บทที่ 138 งานอดิเรกของเถี่ยตั้น
เนิ่นนาน ผู้เฒ่าชุดขาวกลางอากาศถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง เขาเข้าใจดี สัตว์ตัวนี้ชีวิตนี้ไม่มีทางรับคนอื่นเป็นนายของตัวเองได้อีกแล้ว ต่อให้ถูกบังคับให้รับเป็นนาย ความพึ่งพาที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งอยู่ในสายเลือดของมันก็จะกลายมาเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับคนอื่น
สามารถพูดได้ว่าบนโลกใบนี้ เจ้านายของมันจะมีเพียงคนเดียวไปชั่วนิรันกาล…มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียวเท่านั้น
ต่อให้วันหนึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนสิ้นชีพไปแล้ว สัตว์ตัวนี้ก็จะไม่มีทางลืมว่าเคยมีคนที่ชื่อป๋ายเสี่ยวฉุนดำรงอยู่
ระหว่างพวกเขาไม่มีการทำสัญญาต่อกัน แต่ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันนั้นแน่นแฟ้นเสียยิ่งกว่าสัญญาใดๆ ผู้เฒ่าชุดขาวส่ายหัว มองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างล้ำลึกหนึ่งครั้ง เขาเข้าใจ นี่คือสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนควรได้รับ นี่คือสัตว์รบที่เขาสร้างขึ้นมา ในระยะเวลาหลายวันที่สัตว์ตัวนี้มีภาวะเสี่ยงอันตรายอย่างถึงที่สุดก็เป็นเขาที่คอยให้กำลังและอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา
“บางที คงมีเพียงเด็กที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์ ไม่หวังผลประโยชน์มากเกินไป มีเพียงแค่ใจที่หวังให้สัตว์ตัวนี้มีชีวิตรอดอย่างเดียวเท่านั้น ถึงสามารถทำให้สัตว์รบสายเลือดระดับหกตัวนี้ยอมรับและซาบซึ้งจากใจจริง”
“หวังว่า…เด็กคนนี้จะรักษาจิตใจอันบริสุทธิ์ดีงามดวงนี้ไว้ได้ตลอดชีวิต อย่าได้เปลี่ยนความตั้งใจเดิมไปเพราะอุบัติภัย หรือเพราะกาลเวลาที่เปลี่ยนไป” ผู้เฒ่าชุดขาวหมุนกายจากไปไกลอย่างเงียบเชียบ แผ่นหลังของเขาดูซึมเซา คล้ายกำลังย้อนระลึกถึงตัวเองเมื่อนานมาแล้ว ระลึกถึงความซื่อบริสุทธิ์และความเยาว์วัยของตัวเองตอนที่เพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียร
นอกหอเรือน คนจำนวนมากพากันจากไป ลูกศิษย์หญิงพวกนั้นยิ่งอาลัยอาวรณ์ ชั่วขณะที่สัตว์น้อยปรากฏตัว ดวงตากลมโตคู่นั้นและท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของมัน สามารถทำให้ลูกศิษย์หญิงเหล่านี้ชื่นชอบได้ทันที แต่เจ้าสัตว์น้อยนั่นกลับไม่มองพวกนางแม้แต่หางตา
ผู้นำเขาทั้งสี่ก็จ้องมองสัตว์น้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกตาเป็นมัน และก็จากไปด้วยความปลดปลงเช่นกัน ไม่นานหอร้อยสัตว์ก็กลับคืนสู่ความสงบสุข มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนและสัตว์น้อย รวมถึงสุนัขใหญ่สีดำตัวนั้นที่เมื่อครู่ถูกพลังโจมตีผลักกระเด็นออกไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ้มอย่างปิติยินดี ตบหัวของสัตว์น้อยที่อยู่ด้านหน้าเบาๆ หนึ่งที สัตว์ตัวนี้มีร่างเป็นม้า หัวมังกร เกล็ดกิ้งก่า กรงเล็บตัวลิ่น ที่ยิ่งน่าตกตะลึงก็คือฟันของมันมีแสงเจ็ดสีเปล่งประกายออกมา
ส่วนเขาที่อยู่กลางศีรษะก็เหมือนกับของมังกรนิลเขาสวรรค์ แหลมคมเกินจะเปรียบ
หากมองอย่างละเอียดจะสามารถเห็นได้ว่าบนร่างของมันมีหลายจุดที่ใกล้เคียงกับสัตว์รบตัวอื่นๆ อีกหลายตัว คล้ายว่าได้รวบรวมข้อดีของสัตว์รบจำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนคาดหวังเอาไว้ กลายมาเป็น…สิ่งมีชีวิตที่มีเพียงหนึ่งเดียว ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์บนฟ้าดินแห่งนี้
“นับแต่นี้ไปเจ้าก็คือสัตว์รบของข้าป๋ายเสี่ยวฉุน วางใจเถอะ ข้าจะพาเจ้าห้อทะยานไปในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแห่งนี้เอง!” เสียงหัวเราะของป๋ายเสี่ยวฉุนดังลอยมา ตบลงไปบนหัวของเถี่ยตั้น เถี่ยตั้นนอนหมอบอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน เบิกตากว้าง มองดูแล้วน่ารักอย่างถึงที่สุด
สุนัขใหญ่สีดำคล้ายจะตื่นเต้นอย่างมาก วิ่งตามมาติดๆ เช่นกัน มันยังคงระแวดระวังป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เช่นเดิม ไม่ลืมความอาฆาตแค้น แต่ตอนที่มองไปยังเถี่ยตั้นกลับเผยสายตาที่ทั้งหวาดกลัว และทั้งปกป้องคุ้มภัย
เถี่ยตั้นเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ เมียงมองสุนัขใหญ่สีดำ แต่ก็ไม่ได้ขับไล่ออกไป
เวลาผันผ่าน ไม่นานก็ผ่านมาหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนมานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนมักจะพาเถี่ยตั้นออกไปจากหอร้อยสัตว์ ไปเดินเล่นทั่วตลอดทั้งชายฝั่งทิศเหนือบ่อยๆ เขาเดินอยู่ด้านหน้า เถี่ยตั้นเดินตามหลัง มองทุกอย่างรอบกายด้วยความสงสัยใคร่รู้
ห่างออกไปไกล สุนัขใหญ่สีดำแอบเดินตามมาคล้ายต้องการปกป้องเถี่ยตั้น
ลูกศิษย์ระหว่างทางทุกคนที่มองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน สายตาของพวกเขาจะต้องตกไปอยู่บนร่างของเถี่ยตั้นทันควัน มีทั้งตื่นตะลึง มีทั้งสับสน มีทั้งอิจฉา และยิ่งมีลูกศิษย์หญิงจำนวนไม่น้อยที่พอเห็นเถี่ยตั้นที่ดวงตากลมโต ท่าทางน่ารักน่าใคร่อย่างถึงที่สุดก็จะต้องชื่นชอบขึ้นมาทันทีทันใด
เหมือนว่าเถี่ยตั้นจะตื่นกลัวเล็กน้อย มันจึงเดินเขยิบเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
‘เถี่ยตั้นของข้าใครเห็นใครก็รัก ข้อนี้ได้ข้ามาเต็มๆ’ เขาคิดอย่างดีใจ ไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง ตั้งใจพาเถี่ยตั้นไปยังสถานที่ที่มีคนอยู่เยอะเป็นพิเศษ ทุกที่ที่เดินผ่านล้วนดึงดูดสายตาของลูกศิษย์เหลือคณานับให้หันมามอง ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งมีดอกไม้ผลิบาน เชิดคางเล็กๆ ขึ้นอย่างทระนง พาเถี่ยตั้นไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมบนชายฝั่งทิศเหนือทีเดียวหลายวันติดกัน
ไม่นานเถี่ยตั้นก็ไม่กลัวอีกต่อไป มันเดินตามหลังป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างลิงโลด ทั้งยังพยายามเชิดคางขึ้นเต็มที่ คล้ายกำลังเลียนแบบท่าทางของป๋ายเสี่ยวฉุน แม้แต่สายตาก็ยังมีส่วนเหมือนอยู่ไม่น้อย แฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจ แฝงไว้ด้วยความลำพองใจ หรือถึงขั้นโอ้อวดแสนยานุภาพ ราวกับว่าเมื่อมีป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ข้างกาย มันก็ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินอีกแล้ว
ท่าทางเช่นนี้ดึงดูดสายตาของลูกศิษย์รอบด้านที่เดินผ่าน ต่างพากันตะลึงและทอดถอนใจ และดันเหมือนว่าเจ้าเถี่ยตั้นตัวนี้จะมีนิสัยแปลกประหลาดอยู่บางอย่าง ถ้าสัมผัสได้ว่ามีคนมองตัวเองอยู่ หากอารมณ์ดีก็จะเป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหาเอาตัวเสียดสีไปมา หากอารมณ์ไม่ดีก็จะแสยะปากแยกเขี้ยว เผยท่าทางดุร้าย เปล่งเสียงคำรามต่ำออกมาทันที
หนึ่งเดือนมานี้ร่างกายของเถี่ยตั้นโตได้ช้ามาก เหมือนจะไม่ใหญ่โตขึ้นเท่าไหร่นัก แต่ความเร็ว พละกำลัง รวมถึงแรงกัดของมันกลับค่อยๆ เผยตัวออกมาในช่วงเวลาเหล่านี้ ทำทุกคนที่ได้เห็นหวาดผวาครั้งแล้วครั้งเล่า
ในด้านความเร็ว มันสูสีกับสุนัขดำตัวใหญ่แล้ว ส่วนในด้านของพละกำลังก็ยิ่งสามารถชนให้ตัวลิ่นในป่าหอร้อยสัตว์ที่สูงสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกระเด็นไปหลายจั้ง ระดับความฉลาดของมันก็ยิ่งน่าตะลึงอย่างถึงที่สุด เพราะไม่ต่างอะไรไปจากเด็กอายุสิบกว่าขวบ ถึงขั้นที่เหมือนจะฉลาดกว่าเด็กอายุสิบกว่าขวบในบ้างด้านด้วยซ้ำ
และที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงระคนดีใจได้มากที่สุดก็คือการควบคุมเปลวไฟของเถี่ยตั้น เปลวไฟใต้กีบเท้าทั้งสี่ของมันนับวันก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเก็บและปล่อยได้ตามใจชอบ ทุกครั้งที่บินทะยานก็ราวกับเหยียบอยู่บนกองไฟ ไฟนี้เป็นสีดำดุจดั่งเปลวไฟที่มาจากนรกโลกันตร์
ความมหัศจรรย์แต่ละอย่างบวกเข้ากับท่าทางน่ารักของมัน หลายครั้งที่ดวงตากลมโตเผยให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ทำให้ผู้อาวุโสของชายฝั่งทิศเหนือรวมไปถึงผู้นำของทั้งสี่เขาล้วนรักและเอ็นดูเถี่ยตั้นอย่างถึงที่สุด มักจะเอาอาหารและยาวิเศษที่ดีต่อสัตว์รบมามอบให้เถี่ยตั้นเป็นประจำ
ทว่าเมื่อเถี่ยตั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ค่อยๆ ค้นพบความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ดูเหมือนว่าในด้านนิสัยของเถี่ยตั้น…ออกจะแปลกประหลาดไปเสียหน่อย
เวลานี้เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนคือสวีซงที่กำลังขมวดคิ้วมองมายังเถี่ยตั้นที่อยู่ด้านหน้าตนเองซึ่งกำลังคำรามต่ำต่อเนื่อง เกล็ดตลอดร่างตั้งชัน เปลวเพลิงสีดำของทั้งสี่เท้าแผ่กระจาย ในใจก็ให้แปลกใจ เขาก็แค่เดินผ่านแล้วมองมาหลายทีหน่อยก็เท่านั้น ไม่นึกว่าเถี่ยตั้นจะอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีทันใด วิ่งดิ่งเข้ามาหาทำท่าทางราวกับจะกัดตัวเองแบบนี้
“ป๋ายเสี่ยวฉุน สัตว์ตัวนี้ของเจ้า…” สวีซงไม่สบอารมณ์ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าสัตว์รบตัวนี้ได้รับความโปรดปรานจากทั้งผู้อาวุโสและผู้นำเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงถอยหลังไปหลายก้าว มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าเขายังไม่ทันพูดจบ ห่างออกไปไกล กงซุนหว่านเอ๋อร์บินผ่านมาพอดี แค่กวาดตามองทีหนึ่งเท่านั้น เถี่ยตั้นที่แสยะเขี้ยวเตรียมฟ้อนเล็บอยู่หน้าสวีซงดวงตาก็เปล่งประกายวาบ เบิกตากว้าง เผยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูออกมาในบัดดล วิ่งตุปัดตุเป๋ไปหากงซุนหว่านเอ๋อร์
วิ่งไปพลางกระดิกหางราวกับหมาน้อย เปล่งเสียงร้องอย่างอ่อนโยน เสียดสีตัวไปมาอยู่ตรงน่องของกงซุนหว่านเอ๋อร์ กงซุนหว่านเอ๋อร์ยิ้มออกมาทันที ย่อตัวลงโอบกอดเถี่ยตั้นเอาไว้ ดวงตาเถี่ยตั้นเป็นประกายระยิบ ส่ายสีไปมาอยู่ตรงหน้าอกของกงซุนหว่านเอ๋อร์ ทำให้กงซุนหว่านเอ๋อร์หัวเราะคิกไม่หยุด ส่วนหัวเล็กๆ ของมันที่โผล่ออกมาจากการหันข้างก็สามารถมองเห็นสีหน้าเคลิบเคลิ้มมีความสุขของมันได้อย่างชัดเจน
ภาพนี้ทำให้สวีซงตาเหลือกจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ้มเจื่อน เมื่อครึ่งเดือนก่อนเขาก็สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลนี้แล้ว เจ้าเถี่ยตั้นตัวนี้พอเห็นลูกศิษย์ผู้ชายก็จะแยกเขี้ยวแสยะปากใส่ คล้ายว่าหากกล้าเข้ามาแตะมันแม้แต่นิด มันก็จะกัดอีกฝ่ายให้ตายได้ทันที แต่หากเห็นลูกศิษย์ผู้หญิงมันจะเปลี่ยนมามีท่าทีน่ารักน่าเอ็นดู ปรารถนาให้อีกฝ่ายโอบกอดมันไว้ในอ้อมอก
แม้แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาทำได้แค่โทษให้เป็นความผิดของกรรมพันธ์ความชื่นชอบที่พิเศษของสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งซึ่งถ่ายทอดมาให้เถี่ยตั้นผ่านทางสายเลือด
สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งแสดงยิ่งดุเดือด จนถึงท้ายที่สุดเถี่ยตั้นก็เหมือนจะยิ่งเอาใหญ่ การปฏิบัติตัวที่แตกต่างกันระหว่างลูกศิษย์ชายและหญิงนั้นทำให้ลูกศิษย์ชายของชายฝั่งทิศเหนือพากันพูดไม่ออก มีหลายคนที่ถึงขั้นอิจฉาเถี่ยตั้น ลูกศิษย์หญิงของชายฝั่งทิศเหนือแทบจะถูกมันเสียดสีไปเกินครึ่งแล้ว…
หากแค่เท่านี้ก็ยังพอว่า ทว่าไม่นาน ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มปิดด่านเพื่อฝ่าทะลุขั้นสมบูรณ์แบบของรวมลมปราณสิบอยู่นั้น งานอดิเรกของเถี่ยตั้นเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ภายใต้การนำของสุนัขสีดำตัวใหญ่ พวกมันสองตัวมักจะไปนอนหมอบแอบดูพวกลูกศิษย์หญิงของชายฝั่งทิศเหนืออาบน้ำเป็นประจำ
สุนัขสีดำตัวใหญ่แค่มองไม่กี่ทีก็หมดความสนใจแล้ว แต่เถี่ยตั้นยิ่งมองกลับยิ่งติดใจ ถึงขั้นที่ว่าในเวลาไม่นานมันยังสามารถสรุปตารางเวลาการอาบน้ำของลูกศิษย์หญิงตลอดทั้งสำนักไว้ได้ เช้าตรู่ของทุกวันจะต้องวิ่งออกมาจากหอร้อยสัตว์ด้วยความกระปรี้กระเป่า ฟ้าไม่มืดไม่มีทางกลับมาเด็ดขาด
เวลาหนึ่งวัน มันสามารถมองลูกศิษย์หญิงอาบน้ำได้หลายคน…
สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ให้ความสนใจ เขากำลังปิดด่านอย่างเต็มกำลัง ตบะเพิ่มมากขึ้นในทุกวัน
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เถี่ยตั้นก็ยิ่งอาการหนักเข้าไปใหญ่ นอกจากมันจะชอบเสียดสีตัวไปมาในอ้อมกอดของลูกศิษย์หญิง นอกจากชอบแอบดูลูกศิษย์หญิงอาบน้ำแล้ว มันยังมีงานอดิเรกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง…ทุกครั้งหลังจากที่แอบดูการอาบน้ำเสร็จ มันจะต้องคาบผ้าชั้นในของอีกฝ่ายเอาไปแอบซ่อนไว้…ซ่อนไว้ในสถานที่ที่มันคิดว่าปลอดภัยมากที่สุด
ไม่นานลูกศิษย์หญิงของชายฝั่งทิศเหนือก็พากันค้นพบว่าผ้าชั้นในของพวกนางหายไปอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เช่นนี้จนถึงท้ายที่สุดก็เกิดขึ้นกับลูกศิษย์หญิงแทบทุกคน
“ชายฝั่งทิศเหนือของพวกเรามีโจรวิปริตผู้หนึ่ง คนผู้นี้จะขโมยเฉพาะผ้าชั้นในของลูกศิษย์หญิง!!”
“สมควรตายเอ๊ย ข้าจะต้องหาเจ้าโจรวิปริตผู้นี้ให้เจอให้ได้ ผ้าชั้นในของศิษย์น้องหญิงซุนหายไปเจ็ดชิ้นแล้ว!!”
“ข้าลองสำรวจดู ประมาณการอย่างหยาบๆ มีผ้าชั้นในหายไปแล้วอย่างน้อยหลายพันชิ้น อีกฝ่ายจะต้องมีความชื่นชอบพิเศษบางอย่างอย่างแน่นอน ไม่ได้เอาไปทำลาย แต่เอาไปซ่อนไว้ หา พวกเราต้องหาเจอแน่นอน!”
เรื่องที่ผ้าชั้นในหายไปนับวันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ไม่นานลูกศิษย์หญิงทุกคนของชายฝั่งทิศเหนือก็จับมือเป็นพันธมิตรกัน แต่ละคนไฟโทสะโหมไหม้ ออกตามหาอย่างต่อเนื่อง ยังถึงขั้นเชิญให้หนูรบของผู้เฒ่าเขาฉงติ่งตัวหนึ่งมาช่วยในการค้นหาด้วย ตลอดทั้งชายฝั่งทิศเหนือพากันทำการค้นหา ลูกศิษย์ชายหลายคนก็เข้าร่วมด้วย ในใจเต็มไปด้วยความเคืองแค้นต่อความไม่เป็นธรรม ร่วมมือร่วมใจกันตามหา
หลังจากที่ค้นหาไปทั่วยอดเขาทั้งสี่ ค้นหาในหลากหลายเขตแล้วก็ยังไม่เจออะไร พลันก็มีคนพูดถึงหอร้อยสัตว์ขึ้นมา…
ดังนั้นลูกศิษย์หญิงเหล่านี้จึงบุกเข้าไปที่หอร้อยสัตว์อย่างรวดเร็ว
ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้ก็กำลังนั่งขัดสมาธิอย่างตั้งใจอยู่ในหอเรือน สัมผัสกับตบะที่เพิ่มสูงมากขึ้น ในใจก็ให้เปี่ยมสุขเป็นกำลัง
————–