไปกำจัดเจ้ากระต่ายตัวนั้น

“หุบปาก!! พูดจาเหลวไหล!!”

“ถูกต้อง เจ้ากระต่ายนี่พูดจาเหลวไหล!” ขณะที่เสินซ่วนจื่อพุ่งถลาออกไป ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มองเสินซ่วนจื่อด้วยสีหน้าปั้นยากหนึ่งครั้ง รู้สึกว่าเจ้าเสินซ่วนจื่อผู้นี้ช่างมีรสนิยมประหลาดนัก ผู้หญิงที่สวมหน้ากากปิดบังหน้าตาแบบนั้นก็ยังชอบเข้าไปได้

ไม่เพียงเสินซ่วนจื่อที่ลงมือ ทุกคนที่ถูกเจ้ากระต่ายพูดถึงยามนี้ต่างก็หน้าถอดสี แต่ละคนจิตใจสะท้านไหว พากันบินออกมาเพื่อกำจัดเจ้ากระต่าย

แม้แต่ซ่งเชวียที่อยู่ใต้น้ำตกห่างออกไป ยามนี้ก็ยังคำรามเสียงเดือดดาลดังไปทั่วแปดทิศ เงาร่างที่ราวกับเทพโลหิต พกพาเอาคลื่นโลหิตแห่งความบ้าคลั่ง โจนทะยานออกมา

“หุบปาก!!” ซ่งเชวียใกล้บ้าเต็มที ประโยคนั้นของเจ้ากระต่าย ทุกคนบนเขาจงเฟิงต่างก็ได้ยินกันหมด ใจเขาสั่นระรัว ยามนี้ปรารถนาอยากจะฉีกปากเจ้ากระต่ายนั่นนัก

ท่ามกลางการไล่ฆ่า เจ้ากระต่ายฉวยโอกาสที่สถานการณ์วุ่นวายหลบหนีไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา ป๋ายเสี่ยวฉุนหาอยู่นานยังไงก็หาไม่พบ ตอนนี้ใจเขาโล่งโปร่งสบายยิ่งนัก ทว่าสีหน้ากลับมืดดำเกินจะเปรียบ

“เจ้ากระต่ายตัวนี้น่ารังเกียจยิ่งนัก จนถึงสุดท้ายก็ยังไม่ยอมพูด!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดอย่างฉุนเฉียว ในใจวางใจได้แล้ว ขณะที่กำลังจะจากไป พลันรู้สึกทะแม่งๆ นักพรตสร้างฐานรากพวกนั้นที่เมื่อครู่ไล่ฆ่ากระต่าย ตอนนี้พากันจ้องเขม็งมาที่ตน

ดวงตาซ่งเชวียตลบอบอวลไปด้วยไอสังหาร เขาเกลียดเจ้ากระต่ายลึกลับตัวนั้น ทว่าเจ้าเย่จั้งที่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนกดดันให้เจ้ากระต่ายนั่นระเบิดคำพูดออกมา เขาก็เกลียดไม่ต่างกัน

เสินซ่วนจื่อก็คิดเช่นนี้ ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นถ้ำของพวกเขา หรือตัวของพวกเขาเอง ต่างก็โดนลูกหลงจากคลื่นปราณกระบี่ของป๋ายเสี่ยวฉุนท่ามกลางความวุ่นวายก่อนหน้านี้ ใจที่อยากคิดสังหารเย่จั้งของพวกเขาจึงพุ่งทะยานสูงสู่ฟากฟ้าไปแล้ว

“เย่จั้ง เจ้าทำลายถ้ำของข้าผู้อาวุโส เรื่องนี้พวกเราต้องมาคิดบัญชีกันหน่อยแล้ว”

“ก่อนหน้านี้ปล่อยให้เจ้าหนีรอดไปได้ คราวนี้เจ้าตายแน่!”

“เย่จั้ง!!”

แค้นเก่าแค้นใหม่ไหลทะลักมารวมกัน นักพรตสร้างฐานรากรอบด้าน แต่ละคนตบะแผ่ออก ระเบิดไอสังหาร ลงมือกำจัดป๋ายเสี่ยวฉุนทันที

——

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version