Skip to content

A Will Eternal 150

บทที่ 150 พี่ชายมีธุระ…

ลูกศิษย์ของสำนักธาราเทพแต่ละคนอกสั่นขวัญแขวน แผล็บเดียวก็ถอยห่างไปไกลลิบ ต่อให้ลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬคิดจะขัดขวาง ก็ยังสู้ความเร็วของพวกเขาในเวลานี้ที่ระเบิดออกมาเนื่องจากหวาดผวายาของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้

ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าสหายร่วมสำนักเหล่านี้หนีห่างในพริบตาเดียว แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอึ้งงัน นึกว่าตัวเองหยิบยาออกมาผิดจึงก้มลงมองหนึ่งครั้ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่ผิดพลาด เขาก็ไอแห้งๆ ออกมาหนึ่งที โยนยาลงไปบนพื้นพร้อมคำรามเสียงดัง เสียงตู้มดังหนึ่งครั้งยาก็ระเบิดออกกลายเป็นควันดำแผ่กระจายไปทั่วด้าน

เหลยซานขมวดคิ้ว ลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬที่อยู่รอบด้านก็รีบหลบฉากทันทีด้วยกังวลว่าจะมีพิษ ส่วนสัตว์ร้ายเหล่านั้นที่อยู่โดยรอบ แต่ละตัวพอได้กลิ่นยาที่ระเบิดออกมาเป็นควันดำ นัยน์ตาก็เผยความบ้าคลั่ง เปล่งเสียงคำรามแหบแห้งน่าหวาดผวา

เวลาเดียวกันนั้น ดวงตาที่ราวกับสายฟ้าของเหลยซานมองลอดผ่านกลุ่มควัน เมื่อมองเห็นว่าหลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนโยนยาเสร็จก็กำลังจะคิดหนี เขาจึงแค่นเสียงเย็นขึ้นมาหนึ่งครั้ง

“คิดจะหนีรึ? ทิ้งขวดนักพรตของเจ้าเอาไว้!” เหลยซานสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง สายฟ้าตลอดร่างส่งเสียงดังครั่นครืน ระเบิดไปรอบทิศ ผลักควันสีดำเหล่านี้ออกไป เขากระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

ความเร็วของเขาเร็วมากเกินไป สายฟ้ารอบร่างแลบแปลบปลาบ ใต้ฝ่าเท้าก็ยิ่งมีเปลวไฟ เมื่อพุ่งออกมาสุดตัวจึงเข้ามาใกล้ได้ในพริบตาเดียว มือขวายกขึ้นชี้ไปด้านหน้าหนึ่งครั้ง ท้องฟ้าพลันคำรามสนั่นหวั่นไหว ทะเลเพลิงผืนหนึ่งแปลงกายออกมาเป็นกำแพงไฟบดบังทิศทางเบื้องหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ ขณะเดียวกันในกำแพงไฟนั้นก็มีสายฟ้าหลายเส้นดีดตัวพุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน

ลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬมองเห็นภาพนี้ นัยน์ตาแต่ละคนฉายแววเย้ยหยัน ในสายตาของพวกเขา หากป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะหนีไปต่อหน้าต่อหน้าเหลยซาน นั่นคือเรื่องไร้สาระเหมือนความเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อน

“ปีนั้นศิษย์พี่เหลยซานถูกนักพรตสร้างฐานรากผู้หนึ่งไล่ฆ่าเจ็ดวันเต็ม หนีเอาชีวิตรอดมาได้ ในเรื่องความเร็วแล้ว แม้แต่ศิษย์พี่จิ๋วต่าวก็ยังชื่นชม”

“โดยเฉพาะวิชาเพลิงอัสนี ศิษย์พี่เหลยซานก็ยิ่งฝึกได้ถึงขั้นสูงสุด พวกคนธรรมดาไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ได้เลย เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้รนหาที่ตายโดยแท้!”

ขณะที่ลูกศิษย์ของสำนักธาราทมิฬเหล่านี้เอ่ยเยาะหยัน ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนรน เขาไม่รู้ว่าวิญญาณร้ายจะถูกล่อออกมาตอนไหน หนีไปได้เร็วหน่อยแน่นอนว่ายิ่งเป็นเรื่องดี เวลานี้มองเห็นหนทางเบื้องหน้าถูกขัดขวาง นัยน์ตาเขาเปล่งประกายเฉียบคม พุ่งตัวออกไปอย่างแรง ชนเข้ากับสายฟ้าพวกนั้นโดยตรง

ตูมๆๆ!

วินาทีที่สายฟ้าปะทะเข้ากับร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันแตกสลายกลายมาเป็นสายฟ้าโค้งงอจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายออกไปรอบทิศ ส่วนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่นิด พุ่งเข้าชนกับกำแพงไฟจังๆ เสียงกัมปนาทดังสะเทือนเลือนลั่น กำแพงไฟพังทลายลงไปเช่นกัน ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนลอดทะลุออกไป

“เป็นไปไม่ได้!”

เหลยซานเบิกตากว้าง สำลักลมหายใจ สีหน้าเผยความตะลึงพรึงเพริดและไม่อยากเชื่อ เขารู้จักเวทคาถาของตัวเองเป็นอย่างดี เขามั่นใจอย่างยิ่งว่านอกจากจิ๋วต่าว กุ่ยหยา ซ่งเชวียและฟางหลินแล้ว ลูกศิษย์รวมลมปราณคนอื่นเมื่อเจอกับวิชาเพลิงอัสนีของตน หากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

ทว่าตอนนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับพุ่งกระแทกผ่านไปทั้งตัวแบบนี้ได้

“คนผู้นี้…” เหลยซานลมหายใจถี่กระชั้น ขณะที่กำลังตื่นตะลึง ทันใดนั้นทั้งร่างของเขาก็หนาวเยือก วิกฤตรุนแรงที่ไม่อาจบรรยายได้ระลอกหนึ่งพลันเยื้องกรายเข้ามาเยือน เขาหันขวับกลับไปก็มองเห็นว่ากลางอากาศที่ห่างออกไปไกล เวลานี้ความว่างเปล่าบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ในการบิดเบือนนั้นมีเงาร่างของวิญญาณร้ายปรากฏออกมาตนแล้วตนเล่า แต่ละตนล้วนแฝงไว้ด้วยความกระหายใคร่ ดิ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“วิญญาณร้าย!!” เหลยซานสูดหายใจเสียงดัง กำลังจะถอยหนี ทว่าภาพที่ตามมาติดๆ ก็เกือบทำเอาเขาขวัญหนีดีฝ่อ

“เยอะขนาดนี้เชียว!! สวรรค์!!” เขาเห็นได้ทันทีว่าวิญญาณร้ายที่ปรากฏออกมารอบด้านนี้ไม่ใช่แค่สามตนห้าตน แต่เป็นหลายสิบตน อีกทั้งในความว่างเปล่าห่างไกลที่กำลังบิดเบือนก็ยิ่งมีมากเข้าไปใหญ่ สี่ด้านแปดทิศ แค่มองปราดๆ ยังเห็นได้นับร้อยตน

โดยเฉพาะท่ามกลางวิญญาณร้ายเหล่านี้ มีเด็กหญิงสวมชุดขาวกอดหมีน้อยหนึ่งตัวอยู่ในอ้อมอก ใบหน้าเย็นชามืดทะมึน ประกายตารุบรู่ เห็นๆ กันอยู่ว่าใบหน้านางนิ่งสนิท ทว่าข้างหูของเหลยซานรวมไปถึงลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬหลายสิบคนกลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแผ่วเบา

เสียงหัวเราะนี้แปร่งหู น่าสะพรึงกลัว ทำให้ทุกคนที่ได้ยินจิตใจสั่นสะท้าน ต่อให้เป็นฟางหลินที่อยู่ในกลุ่มสัตว์ห่างออกไป เวลานี้ก็ยังเบิกตากว้าง สูดลมหายใจเฮือกแล้วถอยกรูดออกไปอย่างรวดเร็ว

ไกลออกไป ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่งก็ได้ยินเสียงหัวเราะนี้แว่วๆ เช่นกัน หนังหัวเขาชาหนึบ ปีกที่อยู่ในหม้อสีดำใบใหญ่พร่าเลือน ระเบิดความเร็วถึงขีดสุด พุ่งทะยานออกไปไกล

“หึ ใครใช้ให้พวกเจ้าแย่งสัตว์ร้ายของข้า สัตว์ร้ายของนายท่านป๋ายของเจ้า ไฉนเลยจะแย่งไปได้ง่ายขนาดนั้น!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่นเสียงหนึ่งที ความเร็วยิ่งเร็วมากกว่าเดิม

เหลยซานพยายามกลืนน้ำลายลงคอ สีหน้าซีดเผือด ถอยกรูดเร็วจี๋โดยไม่สนใจสหายร่วมสำนักที่อยู่ในฝูงสัตว์

เวลาเดียวกันนี้เอง เด็กหญิงสวมชุดขาวผู้นั้นก็สะบัดร่าง ลอดตัวผ่านบรรดาวิญญาณร้ายตนอื่นมาอยู่ด้านหน้าสุด ปรากฏกายอยู่ในเขตที่ยาระเบิดเป็นคนแรก นางยืนอยู่ตรงนั้นและสูดเข้าไปอย่างแรง หมอกควันสีดำของยาที่กระจายอยู่รอบด้านพลันซัดตลบ ม้วนแยกออกเป็นเจ็ดกลุ่ม เจาะทะลวงเข้าไปตามทวารทั้งเจ็ดของเด็กหญิง

เวลาเดียวกันนั้น สัตว์ร้ายที่อยู่รอบด้านตัวสั่นเทา ร่างกายค่อยๆ พังทลาย แตกสลายกลายเป็นจุณ ส่วนลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬหลายสิบคนนั้นก็ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน ไอสีขาวแผ่ออกมาจากทวารทั้งเจ็ด และถูกเด็กหญิงคนนั้นสูดเข้าไปพร้อมหมอกควันสีดำ

“พี่ชาย พวกเจ้ามาเล่นกับข้าเถอะ…” สีหน้าของเด็กหญิงไม่มืดทะมึนอีกต่อไป แต่ปรากฏความน่าพิศวง มุมปากฉีกออกคล้ายกำลังยิ้ม ทว่าความน่าขนลุกของรอยยิ้มนี้กลับทำให้จิตใจของนักพรตทุกคนที่มองเห็นล้วนสะท้านสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง

และเสียงของนางก็คล้ายดังลอยออกมาจากความว่างเปล่า น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด ดังไปทั่วแปดทิศ ลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬที่อยู่รอบกายนางดั่งถูกสูบวิญญาณออก ร่างกายผอมซูบแห้งเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด กลายมาเป็นซากศพที่เคลื่อนไหวได้ เดินตัวแข็งทื่อมาอยู่ข้างกายเด็กหญิง กระโดดโลดเต้นราวกับกำลังเล่นเป็นเพื่อนนางอยู่…

ร่างกายที่เหี่ยวเฉา แขนขาที่แข็งทื่อ กระโดดโลดเต้นด้วยท่าทางพิลึกพิลั่น…ภาพเหล่านี้ทำให้เหลยซานและฟางหลินที่ห่างออกไปไกลหน้าเผือดสีในบัดดล ทั้งสองคนขวัญหนีดีฝ่อ พรั่นพรึงถึงขีดสุด หนีเตลิดอย่างบ้าคลั่ง

“นี่มันวิญญาณร้ายอะไรกัน!”

“ในข้อมูลของสำนักไม่มีบันทึกเอาไว้ว่าวิญญาณร้ายพูดได้ด้วย นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

เหลยซานตัวสั่นเทิ้ม ฟางหลินร่างสั่นเทา ทั้งสองคนหนีไปยังทิศทางที่ต่างกัน ไม่เสียดายที่จะใช้เวทคาถาและอาวุธรักษาชีวิตเอาไว้ ขอเพียงเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นได้เป็นพอ

วิญญาณร้ายรอบกายเด็กหญิง แต่ละตนเมื่อไม่ได้สูดหมอกสีดำจากยาก็พากันสงบนิ่งลง ไม่นานก็เผยความเลื่อนลอยออกมาอีกครั้ง ลอยละล่องไปทั่ว

มีเพียงเด็กหญิงคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงวิญญาณร้าย ดวงตาทั้งคู่ดำขลับ ยิ่งดูแปลกประหลาดมากขึ้น นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไม่ได้หันไปมองยังทิศทางที่เหลยซานและฟางหลินจากไป แต่มองนิ่งไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไป มุมปากยกขึ้นคล้ายมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็สะบัดร่าง บินไปยังทางที่เหลยซานหนีไป

จุดลึกของโลกกระบี่อุกกาบาต ป๋ายเสี่ยวฉุนห้อทะยานติดต่อกันถึงสองวันถึงได้หยุดลง สำหรับเด็กหญิงชุดขาวตนนั้นที่อยู่ท่ามกลางวิญญาณร้าย เขากริ่งเกรงเป็นอย่างมาก ทว่าพอนึกขึ้นได้ว่าปราณชีพจรดินของตัวเองมีมากถึงเก้าส่วน อีกไม่นานก็จะรวบรวมออกมาเป็นตัวล่อปราณชีพจรดินได้แล้วจึงฮึกเหิมขึ้นมา ใช้ยาดึงดูดสัตว์ร้ายในขอบเขตเล็กๆ เริ่มสะสมปราณชีพจรดินอีกครั้ง

สองวันต่อมา ขณะที่เขาฆ่าสัตว์ร้ายหลายสิบตัวอย่างต่อเนื่องอยู่ในอีกพื้นที่หนึ่งนั้น ในที่สุดลมปราณชีพจรดินในขวดนักพรตของเขาก็รวบรวมได้ครบถ้วน ของเหลวสีเทาเดือดพล่านขึ้นมาทันที มองเห็นด้วยตาเปล่าว่ามันเกาะตัวกันเป็นก้อนแข็ง พอเสียงเปรี๊ยะๆ ดังออกมาจากขวดนักพรต ขวดก็พลันแตกกระจาย

หลังจากขวดแตกออก ผลึกสีเทาก้อนหนึ่งก็ปรากฏอยู่บนมือของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อกำผลึกเอาไว้ในมือ ป๋ายเสี่ยวฉุนมีความรู้สึกคล้ายว่าตัวเองกับโลกใบนี้ตอบสนองขานรับซึ่งกันและกัน ผลึกหินนี้ได้กลายมาเป็นกุญแจระหว่างตัวเขาและโลกใบนี้

“สำเร็จแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนลมหายใจถี่กระชั้น เขามีความรู้สึกอย่างรุนแรงว่าขอแค่หลอมรวมพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไปเป็นจำนวนมากก็จะสามารถสร้างฐานรากได้ เวลานี้เขาสูดลมหายใจเข้าลึก รู้ว่าตัวเองจะสะเพร่าไม่ได้ ต้องเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างยิ่งในการสร้างฐานราก มิเช่นนั้นหากถูกรบกวนขึ้นมาจะต้องเสียใจและโกรธตัวเองไปตลอดชีวิต

“สร้างฐานราก สร้างฐานราก ฮ่าๆ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะกดกลั้นความตื่นเต้น ขณะที่กำลังจะมองหาสถานที่ปลอดภัย พลันรู้สึกถึงลมเย็นยะเยียบพัดมาที่ด้านหลังเป็นระลอก เสียวสันคอวาบ ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงงัน หันขวับกลับไปโดยไม่ทันคิด และเห็นทันทีว่าเบื้องหลังของเขา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีใบหน้าหนึ่ง…อยู่ชิดจนแทบจะแนบติดตัวเอง!

นั่นคือใบหน้าเด็กผู้หญิงที่มีสีหน้าแปลกประหลาด…มุมปากฉีกออกคล้ายกำลังยิ้ม!

รอบด้านเงียบสงัด…ป๋ายเสี่ยวฉุนตาเหลือกถลน ขนตลอดร่างตั้งชัน ไฟแห่งชีวิตสั่นคลอน ลางสังหรณ์ทั้งหมดบอกกับตัวเองว่าเด็กหญิงที่อยู่ด้านหน้าเขาคนนี้ อันตรายอย่างมาก!

“พี่ชาย มาเล่นกับข้าเถอะ”

น้ำเสียงของนางอึมครึม เมื่อดังออกมารอบด้านพลันหนาวเหน็บขึ้นทันที และยามนี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สังเกตเห็นหมีน้อยสีเลือดไร้ผิวหนังที่เด็กหญิงโอบไว้ในอ้อมกอด…

การมองครั้งนี้ทำให้จิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดเสียงดังอื้ออึง นั่นใช่หมีน้อยเสียที่ไหน นั่นมัน…นักพรตที่ถูกลอกผิวหนังออก ร่างกายหดเล็กลง เมื่อมองอย่างละเอียด ก็เห็นได้ชัดเจนว่านั่นคือผู้ที่พยายามขัดขวางป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้านี้ เหลยซาน!

ผู้ที่ถูกขนานนามให้เป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจอันดับสองของสำนักธาราทมิฬ เวลานี้ถูกเด็กหญิงโอบไว้ในอ้อมกอด และเห็นได้ชัดว่าเหลยซานยังไม่ตาย ทว่ากลับสูญเสียลิ้นไป เปล่งเสียงใดออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงตัวสั่นอย่างเจ็บปวด

ป๋ายเสี่ยวฉุนปากคอแห้งผาก ถอยกรูดอย่างรวดเร็ว ร่างสั่นสะท้านไปหมด และก็ยิ่งรู้สึกขยาดกลัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อนึกขึ้นมาว่าอีกฝ่ายอาจจะอยู่ด้านหลังตัวเองนานมากแล้ว แต่ตนกลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตัวสั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิม

“พี่ชายมีธุระ…เอ่อ เจ้าอยากหาเพื่อนเล่นใช่ไหม…มีคนหนึ่งชื่อซ่งเชวีย แล้วก็อีกคนชื่อจิ๋วต่าว ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้มีอีกคนที่ชื่อฟางหลินซึ่งเจ้าก็ได้เห็นแล้ว เจ้า…เจ้าไปเล่นกับพวกเขาเถอะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ ขณะที่ถอยกรูดว่องไว เขาก็มองเห็นว่าเด็กหญิงส่งยิ้มน่าขนลุกมาให้ตนเอง ทั้งยังเขยิบเข้ามาใกล้และสูดลมอย่างแรง

การสูดครั้งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกแค่เพียงเสียงอื้ออึงในสมอง พลังชีวิตทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกเขย่าคลอนขึ้นมาทันควัน คล้ายว่าจะถูกสูบออกไปจากในร่างกาย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เวลานี้พลังชีวิตย่อมหลุดออกไปจากร่างแล้วอย่างแน่นอน

ทว่ากล้ามเนื้อป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งแกร่ง แสงสีเงินของวิชาอมตะมิวางวายส่องประกายออกมาทันทีทันใด ขณะที่กำลังพยายามฝืนประคองตัวเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามเสียงแหลมรันทดออกมาหนึ่งเสียง ความรู้สึกถึงความเป็นความตายเช่นนั้นทำให้เขารีบหยิบยาประหลาดเม็ดที่สามออกมาแล้วโยนแรงๆ ออกไปไกลทันที

พริบตาที่ยาบินออกไป นัยน์ตาของเด็กหญิงก็เปล่งประสายแสงรุบรู่ราวกับว่าดีใจเป็นอย่างมาก ไม่สนใจป๋ายเสี่ยวฉุนอีก สะบัดร่างบินดิ่งไปหายาเม็ดนั้น

ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าขาวเผือด ฉวยโอกาสนี้หมุนตัว ระเบิดความเร็วตูมตาม โกยแนบไปไกลโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก

เด็กหญิงไม่ได้ตามไป หยิบเอายาขึ้นมาได้ก็วางไว้ในปาก ลูกตาดำยิ่งดำสนิท ใบหน้ามีรอยยิ้มแปลกแปร่ง มองไปไกลยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไป

———–

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version