Skip to content

A Will Eternal 109

บทที่ 109 ฝนตกปรอยๆ ที่เขาจื่อติ่ง…

หนึ่งเดือนแรกที่มาอยู่เขาจื่อติ่ง ถ้ำที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืมใช้เงียบสงบดีมาก ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อลูกศิษย์เขาจื่อติ่งเลยแม้แต่นิดเดียว จางต้าพั่งเองก็วางใจลงมาได้ บางครั้งมาหาที่ถ้ำก็เห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมยาอยู่ในนั้น นานวันเข้าจึงมาหาน้อยครั้งลง

แต่…หนึ่งเดือนต่อมา

ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งประกาย มองไปยังยาที่อยู่เบื้องหน้า พอมองอย่างละเอียดแล้วก็หัวเราะร่าเสียงดังขึ้นมา สีหน้าฮึกเหิม ตลอดหนึ่งเดือนมานี้เขาหลอมยาสี่ครั้ง ทุกครั้งล้วนทดลองหาหนทางใหม่ในการกำจัดสิ่งเจือปน เวลานี้ในที่สุดเขาก็หาหนทางใหม่อีกเส้นเจอแล้ว

“ใช้พลังภายนอกอย่างสายฟ้ามากำจัดสิ่งเจือปนคือวิธีการอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกัน ให้ภายในของยาวิเศษหลอมละลายสิ่งเจือปนไปด้วยตัวเองก็คือวิธีหนึ่งเช่นกัน!”

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนนี่ช่างเป็นอัจฉริยะเสียจริง ฮ่าๆ ข้ารู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไร ข้าต้องใช้หลักการส่งผลกระทบต่อกันและกันของพืชหญ้า ขณะที่หลอมยาวิเศษก็ยืมใช้พลังเผาไหม้ที่เกิดจากการส่งผลกระทบต่อกันและกันมาเผาสิ่งเจือปนของยาวิเศษ บีบให้สิ่งเจือปนเหล่านั้นออกมา เมื่อเป็นเช่นนี้ สุดท้ายแล้วเมื่อยาวิเศษออกมาเป็นรูปเป็นร่างก็จะไม่ใช่ยาพิษอีก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดก็ยิ่งฮึกเหิม เขาสูดลมหายใจเข้าลึก หลอมยาต่อทันที

พืชหญ้าแต่ละต้นหลังจากถูกเขาจัดการก็โยนเข้าไปในเตาหลอม ทั้งยังอิงตามความคิดของตัวเองโดยใส่พืชหญ้าที่ไม่จำเป็นสำหรับการหลอมยาวิเศษลงไปอีกไม่น้อย และคอยจดบันทึกเอาไว้

สี่วันต่อมา ป๋ายเสี่ยวฉุนตกอยู่ในสภาพบ้าคลั่งอีกครั้ง เดินอ้อมวนเตาหลอมไปมาไม่หยุดพัก บางครั้งก็ปรับไฟใต้เตา บางครั้งก็เพิ่มยาวิเศษลงไป ทั้งยังทำให้เจือจาง หรือไม่ก็ทำให้เข้มข้นตามสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป

ไม่นาน กลางดึกของค่ำคืนนี้ จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิม ตอนที่มองมายังเตาหลอม ในเตาหลอมแห่งนี้ส่งเสียงเปรี๊ยะปร๊ะออกมา เตาหลอมสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็ว ควันดำระลอกหนึ่งลอยขโมง ควันดำนี้ทำให้คนสำลัก คล้ายกับว่ามีพิษอยู่ ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง รีบไล่ควันดำกลุ่มนี้ออกไปนอกถ้ำ ขณะที่มันลอยขึ้นไปกลางอากาศ เกินครึ่งยังคงหลงเหลืออยู่ในชั้นเมฆกลางอากาศบนเขาจื่อติ่ง และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ในสายลม ลอยโชยไปยังเขาชิงเฟิงอย่างเงียบเชียบ

จนกระทั่งในถ้ำไม่มีควันดำเหลืออีกแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบมาอยู่ข้างเตาหลอม ก้มหน้าลงไปมอง ในเตาปรากฏยาหนึ่งเม็ด เขาหยิบขึ้นมาดู แม้ว่าจะยังคงเป็นยาพิษ สิ่งเจือปนยังคงมีเก้าส่วนขึ้นไป แต่กลับลดลงมาหนึ่งส่วนย่อยจากสิบส่วนก่อนหน้า กลายเป็นเก้าส่วนแปดเก้าส่วนย่อย

ป๋ายเสี่ยวฉุนดีใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว อันดับต่อไปจำเป็นต้องทดลองอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งหาวิธีจับคู่ที่ดีที่สุดเจอ

“ฮ่าๆ ข้าหลอมยาครั้งนี้มีการเคลื่อนไหวน้อยมาก ไม่มีฟ้าผ่า ไม่มีเสียงดังกัมปนาท แล้วก็ไม่ส่งผลกระทบกับคนอื่นด้วย” ป๋ายเสี่ยวฉุนดีใจอย่างมาก เขาก็ไม่อยากทำให้ลูกศิษย์คนอื่นโกรธเคืองเพราะการหลอมยาของตัวเองเหมือนกัน

เวลานี้รู้สึกพึงพอใจ นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้าง หลังจากฝึกคัมภีร์มังกรคชสารแปลงมหาสมุทรและวิชาอมตะมิวางวายที่ต้องฝึกทุกวันเสร็จแล้ว ก็เริ่มร่ายวิชาเขตแดนธาราอีกครั้ง

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็กลับมาอยู่ข้างเตาหลอม เริ่มหลอมยา

ครั้งนี้เขามุมานะอย่างถึงที่สุด จะต้องหลอมยาสี่ห้าเตาทุกวัน ทุกครั้งล้วนมีควันดำลอยโขมงขึ้นมา พอถูกป๋ายเสี่ยวฉุนไล่ออกไปนอกถ้ำก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ

จนกระทั่งสิบวันต่อมา เขาค้นพบอย่างตกใจระคนดีใจว่ายาพิษที่เขาหลอมสิบครั้ง มีอยู่สี่ครั้งที่สิ่งเจือปนลดลงมาอีก ตอนนี้เหลือแค่เก้าส่วนเจ็ดแปดส่วนย่อยเท่านั้น ถือว่าลดลงมาเยอะมากหากเทียบกับเมื่อก่อนที่มีสิบส่วนเต็ม

ไม่เพียงท่านี้ ห้าในสิบครั้งที่หลอมยาได้สำเร็จ สิ่งเจือปนก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าหากทำเช่นนี้ต่อไป การที่จะหลอมสิ่งของระดับกลางในยาวิเศษระดับสามออกมาได้ก็ใกล้จะสำเร็จในไม่ช้าแล้ว

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่สนใจเรื่องราวภายนอกอีกราวกับกำลังปิดด่าน เริ่มหลอมยาอย่างบ้าคลั่ง คอยจดบันทึกอย่างต่อเนื่อง ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา จำนวนครั้งที่หลอมยาของแต่ละวันพุ่งสูงมากถึงเจ็ดแปดครั้ง ทุกวันจะต้องมีควันดำปริมาณมากลอยออกไปจากในถ้ำ พอโชยขึ้นไปกลางอากาศก็สลายหายไป เวลาผ่านไปอีกครึ่งเดือน เขาค้นพบอย่างน่าตื่นเต้นว่า สิ่งเจือปนของยาพิษที่หลอมออกมาลดลงเหลือเก้าส่วนห้าส่วนย่อยแล้ว

และหลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมาอยู่เขาจื่อติ่งแห่งนี้ได้สองเดือน หลายคนของเขาเซียงอวิ๋นล้วนหายใจหายคอได้คล่องขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไปไหน ต่างพากันดื่มด่ำกับความสงบสุขที่กลับคืนมาอีกครั้งของเขาเซียงอวิ๋น

ลูกศิษย์ของเขาจื่อติ่งนอกจากจางต้าพั่งแล้ว คนอื่นๆ ล้วนไม่รู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมาหลอมยาอยู่ที่เขาจื่อติ่ง และไม่นานเรื่องราวแต่ละอย่างที่เกิดจากการหลอมยาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้แพร่มาถึง ขณะที่แต่ละคนพากันแตกตื่น จางต้าพั่งก็ตัวสั่นเทาไปหมด

เขาคิดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ที่เขาเซียงอวิ๋น แม้ว่าจะตึงเครียด แต่เห็นว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่อย่างเงียบสงบดี ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบอะไร ในใจก็ค่อยๆ สงบลงมาได้

เวลาผันผ่าน อีกหนึ่งเดือนผ่านพ้นไป การหลอมยาของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าสู่เดือนที่สามแล้ว ในถ้ำของเขา ควันดำที่พวยพุ่งขึ้นมายิ่งมีเยอะ ถึงขั้นดึงดูดความสนใจจากลูกศิษย์เขาจื่อติ่งได้ แต่กลับไม่มีใครคิดอะไรมาก…

ในใจของจางต้าพั่งยิ่งรู้สึกวางใจมากขึ้น เพียงแต่ว่าไม่นานมานี้มีเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย เพราะเขาจื่อติ่งเริ่มมีฝนตก ฝนนี้แปลกประหลาดอย่างมาก มาตกอยู่แค่ที่เขาจื่อติ่ง ไม่ไปตกที่อื่น

และฝนนี้ก็ค่อนข้างสกปรก พอตกลงมาโดนตัวจะกลายเป็นจุดโคลน ไม่นานขณะที่ลูกศิษย์หลายคนของเขาจื่อติ่งเริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล การหลอมยาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไปถึงขั้นสติแตก…จำนวนครั้งในการหลอมยาของเขาแต่ละวันเกินสิบห้าครั้ง

น้อยครั้งที่จะมีช่วงหยุดพัก ร่างทั้งร่างอิดโรย แต่ยาพิษของเขา สิ่งเจือปนก็ลดลงไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน เวลานี้ได้ไปถึงระดับเก้าส่วนสองสามส่วนย่อยแล้ว

“อีกแค่ไม่กี่เดือน ข้ามั่นใจว่าจะต้องทำให้สิ่งเจือปนลดลงมาต่ำกว่าเก้าส่วน เรียกว่ายาวิเศษระดับล่างได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ขณะที่จมจ่อมอยู่กับการหลอมยาต่อไป บนเขาจื่อติ่ง ไม่นานเสียงฮือฮาด้วยความตกตะลึงก็ดังลอยออกมา

เวลานี้จางต้าพั่งกำลังเดินอยู่บนทางเล็กๆ ของเขาจื่อติ่ง พลันสัมผัสได้ว่าน้ำฝนที่หล่นมาจากฟ้าค่อยๆ แรงขึ้น ถึงขั้นที่ว่าเมื่อฝนนี้ตกลงมา เขายังได้กลิ่นเปรี้ยวระลอกหนึ่งด้วยซ้ำ แล้วก็ต้องเบิกตากว้างตามมาติดๆ เมื่อเขาเห็นว่ายามน้ำฝนนี้ตกลงมาโดนตัว ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่เสื้อผ้าของเขา…พอเปียกแล้วกลับ…ละลายหายไปอย่างเห็นได้ชัด

จางต้าพั่งตาเหลือก อึ้งไปครู่หนึ่งก็เปล่งเสียงร้องตื่นตะลึง เขาค้นพบอย่างน่าหวาดหวั่นว่าเสื้อผ้าของตัวเองหายไปแทบจะเกลี้ยงแล้ว ภาพนี้ทำให้จางต้าพั่งรีบวิ่งปรู๊ดตรงดิ่งไปยังที่พัก

แต่เสียงร้องแตกตื่นดังไปตลอดทาง จางต้าพั่งมองตลอดทั้งเขาจื่อติ่งอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เวลานี้เสื้อผ้าของลูกศิษย์ทุกคนล้วนชำรุดเสียหาย ใครก็ตามที่เปียกน้ำฝน เสื้อผ้าจะละลายไปอย่างรวดเร็ว ถึงกระทั่งที่ว่าบางคนดวงซวย เวลานี้เสื้อผ้าแทบจะละลายเกลี้ยง เปล่งเสียงร้องแหลมเศร้า

“สวรรค์ นี่มัน…นี่มันเรื่องอะไรกัน!!”

“เสื้อผ้าของข้า!!”

“นี่มันฝนอะไรกัน เปรี้ยวๆ แม้ว่าจะไม่ส่งผลอันตรายต่อตัวคน แต่กลับกัดกร่อนเสื้อผ้าได้!!”

“บัดซบเอ๊ย แสงคุ้มกันก็ช่วยไม่ได้!” เขาจื่อติ่งในยามนี้บ้าคลั่งกันไปหมด นอกเสียจากว่าจะรีบหลบฝนอย่างรวดเร็ว หาไม่แล้วต่อให้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ก็ยังละลายหายไปในพริบตา

เมื่อมองออกไป ตลอดทั้งเขาจื่อติ่งวุ่นวายอย่างสมบูรณ์แบบ ลูกศิษย์ฝ่ายในบางส่วนที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญก็เป็นบ้ากันไปเช่นกัน ในชีวิตของแต่ละคนล้วนไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ส่วนลูกศิษย์หญิงก็ยิ่งกรีดร้องกันไม่หยุด

แม้แต่ผู้อาวุโสของเขาจื่อติ่งก็ยังอึ้งงัน ถึงขั้นที่ว่าผู้อาวุโสบางคนกำลังสอนเวทคาถาอยู่ด้านนอก พอฝนเทซ่าลงมา ร่างก็พลันเย็นวาบ…

เวลาเดียวกันนี้ มีคนไม่น้อยเห็นว่าถ้ำที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่มีควันดำปริมาณมากลอยขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง เมื่อมันลอยขึ้นไป น้ำฝนนี้ก็ยิ่งกัดกร่อนเสื้อผ้ามากขึ้น

ขณะที่ควันดำนี้ปรากฏขึ้นมา ลูกศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งฝืนที่จะปกปิดร่างกาย สีหน้าแตกตื่น ห้อทะยานไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว แต่กลับพุ่งเข้าไปในกลุ่มควันดำ

ตอนที่ออกมา ร่างกายของเขาไม่เหลือเสื้อผ้าอยู่แม้แต่ชิ้นเดียว…ลูกศิษย์ฝ่ายในผู้นี้อึ้งงันไปครู่ก็เปล่งเสียงร้องโหยหวน สายฟ้าตลอดร่างระเบิดออก ใช้สายฟ้าบดบังร่างแล้วรีบเปลี่ยนอาภรณ์อย่างรวดเร็ว แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังคงละลายอยู่

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครอยู่ในถ้ำนี้ โผล่หัวออกมา!” ลูกศิษย์ฝ่ายในผู้นี้…ก็คือหลู่เทียนเหล่ย

คนอื่นๆ ยามนี้ก็มองเห็นสาเหตุของปัญหาเช่นกัน พากันคำรามอย่างแค้นเคือง

“สมควรตายเอ๊ย ตรงนั้นเอง!! ข้าเห็นแต่แรกแล้วว่ามันทะแม่งๆ ถ้ำแห่งนี้เดิมทีไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่หลายเดือนมานี้มักจะมีควันดำปรากฏออกมาบ่อยๆ!”

“ควันดำนี่ก็คือตัวการของเรื่องนี้ มันลอยขึ้นไปกลางอากาศอยู่หลายเดือน ส่งผลกระทบกับสภาพอากาศ ถึงได้มีฝนกรดแบบนี้ตกลงมา!!”

ขณะที่ทุกคนพากันเอ่ยปากอย่างโกรธแค้นอยู่นั้น จางต้าพั่งหลบอยู่ใต้ชายคา มองทุกอย่างด้วยความอึ้งงัน ในสมองของเขาพลิกคว่ำคะมำหงายไปอย่างสิ้นเชิง มองสายฝนนั้นเขาก็พลันเข้าใจความรู้สึกของเขาเซียงอวิ๋นขึ้นมา…

และตำแหน่งยอดเขา ผู้นำเขาจื่อติ่งอย่างสวีเหม่ยเซียงก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น นางอยู่ในหอเรือนไม่กล้าออกไปด้านนอก มือขวายกขึ้นชี้ไปที่ท้องฟ้า ทันใดนั้นบนเขาจื่อติ่งก็มีม่านแสงของค่ายกลปรากฏขึ้นมาชั้นหนึ่ง เมื่อม่านแสงนี้ปรากฏขึ้นจึงสามารถสกัดกั้นเม็ดฝนจากด้านนอกเอาไว้ได้

แต่เห็นได้ชัดว่าต่อให้เป็นม่านแสงนี้ก็ยังถูกฝนกัดกร่อนไปอย่างรวดเร็ว

ถือโอกาสช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ไม่มีฝนตกนี้ ลูกศิษย์ทุกคนของเขาจื่อติ่งล้วนรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่องไว ไฟโทสะของแต่ละคนลุกโชน ไอสังหารตลบอบอวล ตรงดิ่งไปยังถ้ำที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่

เวลาเดียวกันนั้น มีลูกศิษย์ของเขาเซียงอวิ๋นหลายคนมองเห็นม่านแสงคุ้มกันของเขาจื่อติ่ง และก็มองเห็นฝนที่ตกลงบนเขาจื่อติ่งด้วย แต่ละคนพากันแปลกใจ

“เกิดอะไรขึ้นกับเขาจื่อติ่ง?”

แต่ขณะที่พวกเขากำลังสงสัยกันอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นเสียงของคนจำนวนนับไม่ถ้วนก็รวมตัวกันกลายเป็นเสียงแห่งความแค้นเคืองที่แผดก้องฟ้า ดังลอยมาจากเขาจื่อติ่ง

“ป๋าย เสี่ยว ฉุน!!”

เสียงนี้ดังไปทั่วสารทิศ เหมือนเขาเซียงอวิ๋นจะสั่นสะเทือนเล็กน้อยด้วย ลูกศิษย์ทุกคนของเขาเซียงอวิ๋นจิตใจหวาดหวั่น ในสมองของแต่ละคนเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ในพริบตาเดียว

“ป๋ายเสี่ยวฉุนไปหลอมยาที่เขาจื่อติ่ง!”

“ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน ท่านผู้นำไม่ให้เขาหลอมยาที่เขาเซียงอวิ๋น เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ไปที่เขาจื่อติ่ง!!”

ขณะที่ลูกศิษย์ของเขาจื่อติ่งล้วนบ้าคลั่งกันไปหมด ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องโหยหวนหนึ่งครั้ง ห้อทะยานออกมาด้วยความรวดเร็ว เขาตกใจเสียจนอกสั่นขวัญบิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกกล้ำกลืน เมื่อครู่เขากำลังหลอมยาอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้นถ้ำที่เขาอาศัยอยู่ก็ถูกเวทคาถาจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีจนเปิดออก ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างตื่นตะลึง ก็เห็นสายตาโกรธแค้นจากคนจำนวนมากที่อยู่รอบกาย

โดยเฉพาะหลู่เทียนเหล่ยที่สายฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่วร่าง บุกเข้ามาหาเขาเป็นคนแรก

ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนรีบกระพือปีกด้านหลังหนึ่งครั้ง ฝ่าออกไปด้วยความรวดเร็ว ขณะที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด ไฟโทสะยังตามหลังเขามาอย่างต่อเนื่อง ลูกศิษย์เขาจื่อติ่งนับหมื่นคนไล่กวดมาด้วยความโกรธ

จางต้าพั่งมองภาพนี้ไกลๆ จากบนเขา กลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก รีบแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ขณะเดียวกันก็ตั้งใจว่าจะไม่ให้คนอื่นรู้เด็ดขาดว่าเขาเป็นคนยอมให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมาหลอมยาที่นี่ และถึงขั้นเป็นฝ่ายหาถ้ำให้เองด้วยซ้ำ

ขณะที่ลูกศิษย์เขาจื่อติ่งไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน ทันใดนั้น…

บนเขาชิงเฟิงมีเสียงร้องตื่นตระหนกดังลอยมา

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version