Skip to content

A Will Eternal 160

บทที่ 160 พิฆาตศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ!

ชั่วขณะที่ลืมตาขึ้นมา ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นความดุร้ายของจิ๋วต่าว มองเห็นความเหี้ยมโหดของฟางหลิน มองเห็นนักพรตสร้างฐานรากทุกคน รวมไปถึงนิ้วชี้ของจ้าวโหรวที่ยื่นมาตรงหน้าห่างจากหว่างคิ้วตัวเองไม่ถึงหนึ่งชุ่นนี้ด้วย บนใบหน้างามล้ำนั้น ยามนี้เผยความเคียดขึ้งโหดร้าย

ในสายตาของเขา โลกทั้งใบคล้ายจับตัวแข็งตัวจริงๆ จากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า

เชื่องช้าจนเขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าของเขายามนี้ได้ยุติลง และกำลังแผ่กระจายดังตูมตามอยู่ในร่างกาย สุดท้ายมารวมตัวกันเป็นมหาสมุทรวิญญาณชั้นที่เก้าตรงจุดตันเถียน

มหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้น แต่ละชั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่าชั้นก่อนหน้า ขณะเดียวกันกับที่พลังวิญญาณไร้ที่สิ้นสุดไหลทะลักไปทั่วร่าง มหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นนี้ก็จับตัวแข็งอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายมาเป็น…ฐานรากแห่งนักพรต!

คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าชั่วขณะที่จุดสุดยอดแห่งชีพจรดิน น้ำขึ้นน้ำลงเก้าชั้นเสร็จสมบูรณ์นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งเพื่อสร้างฐานรากให้สำเร็จเหมือนฐานรากชีพจรดินคนอื่นๆ แต่สามารถ…จับตัวแข็งขึ้นมาได้ในชั่วพริบตาเดียว

หลังจากที่เกาะตัวแข็งแล้ว ความรู้สึกแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็แผ่กระจายไปทั่วร่างกายและจิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุน พลังวิญญาณของเขาไม่เคยกว้างใหญ่ขนาดนี้มาก่อน พลังชีวิตของเขาไม่เคยมีมากเพียงพอเท่านี้มาก่อน เขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งชีวิตอันน่าหวาดกลัวซึ่งกำลังแผ่ซ่านอยู่ทั้งในและนอกร่าง ซึ่งนั่นก็คือการแสดงถึงอายุขัยที่เพิ่มขึ้น

เช่นเดียวกัน เขายังสัมผัสได้ว่าผิวหนังคงกระพันของตัวเองได้ฝ่าทะลุขั้นไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ผิวหนังเงินคงกระพันอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นผิวหนังทองคงกระพัน!

การก้าวกระโดดในทุกด้าน ความแข็งแกร่งในทุกด้าน มาพร้อมกับลำดับชั้นของชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วไป นับแต่นี้เขาไม่ใช่มนุษย์ปุถุชนอีกแล้ว แต่ได้กลายมาเป็นนักพรตที่อยู่เหนือล้ำและหลุดพ้นจากความธรรมดาสามัญ…อย่างแท้จริง!

ทว่าค่าตอบแทนของสิ่งนี้…ก็มากมหาศาลเช่นเดียวกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจแล้วว่าอะไรคือคนเก่งชนะคนแพ้ถูกคัดออก เข้าใจแล้วว่าอะไรคืออ่อนแอเป็นเหยื่อแข็งแกร่งเป็นผู้ล่า เข้าใจแล้วว่าบนเส้นทางของการเป็นอมตะ ต่อให้ตัวเองไม่ชอบการรบราฆ่าฟัน แต่เส้นทางสายนี้ช่างเล็กแคบยิ่งนัก เขายินดีที่จะเดินไปพร้อมกับคนอื่น ทว่าคนมากมายกลับไม่ยอมเดินเคียงข้างเขา

และเขาก็ยิ่งเข้าใจแล้วว่า หลายครั้ง ใช่ว่าเจ้าอยากฆ่าคนอื่น แต่เมื่อคนอื่นมาฆ่าเจ้า หากเจ้าไม่หลับตารอความตาย ถ้าเช่นนั้นก็จำต้อง…ชักดาบสวนกลับ!

เขามองไปนอกถ้ำ เห็นความโหดร้ายทารุณรอบด้าน มองเห็นลูกศิษย์สำนักธาราเทพที่บาดเจ็บสาหัส มองเห็นโหวอวิ๋นเฟยที่มุมปากมีเลือดสดไหลซึมสลบไปเพราะฝืนประคองตัวอีกไม่ไหว

เขาซาบซึ้งใจถึงขั้นน้ำตาคลอ นี่คือสหายร่วมสำนักของเขา เป็นเหมือนคนในครอบครัวของเขา ลูกศิษย์สำนักธาราเทพทุกคน เขาไม่มีทางลืมเลือน

และเขาก็ยังได้เห็นศพของลูกศิษย์สำนักธาราเทพ ใจเขาเจ็บปวดราวถูกทิ่มแทงไม่ต่างไปจากตอนที่เห็นภาพโจวโหย่วเต้าตาย เขาโกรธแค้น ดวงตาเขาแดงฉานบ้าเลือด

ความโกรธแค้นนี้ไร้ที่สิ้นสุด!

เขาโกรธแค้นที่ทุกคนล้อมโจมตี โกรธแค้นที่ลูกศิษย์สำนักธารเทพต้องมาบาดเจ็บและล้มตายเพราะปกป้องตน โกรธแค้นที่เห็นๆ อยู่ว่าตนไม่ได้ไปหาเรื่องคนพวกนี้ แต่พวกเขาคิดจะเอาชีวิตของตน!

“ข้าบำเพ็ญตบะก็เพื่อเป็นอมตะ ไม่ยินดีที่จะรบราฆ่าฟัน ทว่านี่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะฆ่าคนไม่เป็น!” พริบตานั้นดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนกลายเป็นสีเลือด ย้อมให้โลกในสายตาของเขาเป็นสีแดงฉาน วินาทีนี้เองความเชื่องช้าของโลกใบนี้ก็สิ้นสุดลง!

“สหายร่วมสำนักธาราเทพต่อสู้เพื่อปกป้องข้า ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ต่อสู้เพื่อให้พวกเขาสร้างฐานรากได้เหมือนกัน!”

“สร้างฐานรากชีพจรดิน…ข้าต้องการให้ลูกศิษย์สำนักธาราเทพทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้สร้างฐานรากชีพจรดินกันทั้งหมด!” ความเคียดแค้นในใจป๋ายเสี่ยวฉุนลุกโหม วินาทีที่คำสาบานของเขาดังออกไป ทุกอย่างรอบด้านกลับคืนสู่สภาพปกติ จ้าวโหรวยังคงความอำมหิตเช่นเดิม นิ้วชี้ข้างขวาของนางกำลังจะเจาะทะลุหว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่ากลับต้องชะงักงัน ไม่สามารถเคลื่อนเข้าใกล้ได้อีกแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ว่ามือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนยกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เร็วจนจ้าวโหรวไม่ทันสังเกตเห็น คว้าหมับเข้าที่แขนของนาง

“ไม่!!” จ้างโหรวอึ้งงัน ท่ามกลางความพรั่นพรึงนางกำลังคิดจะหักแขนตัวเองเพื่อถอยหนี

ไอสังหารในดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสง บีบมือลงไปอย่างแรง เสียงกร๊อบดังลั่น จ้าวโหรวร้องโหยหวน ตลอดทั้งลำแขนแหลกละเอียดเป็นผุยผงทันที เวลาเดียวกันนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนลุกขึ้นยืน เดินออกมาหนึ่งก้าว กระแทกตัวลงไปบนร่างของจ้าวโหรว เสียงเปรี๊ยะๆ ดังออกมา หน้าอกของจ้าวโหรวยุบลงเป็นหลุมลึก นางหวีดร้องเสียงแหลมสูง กระอักเลือดสด ขณะที่พยายามจะหนีห่าง ทว่าทั้งร่างกลับแหลกสลายระเบิดออกดังตูม!

วินาทีที่แตกกระจายออก ฐานรากแห่งนักพรตในร่างของนางพังทลาย เพิ่งจะสร้างฐานรากสำเร็จ ปราณชีพจรดินยังไม่มั่นคง เวลานี้เมื่อนางตายและมันพังทลายลง ปราณชีพจรดินจำนวนมากจึงระเบิดออกมาจากร่างที่ละเอียดเป็นจุณของนาง ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ทั้งหมดก็ถูกผลักให้ตกลงไปบนจุดที่คนของสำนักธาราเทพอยู่

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตาเท่านั้น เส้นผมของป๋ายเสี่ยวฉุนปลิวไสว เดินออกไปอีกก้าวอย่างไม่รีรอ มาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬผู้หนึ่งที่สร้างน้ำขึ้นน้ำลงได้สองรอบ ความเร็วนั้นเร็วจนถึงขึ้นที่ลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬผู้นี้ไม่ทันตั้งตัว มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยกขึ้นมาวางทาบบนคอของลูกศิษย์สำนักธาราทมิฬผู้นี้และบีบแรงๆ เรียบร้อยแล้ว

เสียงกร๊อบดังหนึ่งทีก็แหลกละเอียด!

ร่างของเขาถูกเหวี่ยงไปตกอยู่ตรงจุดที่ลูกศิษย์สำนักธาราเทพรวมตัวกัน ร่างแตกสลายเช่นกัน และปราณชีพจรดินจำนวนมากก็ระเบิดออกมาไม่ต่างกัน

ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเดินหน้าออกไปอีกหนึ่งก้าว มาปรากฏกายอยู่หน้าลูกศิษย์สำนักธาราโลหิตอีกคนที่สร้างน้ำขึ้นน้ำลงได้สามครั้ง เหวี่ยงหมัดกระแทกลงไป ตลอดร่างของลูกศิษย์สำนักธาราโลหิตผู้นี้บวมเป่งแล้วระเบิดออกดังตูม

ไม่ได้หยุดพัก ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินออกมาเป็นก้าวที่สาม หยุดอยู่เบื้องหน้าลูกศิษย์สำนักธาราโอสถผู้หนึ่งที่สร้างน้ำขึ้นน้ำลงได้หนึ่งครั้ง แค่โบกมือ ปราณของเขตแดนธาราก็แผ่ออกมาจำนวนหนึ่ง เพียงแค่ปราณก็ทำให้ลูกศิษย์สำนักธาราโอสถผู้นี้เส้นเลือดขึ้นแดงฉานเต็มดวงตา จนกระทั่งระเบิดโพละ แม้แต่กะโหลกศีรษะก็ยังแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

และร่างของทั้งสองคนนี้ก็ถูกเหวี่ยงขึ้นไป ปราณชีพจรดินจำนวนมากที่ทะลักทลายออกมาล้วนไปรวมอยู่บนตัวของพวกลูกศิษย์สำนักธาราเทพ

จนกระทั่งตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงเพิ่งชะงักฝีเท้า และนับตั้งแต่ที่เขาฆ่าจ้าวโหรวมาจนถึงตอนนี้ ทั้งหมดทั้งมวลใช้เวลาเพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น!

หลังจากที่เขาหยุดฝีเท้าลง รอบกายก็มีเสียงแตกฮือดังลอยมา ทุกคนรอบด้านที่ล้อมโจมตี แต่ละคนมองเห็นด้วยความสะพรึงกลัวว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดิมทีนั่งทำสมาธิอยู่หายตัวไป เห็นอีกทีก็มาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าทุกคนแล้ว

วินาทีที่พวกเขามองเห็นได้ชัดเจน ร่างของจ้าวโหรวก็แหลกลาญไปแล้ว นักพรตสร้างฐานรากสำนักธาราโอสถ สำนักธาราทมิฬ และสำนักธาราโลหิตล้วนร่างแตกสลาย ขณะเดียวกันปราณชีพจรดินเข้มข้นอย่างถึงที่สุดก็ระเบิดตามมาทันควัน ทำให้ทุกคนของสำนักธาราเทพอึ้งตะลึงกันไปหมด

“สหายร่วมสำนักธาราเทพทุกท่าน รีบสร้างฐานรากชีพจรดินเดี๋ยวนี้ ข้าจะเป็นผู้พิทักษ์ให้พวกเจ้าเอง!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนดังราวกับเสียงฟ้าผ่า ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนของสำนักธาราเทพตัวสั่นเทิ้ม รีบนั่งขัดสมาธิทันที เริ่มดูดซับเอาปราณชีพจรดินเข้าไปในกาย

ปราณชีพจรดินที่ระเบิดออกมาจากร่างของนักพรตสร้างฐานรากตัวเป็นๆ เช่นนี้ สามารถถูกคนอื่นดึงดูดไปได้โดยตรง ต่อให้ไม่มีตัวล่อปราณชีพจรดินก็สามารถดูดซับไปสร้างฐานรากได้เช่นกัน!

ทุกอย่างนี้เร็วเกินไป เร็วจนทุกคนที่อยู่รอบด้านสมองอื้ออึง หนังหัวชาหนึบ ขณะที่เสียงดูดปราณดังออกมาอย่างฉับพลันนั้น วิกฤตความเป็นความตายรุนแรงระลอกหนึ่งระเบิดออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่พวกเขามองเห็นในเวลานี้

จิ๋วต่าวเบิกตากว้างจนแทบถลน ไม่อยากเชื่อสายตา ฟางหลินตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เลือดเนื้อทั้งหมดในร่างกำลังร้องเตือนเขาอย่างดุเดือด เตือนให้ฟางหลินรู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ น่ากลัวจนไร้คำบรรยาย

“เป็นไปไม่ได้!”

ขณะที่ทุกคนตะลึงพรึงเพริดกับภาพที่เห็นอยู่นั้นเอง ไอสังหารในดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งวาบ ลงมืออีกครั้ง เขาเดินออกมาหนึ่งก้าว ปรากฏกายอยู่ด้านหน้าจิ๋วต่าว กระแทกหมัดลงไปดังโครม

ในร่างของจิ๋วต่าวเกิดเสียงดังอึงอล เลือดสดๆ ไหลทะลัก เปล่งเสียงร้องแหลมบาดหู พลังวายชีวาตม์ที่มีระเบิดออกมาหมด ต่อต้านป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้เอาไว้ได้ สีหน้าเขาซีดเผือด ถอยหลังได้ก็ห้อตะบึงเผ่นหนีไปทันทีโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนวับไหว เจ้าจิ๋วต่าวผู้นี้ในร่างมีพลังมหัศจรรย์อย่างหนึ่งอยู่ สามารถตรึงพลังชีวิตเอาไว้ได้ การโจมตีต่อต้านตนเมื่อครู่นี้ แม้ว่าจะสู้ตนไม่ได้ ทว่าก็แข็งแกร่งเช่นกัน!

ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดร่าง ไม่ได้ไล่ตาม แต่มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าฟางหลิน สองนิ้วของมือขวายื่นตรงเข้าไปที่ลำคอของอีกฝ่าย

ไม่ว่าฟางหลินจะสกัดกั้นอย่างไร ไม่ว่าเขาจะร่ายเวทคาถาหรือใช้อาวุธวิเศษ แต่เวลานี้เมื่อเจอกับนิ้วมือทั้งสองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังต้องพังทลายลงไปหมด นิ้วมือของเขาบุกตะลุยราบเป็นหน้ากลอง ทำลายทุกสิ่งให้พินาศย่อยยับ เมื่อยื่นมาถึงลำคอของฟางหลินได้ก็บีบแรงๆ หนึ่งครั้ง!

ตรวนสลายลำคอ!

กร๊อบ ฟางหลินตาเหลือกถลน เลือดสดพุ่งกระเซ็น ฐานรากแห่งนักพรตเจ็ดชั้นในร่างกายพังทลายลงในพริบตา ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องเจ็บปวด ร่างถูกเหวี่ยงสะบัด ระเบิดตูมแหลกละเอียดลงเบื้องหน้าทุกคนของสำนักธาราเทพ กลายมาเป็นปราณชีพจรดินที่เข้มข้นกว่าเมื่อครู่หลายสิบเท่า ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนของสำนักธาราเทพตัวสั่น ดูดซับเอาไปอย่างบ้าคลั่ง

“อ่อนแอกว่าจิ๋วต่าวมากถึงขนาดนี้เชียวรึ?” สังหารฟางหลินได้ ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็วาววับ

ทว่าเวลานี้เอง ในร่างกายของฟางหลินที่แหลกลาญ กลับปรากฏไฟวิญญาณสีดำลูกหนึ่งพยายามจะหลบหนีออกไป แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าวแล้วคว้าเอาไว้ได้

ในไฟวิญญาณลูกนั้นมีใบหน้าหนึ่ง ทว่า…ไม่ใช่ใบหน้าของฟางหลิน แต่เป็นใบหน้าที่มีปานสีดำครึ่งหน้าตัดกับใบหน้าสีขาวอีกครึ่งหนึ่งคล้ายภาพหยินหยาง เขาจ้องเขม็งมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วอยู่ๆ ก็ยิ้มประหลาดส่งมาให้

“ช่างเถอะ ในเมื่อเมล็ดพันธุ์วิญญาณอย่างข้าได้เจอคนรุ่นเดียวกันที่น่าสนใจอย่างเจ้า ตายไปก็ถือว่าไม่เสียเปล่า ต่อไปพวกเรายังมีโอกาสได้เจอกันอีกแน่!”

เมื่อพูดจบไฟวิญญาณก็หายไปเอง ภาพนี้คนอื่นมองไม่เห็น แม้แต่เสียงพูดเมื่อครู่ก็ยังดังอยู่แค่ในจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้น

“แสร้งทำเป็นหลอกผีตบตา!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่นเสียงเย็น

จนกระทั่งถึงเวลานี้ ทุกคนรอบด้านถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอย่างแท้จริง แต่ละคนเปล่งเสียงร้องโหยหวน ถอยหลังกรูดอย่างรวดเร็ว ขวัญหนีดีฝ่อกันหมด พยายามหลบหนี

ป๋ายเสี่ยวฉุนยามนี้ ในสายตาพวกเขาก็คือเทพมาร!

“จ้าวโหรวตายแล้ว ฟางหลินก็ตายแล้ว จิ๋วต่าวบาดเจ็บสาหัสหนีไป!”

“สวรรค์ นี่…นี่ก็คือจุดสุดยอดของชีพจรดินน่ะหรือ!”

“เมื่อแปดร้อยปีก่อน อู๋จี๋จื่อแห่งสำนักธาราโลหิตก็คือจุดสุดยอดของชีพจรดิน ครั้งนั้นลูกศิษย์อีกสามสำนักที่เหลือในหุบเหวกระบี่อุกกาบาตแทบจะถูกสังหารจนหมดสิ้น”

ขณะที่เสียงโหยหวนดังเซ็งแซ่ ลูกศิษย์นับร้อยที่อยู่รอบด้าน แต่ละคนราวกับเป็นบ้า พยายามเต็มที่เพื่อหนีเอาชีวิตรอด จิตใจของพวกเขาสั่นระรัว สะท้านสะเทือนสุดขีดเพราะเจอความน่ากลัวของป๋ายเสี่ยวฉุน

เวลาเดียวกันนั้น ลูกศิษย์สำนักธาราเทพทุกคนตัวสั่น แต่ละคนตื่นเต้น เป่ยหันเลี่ยลมหายใจถี่กระชั้น เมื่อมองป๋ายเสี่ยวฉุน ความซับซ้อนในใจของเขามีเพิ่มมากขึ้น ทว่าระดับความยืนหยัดของเขากลับไม่ลดลง ใจที่ต้องการอยู่เหนือป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งขยายใหญ่

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ไล่ตามไป เขาสะบัดร่างหนึ่งครั้ง พอปรากฏตัวอีกทีก็มาอยู่ข้างกายโหวอวิ๋นเฟยแล้ว มือขวายกขึ้นตบลงไปบนร่างของอีกฝ่ายอย่างแรง ปราณชีพจรดินจำนวนมหาศาลถูกดูดมาหลอมรวมเข้าไปในร่างของโหวอวิ๋นเฟยทันที เข้าไปซ่อมแซมฐานรากแห่งนักพรตของเขา เพราะก่อนหน้านี้โหวอวิ๋ยเฟยปล่อยให้น้ำขึ้นน้ำลงหยุดชะงักกลางคัน เวลานี้เมื่อดึงดูดเอามาอีกครั้งจึงปรากฏลางที่จะเกิดน้ำขึ้นน้ำลงครั้งใหม่

โหวอวิ๋ยเฟยฟื้นขึ้นมา ยิ้มน้อยๆ ให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน

สำหรับสหายร่วมสำนักธาราเทพแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกซาบซึ้งใจ เขามองคนรอบด้านที่ต่างก็กำลังสร้างฐานรากชีพจรดิน แม้จะไม่สามารถทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงได้ถึงสามรอบ มากที่สุดก็แค่หนึ่งหรือสองครั้ง ต่อให้มีป๋ายเสี่ยวฉุนคอยช่วยเหลือ ทว่าเมื่อคนจำนวนมากต้องมาแบ่งปราณชีพจรดินกัน ก็ยังน้อยเกินไป

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เมื่อเรื่องนี้ถูกเล่าขานออกไปก็ยังคงเขย่าคลอนจิตใจของทุกคนได้

“ปราณชีพจรดินที่นี่มีน้อยเกินไป…” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะช่วยเพิ่มความเร็วให้โหวอวิ๋นเฟยดึงดูดเอาปราณชีพจรดินมาได้เร็วขึ้น ทว่าปราณชีพจรดินของที่นี่มีไม่มาก เขาเงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่น้ำวนเพียงลูกเดียวซึ่งเวลานี้ยังคงหมุนวนอยู่บนท้องฟ้าห่างไกลออกไป

นั่นก็คือน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าของซ่งเชวีย!

“ก่อนหน้านี้เจ้าให้คนมาสังหารฆ่า ขัดขวางน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าของข้า มาเยือนแล้วไม่ไปเยี่ยมกลับ ไม่ใช่นิสัยของข้าป๋ายเสี่ยวฉุน! ขัดขวางน้ำขึ้นน้ำลงของเจ้า ให้พี่ใหญ่โหวของข้าดึงดูดปราณชีพจรดินได้มากกว่าเดิม!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนคมกล้า ทว่ากลับลังเลเล็กน้อย สถานที่แห่งนี้มีลูกศิษย์อยู่ค่อนข้างเยอะ เขายังจำเป็นต้องคอยปกป้องคนเหล่านี้

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าไปเถอะ แม้ว่าเจ้าและข้าจะมีความแค้นต่อกัน ทว่าข้าไม่อยากให้สำนักธาราโลหิตปรากฏอู๋จี๋จื่อคนที่สองยิ่งกว่า เจ้าไปขัดขวางซ่งเชวีย ข้าจะปกป้องสหายร่วมสำนักเอง!” เป่ยหันเลี่ยสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยปากอย่างกะทันหัน เขาเองก็สัมผัสได้ว่าในร่างของตัวเอง น้ำขึ้นน้ำลงรอบต่อไปที่โรยราลง ยามนี้มีลางที่จะฟื้นตื่นขึ้นมาใหม่เช่นกัน

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเป่ยหันเลี่ยอย่างลึกล้ำหนึ่งครั้ง ในใจรู้สึกผิดและเสียใจ ทั้งยังรู้สึกปลดปลง ประสานมือโค้งตัวต่ำหนึ่งครั้ง หมุนร่างกลายเป็นรุ้งเส้นยาวทะยานขึ้นกลางอากาศ ตรงดิ่งไปหา…ซ่งเชวีย!

——

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version