Skip to content

A Will Eternal 171

บทที่ 171 ลอบฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน!

เผชิญหน้ากับคนของตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรรอบด้าน สายตาแตกตื่นแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งของทุกคน ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าชื่อเสียงของตนเองในยามนี้ต้องโชติช่วงชัชวาลไปหมื่นจั้งแล้วแน่นอน และใบหน้าตกใจของโหวอวิ๋นชิงที่เหมือนเพิ่งจะรู้ว่าคนที่ตัวเองพามาด้วย แท้จริงแล้วก็คือป๋ายเสี่ยวฉุนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วตงหลิน ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเย้ยหยัน ขณะเดียวกันก็แอบปลื้มปริ่มไปด้วย

“เลิกเสแสร้งได้แล้ว โหวอวิ๋นเฟยพี่ชายเจ้าเคยพูดถึงเจ้าให้ข้าฟังตั้งนานแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง ตบไหล่โหวอวิ๋นชิง

โหวอวิ๋นชิงลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย อันที่จริงเขาจำป๋ายเสี่ยวฉุนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในร้านแล้ว เนื่องจากเขาเป็นคนของตระกูลโหวจึงมีความทรงจำต่อป๋ายเสี่ยวฉุนล้ำลึกกว่าคนของตระกูลอื่น

เขารู้ว่าพี่ชายและน้องสาวของตนมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับป๋ายเสี่ยวฉุน ใจคิดอยากจะทำความรู้จักด้วย ทว่ากลับไม่รู้จะใช้วิธีใด ดังนั้นเมื่อครู่พอความคิดอันชาญฉลาดวาบขึ้นมา ใคร่ครวญว่าบุคคลยิ่งใหญ่อย่างป๋ายเสี่ยวฉุน หากอยากประจบเอาใจ ไม่ควรเข้าหาโดยตรงเกินไปนัก จำเป็นต้องเข้าหาด้วยวิธีอ้อมๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายต้องรู้สึกสบายใจอย่างมาก อีกทั้งยังเกิดความรู้อันดีต่อตัวเองด้วย

ดังนั้นตลอดทางจึงมีภาพเหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้น…ส่วนเรื่องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอาจรู้จักตัวเองนั้น ข้อนี้โหวอวิ๋นชิงก็เตรียมตัวมาแล้ว เพราะยังไงซะสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งตลอดทางของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำให้เขาพอเดาได้ อีกฝ่ายก็แค่ไม่คิดจะเปิดโปงตนเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ส่งผลต่อการแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วประจบสอพลอต่อไปของเขา

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองตู้หลิงเฟย สายตาของคนทั้งสองประสานกัน ทว่าเวลาพูดคุยเรื่องเก่าในยามนี้กลับถูกขัดจังหวะด้วยคนตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรรอบด้านที่ห้อมล้อมเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนของตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ ทุกคนล้วนมีท่าทีเคารพนบนอบอย่างถึงที่สุด พากันคารวะอย่างพร้อมเพรียง นัยน์ตาเผยความกระตือรือร้นเกินจะเปรียบ

ตู้หลิงเฟยยืนอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน มองเห็นคนตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรพูดจาสรรเสริญเยินยอป๋ายเสี่ยวฉุน โดยเฉพาะท่าทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าปกปิดความภาคภูมิใจไม่มิดนั้น ทำให้นางแย้มยิ้ม นัยน์ตาปรากฏแต่ละภาพเหตุการณ์ที่เทือกเขาลั่วเฉินในปีนั้นลอยขึ้นมาช้าๆ

ทว่าไม่นานนัยน์ตาของนางก็มีประกายซับซ้อนบางอย่างวาบผ่าน ถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจหนึ่งเสียง แต่วินาทีที่นางกำลังถอนหายใจอยู่นั้นเอง ตู้หลิงเฟยพลันหน้าเปลี่ยนสี เดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว หยุดยืนอยู่ข้างกายของป๋ายเสี่ยวฉุน

แทบจะเวลาเดียวกันกับที่นางเดินออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้นทันควัน กลางอากาศที่ห่างออกไปไกล เวลานี้มีรุ้งยาวสามเส้นพุ่งทะยานดังตูมตามรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ

ในรุ้งยาวสามเส้นนี้คือนักพรตสามคน ชายสองหญิงหนึ่ง สายตาทุกคนแฝงเร้นไว้ด้วยไอสังหาร ตบะสร้างฐานรากแผ่ออก ทะยานเข้ามาใกล้ทันใด

“ป๋ายเสี่ยวฉุน ตายซะเถอะ!” ทั้งสามคนเรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เข้ามาใกล้ได้ก็ลงมือพร้อมกัน พริบตาเดียวรอบด้านถูกกดอัดไว้ด้วยพลานุภาพสยบ พลังทำลายล้างระลอกหนึ่งระเบิดออกกลายมาเป็นควันพิษสีดำ พุ่งเข้ามากดทับป๋ายเสี่ยวฉุน

ในควันสีดำยังมีกระบี่บินเล่มหนึ่ง กลองหน้าเดียวใบเล็กหนึ่งใบ รวมถึงขวานอีกหนึ่งเล่ม อาวุธวิเศษสามชิ้นแผ่พลานุภาพคมกริบ ตรงเข้าเข่นฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน

คนของตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรรอบด้านตะลึงลานกันหมด แต่ละคนตัวสั่นเทิ้มลนลาน และพอสัมผัสได้ถึงตบะสร้างฐานรากของคนทั้งสามนี้ก็ยิ่งร้องอุทานเสียงหลง

“สร้างฐานราก!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสีทันที ชั่วลมหายใจก่อนหน้ายังลำพองใจอยู่หยกๆ ทว่าตอนนี้กลับแทนที่มาด้วยเลือดแห่งการต่อสู้ รูขุมขนทุกอณูในกายเขาล้วนขยายกว้าง วิกฤตอันตรายแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ดวงตาทั้งคู่ของเขาพลันเบิกโพลง ลูกตาดำหดตัว ความรู้สึกคล้ายกลับไปยังโลกกระบี่อุกกาบาต กลับไปยังเทือกเขาลั่วเฉิน

“พวกเจ้า…จะสังหารข้า?” ประกายในดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนลุกเรือง เผชิญหน้ากับการร่วมมือกันของนักฆ่าสามคน ป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถหลบเลี่ยงได้ ทว่าผู้บริสุทธิ์ที่อยู่รอบด้านย่อมไม่อาจหลีกพ้น ส่วนตู้หลิงเฟย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คิดว่ายากจะหลบพ้นเช่นกัน เพราะคนเหล่านี้ล้วนอยู่ในขั้นรวมลมปราณ แต่นักฆ่าทั้งสามนั้น…

คือสร้างฐานราก!!

แม้ว่าจะเป็นเพียงสร้างฐานรากวิถีมนุษย์ แต่ยังไงก็เป็นสร้างฐานราก อีกทั้งตบะล้วนอยู่ในช่วงต้นใกล้จะสมบูรณ์แบบ!

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาไม่ได้หลบเลี่ยง ก้าวมายืนอยู่หน้าตู้หลิงเฟยเหมือนเมื่อครั้งเทือกเขาลั่วเฉิน เมื่อยกมือขวาขึ้น แสงของผิวหนังทองคงกระพันตลอดร่างก็เปล่งจ้าบาดตา ร่างกลายมาเป็นสีทอง พลังสร้างฐานรากวิถีฟ้ามหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นในร่างกายระเบิดออกหมด เสียงตูมๆๆ ดังสนั่น คลื่นลูกแล้วลูกเล่าแผ่ซ่านไปทั่วร่างป๋ายเสี่ยวฉุน ทำให้ร่างกายของเขาคล้ายขยายขนาดไปไม่มีที่สิ้นสุด!

เบื้องหน้าเขาเกิดภาพมายาของมือขนาดยักษ์มือหนึ่ง ฝ่ามือนั้นก็เป็นสีทองเช่นกัน มันพุ่งออกหน้าเข้าขัดขวางอย่างเหี้ยมหาญ!

ใช้พลังของคนคนเดียวขัดขวางการร่วมมือกันของสร้างฐานรากวิถีมนุษย์ถึงสามคน!

ตู้หลิงเฟยมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยอาการเหม่อลอย มองเขาที่เลือกมายืนอยู่ด้านหน้าของตัวเองคล้ายเป็นไปตามจิตใต้สำนึก มองแผ่นหลังของเขา ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไร้ตัวตนอีกครั้ง ทุกภาพเหตุการณ์ในเทือกเขาลั่วเฉินทับซ้อนเข้ากับทุกอย่างเบื้องหน้านี้

สายตาของนางมีความซับซ้อนเกิดขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้สังเกตเห็นสักนิดเลยว่ามือขวาในชายแขนเสื้อของตัวเอง ยามนี้เกิดการพร่าเลือน เพียงแต่ว่าการพร่าเลือนนี้กลับคืนมาเป็นผิวขาวนวลเหมือนปกติอย่างรวดเร็ว

ทุกอย่างนี้พูดแล้วเหมือนยาว ทว่าในความเป็นจริงเกิดขึ้นในเวลาชั่วสายฟ้าแลบเท่านั้น แทบจะเวลาเดียวกันกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังสะท้อน รวมกับพลังของนักฆ่าทั้งสามคน กลายมาเป็นควันสีดำคล้ายยอดเขาไท่ซานที่กดทับลงมา

เสียงกัมปนาทดังออกไปทั่ว ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นครืน พื้นดินใต้ฝ่าเท้าปริแตก ทุกคนที่อยู่ในรัศมีสิบกว่าจั้งรอบกายเขาล้วนสั่นสะเทือน มีคนไม่น้อยกระอักเลือด แม้จะบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย

ส่วนตู้หลิงเฟยก็เนื่องจากได้รับการปกป้องของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เพียงแต่ว่านอกจากรัศมีสิบกว่าจั้งรอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว พื้นที่อื่น ยามนี้ตั่งจำนวนนับไม่ถ้วน ภูเขาจำลอง ต้นสน ล้วนพังทลายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

และควันสีดำนั้น เมื่อสัมผัสโดนมือป๋ายเสี่ยวฉุนก็แตกสลายทันที กระบี่บิน กลองเล็ก และขวานที่อยู่ด้านในถูกม้วนตลบออกไปหมด

ทั้งสามคนเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนสกัดกั้นเอาไว้ได้ในฝ่ามือเดียวก็พากันหน้าถอดสี กำลังจะลงมือต่อ ทว่าตอนนี้เอง เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนที่แฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นพลันดังก้อง

“พวกเจ้ารนหาที่ตาย!” ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งพรวดเข้าใส่คนทั้งสาม

ชายหนึ่งในนั้นหน้าเผือดสี กำลังจะถอยหลังกลับพบว่าสายไปเสียแล้ว ปีกด้านหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนโบกกระพือทีเดียวก็มาปราฎกายอยู่ด้านหน้าเขา สองนิ้วของมือขวายกขึ้น พลังของตรวนสลายลำคอระเบิดออก คว้าจับเข้าที่ลำคอของเขาแล้วบีบลงไปอย่างเหี้ยมโหด

เสียงกร๊อบดังลั่น ชายผู้นี้ตาค้าง กระอักเลือด ลำคอแหลกละเอียด ขณะเดียวกันร่างก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเหวี่ยงไปด้านหลัง สกัดกั้นอีกสองคนที่เหลือซึ่งฉวยโอกาสนี้ร่ายคาถากระบี่บินและขวาน

เสียงตูมๆๆ ดังสนั่น ศพของชายวัยกลางคนกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งเลือดทั้งเนื้อระเบิดปึงปัง ขณะเดียวกันนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็หมุนตัว ดวงตามีม่านหมอกสีเลือดพาดผ่าน ตลอดทั้งร่างดูเหี้ยมเกรียมอย่างถึงที่สุด และไอดุร้ายที่น่าตื่นตะลึงระลอกหนึ่งก็ปะทุแตกออกมา

ไอดุร้ายที่ว่านี้เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เทือกเขาลั่วเฉิน หลังหุบเหวกระบี่อุกกาบาต หลังจากเข่นฆ่าคนจำนวนเหลือคณานับจนก่อเกิดเป็น…จิตสังหาร!

นักพรตสร้างฐานรากหญิงหนึ่งชายหนึ่งนั้น เวลานี้หนังหัวชาหนึบ สำลักลมหายใจ ความแข็งแกร่งของป๋ายเสี่ยวฉุนเหนือล้ำเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้มาก

“นี่ก็คือสร้างฐานรากวิถีฟ้า…” ในใจของคนทั้งสองขมปร่า มองกันและกันหนึ่งครั้ง ถอยหลังกรูดทันควัน ในเมื่อไม่สามารถสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนได้ ยามนี้พวกเขาจึงคิดถอยร่นไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะยอมปล่อยพวกเขาไป

แทบจะวินาทีเดียวกันกับที่คนทั้งสองคิดหนี เส้นเลือดในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนแดงฉานมากขึ้น สะบัดร่างหนึ่งครั้ง ความเร็วของสร้างฐานรากระเบิดออกเต็มกำลัง ทั้งยังมีพลังของเขตแดนธาราที่ระเบิดตูมอยู่ในร่างกาย พริบตานั้นท้องฟ้ารอบด้านมืดครึ้ม พลานุภาพสยบน่าพรั่งพรึงพุ่งพรวดเข้าใกล้ ทำให้สองคนที่คิดหนีร้องอุทานเสียงหลง

เสียงอุทานนั้นเพิ่งจะดังออกไป ปีกด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุนกระพือขึ้นอีกครั้ง รวดเร็วจนร่างกลายเป็นเงาพร่าเลือน จนกระทั่งมาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าชายอีกคนหนึ่ง ชายผู้นี้หน้าเผือดสี พยายามหยุดยั้ง ทว่าต่อให้เขาจะเร็วสักแค่ไหน ก็เร็วสู้หมัดขวาที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการฝ่าทะลุพันธนาการขั้นที่หนึ่งของชีวิตไปแล้วไม่ได้

หมัดนี้ก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังกัมปนาทไร้ที่สิ้นสุด เมื่อเหวี่ยงกระแทกลงมาบนหน้าอกของชายผู้นั้นก็ดังราวเสียงฟ้าคำรณ ชายผู้นี้สั่นไปทั้งร่าง พละกำลังมหาศาลแตกพุ่งออกมาจากในกายสู่นอกร่าง ดวงตาทั้งคู่ระเบิดออกทันที อวัยวะตันห้าและอวัยวะกลวงหก กระดูกทั้งหมด เลือดเนื้อทั้งหมด นาทีนี้ระเบิดกึกก้องอย่างพร้อมเพรียง แหลกเละดั่งขี้โคลน

นักฆ่าคนสุดท้ายคือหญิงสาวผู้นั้น เวลานี้นางหวีดร้องเสียงแหลมด้วยความหวาดกลัว ถอยกรูดรวดเร็ว เห็นได้ว่าถอยออกไปไกลได้ร้อยจั้งแล้ว กำลังจะหนีไป ป๋ายเสี่ยวฉุนหันขวับ มือขวายกขึ้นชี้

“ลมปราณม่วง แปลงกระถาง!”

ชั่วขณะที่คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนปล่อยออกไป รอบกายหญิงสาวผู้นั้นปรากฏลมปราณสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วน ปราณสีม่วงเหล่านี้เกาะตัวเข้าหากัน โอบล้อมหญิงสาวผู้นั้นให้อยู่ตรงกลาง จากนั้นจึงก่อรูปเป็นกระถางสีม่วงขนาดยักษ์

มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนบีบลงไปอย่างแรง!

กระถางสีม่วงนี้เพิ่งจะปรากฏก็พลันแตกทลายออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย การพังทลายพาให้หญิงสาวที่ถูกปกคลุมอยู่ภายใน

มลายสิ้นทั้งกายและจิต!

รอบด้านเงียบสงัด ทุกคนมองป๋ายเสี่ยวฉุนตาค้าง สีหน้าเผยแววเคารพยำเกรงและตะลึงพรึงเพริด แม้พวกเขาจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของสร้างฐานรากวิถีฟ้า แต่จะยังไงก็คิดไม่ถึงว่านักพรตสร้างฐานรากสามคนร่วมมือกัน ไม่เพียงแต่ไม่สามารถสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนได้ ทั้งยังถูกเขาโจมตีกลับ ปลิดชีวิตคนทั้งสามได้ทันตาเห็น!

ขณะที่คนรอบด้านสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าตู้หลิงเฟยมืดคล้ำ เอ่ยปากขึ้นมาทันที

“เหตุใดสามคนนี้ปรากฏตัว ค่ายกลของเมืองตงหลินถึงไม่มีการเปิดใช้ ไปตรวจสอบให้ข้าโดยดูจากตระกูลที่เข้าเวรรับผิดชอบเฝ้าค่ายกล บอกกับคนตระกูลนั้นว่าข้ายังคงเป็นทูตแห่งเมืองนี้ สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่เพียงแค่คำอธิบายอย่างเดียวเท่านั้น!”

“ตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดของที่นี่ออกไปค้นหาทั่วเมืองเดี๋ยวนี้ ตรวจสอบอย่างเข้มงวด เป็นไปได้มากว่านักฆ่าไม่ได้มีเพียงสามคนนี้ ต้องยังมีคนอื่นหลงเหลืออยู่ด้วย!”

เวลาเดียวกันนั้นห่างออกไปไกลบนท้องฟ้า รุ้งยาวหลายเส้นคำรามเข้ามา หลังจากที่ได้ข่าวจากคนในตระกูลว่าป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ที่นี่ บุรพาจารย์รวมไปถึงผู้รับผิดชอบของตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรก็รีบรุดมาที่นี่อย่างว่องไว

เมื่อมาถึง ผู้อาวุโสของตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นก็มองเห็นคราบเลือดของที่แห่งนี้ทันที ต่างหน้าถอดสี และเมื่อได้ยินคำพูดของตู้หลิงเฟย ไอสังหารในตัวทุกคนก็เดือดพลุ่งพล่าน บุรพาจารย์คนหนึ่งในบรรดาคนเหล่านี้พลันหน้าซีดเผือด นั่นเป็นเพราะเดือนนี้ตระกูลของพวกเขารับผิดชอบอยู่เวรเฝ้าค่ายกล

“สหายนักพรตป๋าย เทพธิดาตู้ เรื่องนี้ข้าผู้แซ่หลี่จะต้องตรวจสอบให้รู้ชัด ไม่มีทางเพิกเฉยแน่นอน ความจงรักภักดีที่ตระกูลหลี่ของข้ามีต่อสำนักธาราเทพนั้น ฟ้าดินเป็นพยานได้!!”

————

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version