Skip to content

A Will Eternal 108

บทที่ 108 จางต้าพั่งผู้มีน้ำใจ

หลี่ชิงโหวมองเห็นภาพนี้เข้าก็สูดลมหายใจเฮือก หยุดยั้งไม่ทัน มือขวาจึงทำมุทราชี้ไปกลางอากาศหนึ่งครั้งทันที พริบตาเดียวแสงหนึ่งเส้นพลันปรากฏพรวดขึ้นมาปกคลุมไปทั่วเขาเซียงอวิ๋น ม่านแสงนี้มีห้าสี งดงามจับตาอย่างถึงที่สุด

เวลาเดียวกันนั้นที่ชั้นเมฆบนท้องฟ้า สายฟ้านับพันฟาดลงมายังเขาเซียงอวิ๋นอย่างพร้อมเพรียง และถูกสกัดกั้นไว้ด้วยม่านแสงห้าสีนี้ เมื่อทั้งหมดฟาดลงมาบนม่านแสง เสียงกัมปนาทก็โหมซัดสาด ดังเปรี้ยงปร้างอย่างต่อเนื่อง ม่านแสงนี้สะท้อนกลับไปมาเป็นริ้วคลื่น กำจัดไปได้ทีละเส้น

ยืดยาวไปจนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วสามสิบลมหายใจ เมื่อสายฟ้าเส้นสุดท้ายมลายหาย ม่านแสงห้าสีถึงได้จางหายไป ลูกศิษย์ทุกคนในเขาเซียงอวิ๋นเวลานี้พากันตัวสั่น เมื่อครู่พวกเขารู้สึกถึงวิกฤตรุนแรง ตอนนี้พอบรรเทาลงมาแล้ว ทุกคนดวงตาแดงก่ำ มองไปที่ถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างพร้อมเพรียง

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” เสียงคำรามแหบแห้งดังเลื่อนลั่นจากคนจำนวนไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่พุ่งถลาออกมา ไม่นานทุกคนก็ล้วนพุ่งถลามายังถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุน ยังมีผู้อาวุโสเหล่านั้นด้วย แม้แต่หลี่ชิงโหวเองก็ยังกลายร่างเป็นรุ้งยาว เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

ในถ้ำที่โคลงเคลงใกล้จะล้มเหล่มิล้มเหล่ ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องเตาหลอมเขม็ง กำลังสงสัยว่าทำไมไม่มีสายฟ้า พอละความสนใจมาได้เล็กน้อยก็ได้ยินเสียงดังราวหูจะดับอยู่ด้านนอก เป็นเสียงคำรามที่รุนแรงยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่าไม่รู้กี่เท่า

ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนหน้าซีดเผือด กระโดดเหยงขึ้นมาหนึ่งครั้งถึงสังเกตเห็นว่าถ้ำใกล้จะพังเต็มที เขารีบวิ่งออกมา เพิ่งจะออกมาจากถ้ำได้ เบื้องหลังของเขาก็มีเสียงดังโครม เพราะคนบุกมาที่นี่เยอะเกินไปทำให้เกิดการสั่นสะเทือน ถ้ำไม่อาจประคองตัวต่อไปได้อีกจึงพังทลายลงมาทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนเซ่อไปทันใด เมื่อฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่วสารทิศ เขาก็ค้นพบอย่างตกตะลึงว่ารอบด้านของตัวเองมีแต่ลูกศิษย์เขาเซียงอวิ๋นมากมายมหาศาลกำลังจ้องมองมายังตนอย่างโกรธเคือง

“คือว่า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังจะเอ่ยปากอธิบาย โจวซินฉีที่อยู่ในกลุ่มคนเปล่งเสียงร้องแหลม

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าชดใช้ถ้ำของข้ามาเดี๋ยวนี้!!”

“โค่นล้มป๋ายเสี่ยวฉุน!!”

“สมควรตายเอ๊ย ถ้ำข้าพังเพราะน้ำมือเจ้าทั้งนั้น!!”

“ทำเกินไปแล้ว นี่ไม่ได้เรียกว่าหลอมยาสักนิด ตอนแรกก็เตาระเบิด แล้วก็สัตว์เล็กสัตว์น้อยแปลกประหลาด ตอนนี้ยังมาปล่อยสายฟ้าอีก เจ้าๆๆ…” คนจำนวนนับไม่ถ้วนตวาดเสียงแค้นเคือง ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน ความโกรธในใจของทุกคนถึงขั้นสะเทือนฟ้าดินได้แล้ว สองปีมานี้พวกเขาถูกทรมานเสียจนใกล้บ้ากันเต็มที…

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกไม่เป็นธรรม เขาหลอมยาจริงๆ นะ แต่พอมองเห็นว่าถ้ำของโจวซินฉีที่อยู่ไม่ไกลพังราบเป็นหน้ากลอง ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ

โหวเสี่ยวเม่ยและโหวอวิ๋นเฟยก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย ต่อให้เป็นพวกเขา ยามนี้ก็ยังมีสีหน้าอ่อนใจ โหวเสี่ยวเม่ยเข้าข้างป๋ายเสี่ยวฉุน กัดฟันขาวสะอาดหนึ่งครั้งกำลังจะอธิบายให้คนรอบด้านฟัง ทำเอาโหวอวิ๋นเฟยตกใจจนต้องอุดปากนางไว้ การสอดปากในเวลานี้สามารถสร้างความขุ่นเคืองให้กับทุกคนได้อย่างง่ายดาย…

ลูกศิษย์เขาเซียงอวิ๋นเหล่านี้ พวกเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมยาต่อเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกเขาทุกคนก็ไร้ซึ่งความรู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงสายฟ้าก่อนหน้านี้ ตอนนี้เสียงคำรามของทุกคนจึงยิ่งดุเดือดเข้าไปอีก

สถานการณ์ใกล้จะควบคุมไม่ได้ และในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสของเขาเซียงอวิ๋นที่กลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาวก็ทยอยมาถึงกันทีละคน แม้แต่เงาร่างของหลี่ชิงโหวก็ยังปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ นี่ถึงได้ทำให้ลูกศิษย์เขาเซียงอวิ๋นสงบลงมาได้ เพียงแต่ว่าทุกคนล้วนมองหลี่ชิงโหวด้วยท่าทางน่าสงสาร นัยน์ตาคาดหวังว่าหลี่ชิงโหวจะช่วยออกหน้าจัดการให้พวกเขา

หลี่ชิงโหวปวดหัวอย่างถึงที่สุด เขาถลึงตาดุๆ ใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน ล่อสายฟ้าให้ฟาดลงมา เรื่องนี้ไม่ยาก สายฟ้ามีคุณลักษณะเป็นธาตุหยาง ขอแค่ใช้การเปลี่ยนสภาพของพืชหญ้า ทำให้กลายเป็นปราณธาตุหยินก็สามารถล่อสายฟ้าให้ฟาดลงมาได้ แต่สายฟ้ามากมายขนาดนี้ทำให้หลี่ชิงโหวตื่นตกใจได้อย่างแท้จริง ที่เป็นเช่นนี้ในความจริงแล้วหลี่ชิงโหวเองก็เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกับลักษณะเฉพาะตัวของเขาเซียงอวิ๋น ด้วยเดิมทีเขาเซียงอวิ๋นก็แฝงไปด้วยธาตุหยินอยู่แล้ว

เพียงแต่ว่าลูกศิษย์สัมผัสไม่ถึงก็เท่านั้น และวิธีการของป๋ายเสี่ยวฉุนก็คือตัวกระตุ้นอย่างหนึ่ง

ขณะเดียวกันกับที่ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกผิดและเสียใจต่อทุกคน ก็รู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมเล็กน้อยด้วย มองหลี่ชิงโหวตาปริบๆ

“ป๋ายเสี่ยวฉุนต่อไปหากเจ้าจะหลอมยา ห้ามหลอมที่เขาเซียงอวิ๋นอีก ออกไปหลอมข้างนอก!” หลี่ชิงโหวเอ่ยปากอย่างจนใจ

“ใช่ ออกไปหลอมข้างนอก ห้ามหลอมในเขาเซียงอวิ๋น!”

“เขาหลอมยาที่ไหนกัน เขากำลังหลอมพวกเราชัดๆ!”

“ถูกต้อง ถ้ายังจะหลอมแบบนี้ต่อไป หากวันใดวันหนึ่งเขาทำเขาเซียงอวิ๋นของเราพัง ข้าก็ไม่แปลกใจหรอก!!” ลูกศิษย์รอบด้านพากันอารมณ์ขึ้น รู้สึกว่าหลี่ชิงโหวช่างฉลาดยิ่งนัก

“ข้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังจะอธิบาย หลี่ชิงโหวก็สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง

“ตกลงตามนี้ แยกย้ายกันไปเถอะ” เขาพูดจบก็ขึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอีกหนึ่งที ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบหุบปากหน้ามุ่ย ในใจรู้สึกย่ำแย่ คิดว่าตัวเองทำให้หลี่ชิงโหวผิดหวัง

ทุกคนรอบด้านเห็นว่าหลี่ชิงโหวจัดการให้แล้ว แต่ละคนล้วนถลึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วจึงค่อยๆ แยกย้ายกันไป จนกระทั่งบริเวณโดยรอบว่างเปล่าไม่เหลือใครแล้ว หลี่ชิงโหวยืนอยู่หน้าป๋ายเสี่ยวฉุน ถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง

“เล่าเรื่องมหาเวทสายฟ้าชะล้างโอสถของเจ้าให้ข้าฟังซิ”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นพรวดทันที นัยน์ตามีชีวิตชีวาอย่างถึงที่สุด รีบเล่ามหาเวทที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาให้ฟังอย่างละเอียด ตอนที่เอ่ยปากหน้าก็ค่อยๆ บานเป็นกระด้ง พูดอยู่นานกว่าจะจบ มองหลี่ชิงโหวด้วยความรอคอย

หลี่ชิงโหวครุ่นคิดตามก็พยักหน้าเบาๆ

“วิถีโอสถไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีใครกล้าพูดว่าตัวเองเดินมาถึงสุดทางแล้ว บนเส้นทางสายนี้ ไม่ว่าเรื่องใดล้วนมีความเป็นไปได้ วิธีนี้ที่เจ้าพูดถึงก็เคยมีคนทดลองทำมาก่อน แต่ล้วนล้มเหลวทั้งสิ้น พลังของสายฟ้ามีมากเกินไป ยากควบคุม แม้จะมีประสิทธิผลที่แน่นอน แต่กลับแข็งแกร่งมากเกินไป”

“วิธีนี้รอให้วันหน้าตบะของเจ้าเพิ่มสูงอีกสักหน่อยก่อน อย่างน้อยก็ต้องขั้นสร้างฐานราก แล้วค่อยฝึกต่อเถอะ ตอนนี้อย่าเพิ่งเอามาใช้เลย” หลี่ชิงโหวอดที่จะลดทอนความยึดติดในวิถีโอสถของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ จึงเอ่ยปากอย่างละมุนละม่อม พูดจบก็ให้กำลังใจทางสายตา ตบไหล่ของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วจึงจากไป

ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจหนึ่งครั้ง นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น สำหรับเรื่องที่เขาทำให้ถ้ำของหลายคนต้องพังถล่ม ในใจก็ให้รู้สึกผิดและเสียใจอย่างมาก เวลานี้ขณะที่ถอนหายใจ ในใจก็ใคร่ครวญว่าอย่างมากตัวเองก็ฟังคำของหลี่ชิงโหว อย่าเพิ่งฝึกมหาเวทสายฟ้าชะล้างโอสถในตอนนี้ก็เท่านั้น

“ข้าจะเปลี่ยนทิศทางการศึกษาใหม่ ใช้วิธีอื่นกำจัดสิ่งเจือปน แบบนี้ก็จะได้ไม่มีฟ้าผ่าอีก แล้วก็ไม่ส่งผลกระทบกับคนอื่นด้วย แต่จะไปหลอมยาที่ไหนล่ะ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดไปคิดมา มองไปยังเขาจื่อติ่งที่ห่างออกไปไกล ดวงตาเปล่งประกายวาบ

ถือโอกาสที่ฟ้ายังไม่ทันมืด ป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บสัมภาระ หันกลับไปมองถ้ำที่พังถล่มลงมาหนึ่งครั้ง นัยน์ตาฉายความเด็ดเดี่ยว

“เพื่อแสวงหาวิถีโอสถ เพื่อหลอมยาอายุวัฒนะออกมาให้ได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหมุนตัวลงเขาเซียงอวิ๋นไปด้วยความแน่วแน่ ตรงดิ่งไปยังเขาจื่อติ่ง

สำหรับเขาจื่อติ่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี เพราะตอนนั้นที่เขากับจางต้าพั่งหาไก่หางวิเศษด้วยกัน ทั้งสองคนก็เดินกันไปทั่วทุกแห่งเกินครึ่งของเขาจื่อติ่งแล้ว อีกทั้งตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนชอบให้คนอื่นเรียกขานตนเองว่าอาจารย์อาป๋ายก็เคยมาเดินเตร่อยู่ที่เขาจื่อติ่งแห่งนี้หลายรอบ

เวลานี้เดินอยู่บนเขาจื่อติ่ง สัมผัสถึงความเงียบสงบรอบด้าน มองลูกศิษย์เขาจื่อติ่งที่ไม่มีท่าทีดุร้ายอย่างเขาเซียงอวิ๋น ถึงขั้นที่บางคนพอเห็นตนเองยังกล่าวทักทายด้วย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้ถอนสะอื้นปลดปลงยิ่งนัก

เขามีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับใบหน้า ตรงดิ่งไปยังที่พักของจางต้าพั่ง จางต้าพั่งยังไม่ได้เป็นลูกศิษย์ฝ่ายใน ที่พักจึงยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ป๋ายเสี่ยวฉุนคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี พอถึงช่วงสายัณห์ก็มาถึงหน้าประตูของจางต้าพั่ง

เห็นป๋ายเสี่ยวฉุนมา จางต้าพั่งหัวเราะร่าทันที ทั้งสองคนนั่งกันอยู่ในที่พัก จางต้าพั่งโอ้อวดวิธีหลอมพลังจิตของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ บอกกับป๋ายเสี่ยวฉุนว่าตอนนี้เขาคือผู้มากพรสวรรค์ด้านการหลอมพลังจิตที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเขาจื่อติ่งแล้ว

ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบป้อยออีกหลายประโยค ขณะที่จางต้าพั่งยิ่งฟังก็ยิ่งชอบใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง

“ศิษย์พี่ใหญ่ มีเรื่องจะปรึกษาหน่อยน่ะ”

“ว่ามา!” จางต้าพั่งโบกมือหนึ่งครั้ง ทำท่าทางใจป้ำกล้าได้กล้าเสีย

“ท่านช่วยหาสถานที่ในเขาจื่อติ่งให้ข้าหลอมยาหน่อยสิ” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบเอ่ยปาก มองจางต้าพั่งตาปริบๆ

“หลอมยา? เจ้าเป็นถึงลูกศิษย์ฝ่ายในแล้ว ในถ้ำสถิตก็น่าจะมีห้องหลอมยาสิ ใช่แล้ว ช่วงก่อนหน้านี้ข้าปิดด่าน ตื่นขึ้นมาเพราะฟ้าผ่าที่เขาเซียงอวิ๋นของพวกเจ้า ทางฝั่งพวกเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” ต้าพั่งสงสัยเล็กน้อย เขาปิดด่านไปเกินครึ่งปี ไม่ค่อยรู้เรื่องโลกภายนอกเท่าไหร่นัก อีกทั้งเรื่องของเขาเซียงอวิ๋น แม้ว่าเขาจื่อติ่งจะพอรู้อยู่บ้าง แต่ยังไงก็ไม่ใช่สหายร่วมภูเขา เรื่องที่รู้มาจึงไม่ละเอียดเท่าไหร่นัก

“เอ่อคือ…ข้าหลอมยาไม่ทันระวังจึงไปล่อสายฟ้าเข้า ทำให้ถ้ำของข้าถูกผ่าจนพัง” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดหน้าม่อย

“อ๋า?” จางต้าพั่งเบิกตากว้าง เริ่มลังเลเล็กน้อย

“แต่ศิษย์พี่ใหญ่โปรดวางใจ ข้าสาบานได้ เมื่อมาหลอมยาที่เขาของท่านจะไม่มีทางทำให้เกิดฟ้าผ่าอีกแน่นอน ท่านไม่ต้องห่วง ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนรักษาคำพูด อีกอย่างตอนนี้ข้าก็หลอมยาวิเศษระดับสามได้แล้ว เดี๋ยวเสร็จแล้วข้าจะมอบยาวิเศษระดับสามให้ท่านหนึ่งขวดเลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนอธิบายเร็วจี๋ ตบอกป้าบ รับรองเป็นหมั่นเป็นเหมาะ

จางต้าพั่งพอได้ยินว่ายาวิเศษระดับสามก็ใจสั่น ยาวิเศษระดับสามนี้ ราคาในตลาดสูงลิ่วจนเกินเหตุ ขณะเดียวกันจางต้าพั่งก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ เวลานี้ได้ยินคำรับรองจากป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง พอคิดดูแล้วเขาก็หัวเราะฮ่าๆ

“เรื่องเล็กน้อย ที่ข้านี่ไม่มีสถานที่ให้หลอมยา แต่ข้ารู้จักกับศิษย์พี่ที่ดูแลถ้ำ ให้ผลประโยชน์กับเขาสักเล็กน้อย แล้วให้เขาเอาถ้ำสถิตของลูกศิษย์ฝ่ายในมาให้ข้ายืมสักแห่ง แต่หากอยู่นานเกินไปเกรงว่าอาจจะมีปัญหาเอาได้”

“ไม่นานๆ อย่างน้อยคือสองสามเดือน มากสุดก็ครึ่งปี!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนวิบวับ ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

จางต้าพั่งพยักหน้า ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรออยู่ตรงนี้แล้วหมุนกายเดินออกไปจากที่พัก เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เขาก็กลับมาด้วยท่าทางภาคภูมิใจพร้อมป้ายคำสั่งหนึ่งแผ่นในมือ

“สำเร็จแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่ถ้ำที่ดีอะไรนัก แต่ก็มีห้องหลอมยา แถมยังอยู่ไม่ห่างจากที่พักของข้า ข้าพาเจ้าไปดูเอง”

ป๋ายเสี่ยวฉุนไชโยโห่ร้อง ยกยอปอปั้นจางต้าพั่งหลายคำ จางต้าพั่งดีใจอย่างมาก พาป๋ายเสี่ยวฉุนไปยังถ้ำที่ว่าแล้วจึงจากไป

ถ้ำแห่งนี้เรียบง่ายมาก ไม่อาจเทียบได้กับถ้ำที่เขาเซียงอวิ๋นของป๋ายเสี่ยวฉุน เล็กกว่าเยอะมาก แต่ขอแค่มีห้องหลอมยา แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุน

เขานั่งอยู่ในห้องหลอมยาด้วยความพึงพอใจ สูดลมหายใจเข้าลึก

“ยังคงเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่มีน้ำใจ!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนซาบซึ้งใจอย่างมาก ใคร่ครวญว่าตัวเองย่อมไม่สามารถทดลองมหาเวทสายฟ้าชะล้างโอสถได้อีก และไม่สามารถใช้สัตว์เล็กมาทดลองยาประหลาดได้ด้วย ส่วนเรื่องเตาหลอมยาระเบิด ข้อนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอนแล้ว เขาคิดไปคิดมา แม้แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกว่านับแต่นี้ไปการหลอมยาของเขาจะไม่มีปัญหาอื่นๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว

“เริ่มศึกษาวิธีกำจัดสิ่งเจือปน” ป๋ายเสี่ยวฉุนตั้งใจมั่น หยิบเอาหญ้าวิเศษออกมา นัยน์ตาเผยแววครุ่นคิด สมองทำการอนุมานวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ ตกอยู่ท่ามกลางวิถีโอสถ

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version