Skip to content

A Will Eternal 110

บทที่ 110 เนรเทศไปหุบเขาหมื่นอสรพิษ

ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมยาอยู่บนเขาจื่อติ่ง แม้ว่าควันดำที่ลอยออกมาส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้นเมฆกลางอากาศบนเขาจื่อติ่ง แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งลอยไปทางเขาชิงเฟิงเนื่องจากทิศทางลมของฤดูกาล

ในช่วงเวลาสั้นๆ ยังไม่เท่าไหร่ เพราะมันจะค่อยๆ สลายหายไป ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ แต่เมื่อสะสมในปริมาณมากเข้าทุกวันติดต่อกัน พอฝนกรดตกลงมาบนเขาจื่อติ่ง เขาชิงเฟิงก็เหมือนจะถูกกระตุ้นไปด้วย…

ในเวลานี้เดิมทีลูกศิษย์เขาชิงเฟิงจำนวนไม่น้อยกำลังมองดูเรื่องสนุก สำหรับการที่เขาเซียงอวิ๋นและเขาจื่อติ่งประสบภัยทำให้พวกเขาตกใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอยู่บ้างเช่นกัน แต่ในใจของทุกคนล้วนตั้งใจเอาไว้แล้วว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไปจะป้องกันอย่างเข้มงวดไม่ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ามาในเขาชิงเฟิงได้เด็ดขาด

ถึงขั้นที่ว่าเพื่อนสนิทบางส่วนของเฮยซานพั่งก็ยังพากันมาเตือนเฮยซานพั่งด้วย

แต่ในเวลานี้เอง หยาดฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเหนือเขาชิงเฟิง ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตะลึง แต่ละคนค้นพบอย่างน่าพรั่นพรึงว่า เหนือท้องฟ้าของเขาชิงเฟิงมีเมฆดำปรากฏขึ้นมาเช่นกัน

แม้ไม่หนาแน่นเท่าเขาจื่อติ่ง แต่ฝนที่ตกลงมาก็เป็นฝนกรดเช่นเดียวกัน สามารถกัดกร่อนเสื้อผ้าได้ไม่ต่างกัน ไม่นานเขาชิงเฟิงก็เกิดเสียงฮือฮาและแตกตื่นออกมาเป็นระลอก

ยิ่งมีเสียงกรีดร้องดังก้อง ทำให้ในเขาชิงเฟิงเกิดแสงกระบี่จำนวนไม่ถ้วนปรากฏออกมาในพริบตาเดียว พากันทะยานดิ่งมายังตีนเขาจื่อติ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังถูกลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งของเขาจื่อติ่งไล่ฆ่าอยู่

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!”

“สมควรตาย หรือว่าเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็แอบมาเขาชิงเฟิงของเราเหมือนกัน!”

“ต้องเป็นอย่างนี้แน่ เจ้าปีศาจคลั่งยาจอมชั่วร้าย เขาต้องแอบย่องมาหลอมยาที่เขาชิงเฟิงของเราแน่นอน!!”

ลูกศิษย์เขาชิงเฟิงเป็นบ้ากันไปหมด อาภรณ์บนร่างของคนไม่น้อยหายไปอย่างรวดเร็ว รีบเปลี่ยนชุดใหม่ แต่กลับไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นัก เขาชิงเฟิงอลม่านกันทันควัน แต่ละคนคำรามโกรธแค้น เกลียดชังและเคียดแค้นศัตรูคนเดียวกันกับเขาจื่อติ่ง ไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน

ซ่างเทียนกวานโย่วก็อยู่ในกลุ่มคนเช่นกัน อาภรณ์ของเขายังถือว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ยามนี้ความปรารถนาในการเข่นฆ่ากลับยิ่งรุนแรง ในที่สุดเขาก็หาโอกาสแก้แค้นให้กับความเจ็บปวดของตัวเองตอนอยู่ที่เทือกเขารกร้างเจอ

เสียงตูมตามดังสะท้อน เสียงร้องโหยหวนของป๋ายเสี่ยวฉุนดังลอยมา เขาอึ้งตะลึงไปทันที ลูกศิษย์เขาจื่อติ่งมาไล่ฆ่าตนเองก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ทำไมเขาชิงเฟิงถึงได้มาด้วย

โดยเฉพาะได้ยินคำพูดเหล่านั้นของลูกศิษย์เขาชิงเฟิง ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างถึงขีดสุด

“ข้าไม่ได้ไปเขาชิงเฟิงจริงๆ นะ!!”

“เจ้าโกหก!” ลูกศิษย์นับหมื่นของเขาชิงเฟิงเวลานี้ส่วนใหญ่ล้วนบุกออกมา ยังมีบางส่วนที่เหยียบอยู่บนกระบี่บินกลางอากาศลอยเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว พอได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามเดือดดาลทันที

แสงกระบี่คำรามเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนมากยิ่งขึ้น ยังมีลูกศิษย์ของเขาจื่อติ่งที่แต่ละคนร่ายเวทคาถาเข้าใส่ ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนกรีดร้องออกมา

“ข้าเคยหลั่งเลือดเพื่อสำนัก…”

ตูม! ลูกศิษย์เขาจื่อติ่งลงมือเช่นกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนต้องทะยานหนีเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่ง

“อ๊าก ข้าคือลูกศิษย์ผู้ทรงเกียรติ!!”

ตูมๆ! แสงกระบี่จำนวนไม่ถ้วนมาจากลูกศิษย์เขาชิงเฟิง ปีกด้านหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนบินกระพืออย่างรวดเร็ว แม้แต่หน้าผากก็ยังมีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา

“ข้าคือศิษย์น้องของท่านเจ้าสำนัก!” เขาแผดเสียงดังลั่น

“ต่อให้เจ้าเป็นลูกชายแท้ๆ ของท่านเจ้าสำนัก วันนี้ข้าก็จะต้องจัดการเจ้าให้ได้!!” ลูกศิษย์ของสองเขารวมตัวกัน ไม่รู้ว่าใครคำรามอย่างแค้นเคืองขึ้นมาก่อน ทำให้ลูกศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนตอบรับ ไล่ฆ่าเขาอีกครั้ง

“พวกเจ้า…พวกเจ้าไร้เหตุผล! ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคนแล้ว!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหนังหัวชาหนึบ เขารู้สึกว่าคนพวกนี้บ้ากันไปหมดแล้ว ตัวเองก็แค่หลอมยาเท่านั้น จำเป็นต้องทำกันขนาดนี้เชียวเหรอ

เวลานี้เขาหน้าม่อยคอตก เร่งความเร็วเต็มกำลังหลบหนีไปในพริบตาเดียว ตรงดิ่งไปยังเขาเซียงอวิ๋น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าลูกศิษย์เขาเซียงอวิ๋นนั้นอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย ที่นั่นต่างหากถึงจะเป็นบ้านของตน

ทุกคนไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุนมาจนถึงเขาเซียงอวิ๋น แต่ละคนเห็นกับตาตัวเองว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหนีหายไปอย่างรวดเร็วราวกับหนูที่ถูกเหยียบหาง พากันตะเบ็งเสียงโกรธแค้น และยังมีบางส่วนที่บุกขึ้นเขาเซียงอวิ๋นมาด้วยความวู่วาม

แต่ในเวลานี้เอง เสียงฮึเย็นชาแฝงไปด้วยความโกรธขึ้งพลันดังลอยออกมาจากยอดเขาเซียงอวิ๋น แผ่ดังไปทั่วแปดทิศราวเสียงฟ้าผ่า

“พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏรึ ไสหัวไป!”

เสียงดังกัมปนาทราวฟ้าผ่า ลูกศิษย์เหล่านั้นที่บุกขึ้นมายังเขาเซียงอวิ๋น แต่ละคนกระอักเลือด ล้มกระแทกลงไปทั้งตัว และยังมีพลังมหาศาลระลอกหนึ่งแผ่ออกมาผลักลูกศิษย์ทุกคนรอบด้านให้ถอยกรูดไป ขณะที่พากันตะลึงพรึงเพริดนั้นก็ได้สติขึ้นมาด้วย แต่ละคนมองหน้ากัน รู้ว่าเมื่อครู่ตนเองใจร้อนเกินไป จึงรีบก้มหน้าประสานมือ ถอยกรูดอย่างรวดเร็ว

ภาพความวุ่นวายเหล่านี้ถึงได้ค่อยๆ สลายหายไป

ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่บนเขาเซียงอวิ๋น มองภาพนี้ก็ให้ซาบซึ้งใจขึ้นมาโดยพลัน เขามีความรู้สึกฮึกเหิมเหมือนเวลาที่เด็กน้อยต่อยตีไม่ชนะแล้วผู้ปกครองตัวเองเป็นคนออกหน้าจัดการฟาดอีกฝ่ายให้

“ใช่ พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏรึไง โดยเฉพาะเขาชิงเฟิง พวกเจ้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ใจ ชี้ไม้ชี้มือกระโดดเหยงๆ กำลังจะบอกเขาชิงเฟิงว่าตัวเองไม่ได้ไปหลอมยาที่นั่น ทันใดนั้นความกดดันระลอกหนึ่งพลันมาเยือน ร่างของหลี่ชิงโหวปรากฏอยู่เบื้องหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ สะบัดปลายแขนเสื้อข้างขวาหนึ่งครั้ง ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนลอยออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ถูกหลี่ชิงโหวคว้าหมับเข้าที่หลังคอโดยตรง

“ท่านอาหลี่ ข้า…ข้าไม่ได้ไปเขาชิงเฟิงจริงๆ นะ…อ๊า!!” คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนขาดหายไปกลางคัน ใจหายวูบ รีบเอ่ยปาก แต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลี่ชิงโหวพาบินออกไป

ลูกศิษย์จำนวนมากของทั้งสองเขาที่กำลังจากไปพอเห็นภาพนี้เข้า ในใจก็ยินดีอย่างบ้าคลั่ง ลูกศิษย์ของเขาเซียงอวิ๋นเองก็เงยหน้าขึ้น แต่ละคนสีหน้าเหยเก ในใจถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง

“ป๋ายเสี่ยวฉุนซวยแน่แล้ว!”

“ทำให้ท่านผู้นำโกรธได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเละแน่”

“ใช่ท่านผู้นำคนเดียวเสียเมื่อไหร่ที่โกรธ คราวนี้ตลอดทั้งชายฝั่งทิศใต้บ้ากันไปหมดแล้ว” ขณะที่ในใจของคนมากมายเบิกบานอยู่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนหน้าซีดเผือด เขาพบว่าทิศทางที่หลี่ชิงโหวพาตัวเองไปคือ…

“หุบ…หุบเขาหมื่นอสรพิษ!! ท่านอาหลี่ข้าผิดไปแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าซีดเผือด กรีดร้องเสียงแหลมทันที

ไม่นาน หลี่ชิงโหวที่พาป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งร่ำไห้รำพันมาตลอดทางก็มาถึงหุบเขาหมื่นอสรพิษด้านหลังเขาเซียงอวิ๋น เพิ่งจะเข้ามา งูพิษเหลือคณานับก็เงยหน้าขึ้น ส่งเสียงขู่ฟ่อๆ ทั้งยังพ่นพิษออกมามากมาย

ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม โดยเฉพาะเมื่อเขาค้นพบว่าหลี่ชิงโหวยังพาตัวเองตรงดิ่งเข้าไปในถ้ำของหุบเขาหมื่นอสรพิษ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นไปทั้งตัว

“ข้าก็แค่อยากหลอมยาเท่านั้นเอง ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย…”

“ท่านอาหลี่ฟังข้าอธิบายก่อน ท่านก็เห็นว่าข้าทำตามเงื่อนไขของท่าน ข้าไม่ได้หลอมยาที่เขาเซียงอวิ๋นนะ ข้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนรนรีบอธิบาย แต่พออธิบายเช่นนี้ใบหน้าของหลี่ชิงโหวก็ยิ่งดำคล้ำ เพิ่มความเร็ว พริบตาเดียวก็บินเข้ามาอยู่ในถ้ำ

รอบด้านมืดสนิท แต่ก็พลันมีดวงตาเย็นชาหลายคู่ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วในพริบตานั้น จ้องมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนและหลี่ชิงโหวด้วยความเยียบเย็น โดยเฉพาะเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนใช้ตบะของตัวเองในเวลานี้มองไป เขาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจไม่น้อยอย่างชัดเจนกว่าที่เคย

เขาค้นพบอย่างน่าตื่นตะลึงว่าระดับความน่ากลัวของที่นี่รุนแรงกว่าที่ตัวเองคิดไว้หลายเท่า

โดยเฉพาะเมื่อเขามีความรู้เกี่ยวกับสัตว์วิเศษทั้งห้าบทแล้ว ยามนี้พอกวาดสายตามองไป แม้ว่าที่นี่จะมืดมิด แต่เมื่อเคลื่อนพลังวิญญาณก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน มองออกว่างูเหล่านี้คืองูอะไรบ้างง ในสมองมีข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับงูพวกนี้ลอยขึ้นมา

“งูสามก้าว!”

“งูเหลือมรุ่งอรุณ!”

“นี่คือ…งูเงินทอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงพรึงเพริด ตามที่บันทึกเอาไว้ในสัตว์วิเศษห้าบท พิษของงูเหล่านี้ร้ายกาจเกินจะเปรียบ แม้แต่นักพรตขั้นสร้างฐานรากเองหากจัดการไม่ทันเวลาก็ยังถูกพิษฆ่าเอาได้

จนกระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป หลี่ชิงโหวพาป๋ายเสี่ยวฉุนมาโผล่ที่จุดลึกของถ้ำงูแห่งนี้ ที่นี่มีลานใต้ดินเปิดกว้างอยู่แห่งหนึ่ง งูจำนวนนับไม่ถ้วนรอบด้านส่งเสียงขู่ฟ่อ และยังมีอีกเจ็ดแปดตัวที่แผ่ตบะเทียบเคียงกับพลังรวมลมปราณขั้นแปดออกมา ดวงตาแดงก่ำ พิษที่หยดออกมาจากปากทำให้พื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อ ดูน่าสยดสยอง

ห่างออกไปไม่ไกลมีห้องหินอยู่หนึ่งห้อง รอบด้านคล้ายว่ามีค่ายกลบางอย่างปกคลุม ทำให้ในรัศมีสิบจั้งไม่มีงูเข้าไปใกล้ แต่ต่อให้ไม่เข้าใกล้ก็ยังโอบล้อมไว้แน่นขนัด ซึ่งก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกได้ถึงวิกฤตความเป็นความตายที่รุนแรงเช่นเดียวกัน

เสียงอู้ดังหนึ่งครั้ง หลี่ชิงโหวสะบัดแขนเสื้อหนึ่งทีนอกห้องหิน แล้วโยนป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปด้านในห้องหินตรงๆ

“เจ้าอยากจะหลอมยานักไม่ใช่เหรอ งั้นก็หลอมที่นี่ สถานที่แห่งนี้มีธรณีอัคคี ในห้องหินมีเตาหลอม อยู่ที่นี่เจ้าก็จะไม่รบกวนลูกศิษย์คนอื่นอีก” หลี่ชิงโหวส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาหนึ่งครั้ง แล้วก็โยนถุงเก็บของอีกหนึ่งใบมาให้ป๋ายเสี่ยวฉุน

“ในนี้มีพืชหญ้าและอาหารที่มากเพียงพอ เจ้าอยู่ที่นี่เงียบๆ ทำตัวให้ดี รอจนนิสัยสุขุมขึ้นมาบ้างแล้ว ข้าค่อยมาพาเจ้าออกไป” หลี่ชิงโหวถลึงตาดุใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งครั้ง ตอนที่ก้มหน้าลงก็มองไปยังค่ายกลรอบด้าน หลังจากแน่ใจแล้วว่าค่ายกลนี้ไร้ช่องโหว่ถึงได้บินจากไป เขาเองก็จนใจเช่นกันถึงได้เลือกวิธีนี้ ต้องการขัดเกลานิสัยเกเรของป๋ายเสี่ยวฉุนให้ดีขึ้นในทีเดียว

แต่ในใจก็เป็นกังวลเช่นกัน ดังนั้นเมื่อครู่ถึงได้ตรวจดูค่ายกลเหล่านั้น เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นปกติถึงได้จากไปอย่างวางใจ ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อป๋ายเสี่ยวฉุน อีกฝ่ายไม่มีทางย่างกรายออกมาจากค่ายกลเด็ดขาด

ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าม่อย มองดูหลี่ชิงโหวบินจากไป งูเหล่านั้นที่อยู่รอบด้าน พอไม่มีพลังกดดันของหลี่ชิงโหวก็พากันเลื้อยยั้วเยี้ยมาล้อมห้องหินที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ทันที แต่ละตัวแสยะปากแยกเขี้ยว ยังมีอีกหลายตัวที่ถึงขั้นพยายามโจมตีค่ายกล พ่นพิษออกมาแทบจะตลบอบอวลไปรอบด้าน

ที่ห่างออกไปอีก งูพิษที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดพวกนั้น แต่ละตัวมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยแววตาเย็นชา ทำท่าทางราวกับจะเขมือบเขาลงไป ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหายใจถี่กระชั้น

“นี่คืองูเทพโลหิต มีพลังเทียบเคียงกับลมปราณขั้นแปด พิษหยดเดียวก็สามารถฆ่าคนได้นับหมื่นคน!”

ที่ยิ่งทำให้เขาแตกตื่นก็คือเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในถ้ำที่ไม่รู้ว่ากว้างใหญ่เท่าไหร่แห่งนี้ ยังมีปราณที่เทียบได้กับรวมลมปราณขั้นเก้าอีกสามปราณ และยังมีอีกสองปราณที่มีพลังรวมลมปราณขั้นสมบูรณ์แบบ

อีกทั้งคลื่นพลังนี้ไม่ได้แผ่ออกมาจากนักพรต แต่เห็นชัดว่าเป็นของงูพิษในสถานที่แห่งนี้

ที่ทำให้เขาหวาดผวามากที่สุดคือเขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าดูเหมือนจะมีคลื่นเคลื่อนไหวที่ลึกลับยิ่งกว่า แฝงไว้ด้วยความดุร้าย ที่คล้ายกำลังจับจ้องตนอยู่ในความมืด

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่นานท้องฟ้าด้านนอกก็ค่อยๆ มืดลง ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้านิ่วคิ้วขมวด ทอดถอนใจ

“จะทำยังไงดี…”

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version