Skip to content

A Will Eternal 24

บทที่ 24 เจ้าเป็นใคร

ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินไปตามเส้นทางเล็กๆ ของสำนัก เมื่อถึงเวลาสายัณห์ก็มาถึงด้านล่างเขาจื่อติ่ง เงยหน้ามองภูเขา จื่อติ่งที่มีเมฆหมอกหมุนวนเป็นเกลียว มองไปยังเงาร่างที่เป็นเหมือนจุดเล็กๆ สีดำของคนหลายคนที่อยู่ข้างในนั้น กลายร่างเป็นสายรุ้งเส้นยาวเข้าออกกลางอากาศ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความปลดปลง

“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ข้าถึงจะควบคุมสิ่งของและบินได้บ้าง และก็มีเพียงทำให้ได้ถึงจุดนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถมองเห็นฟ้าดินที่กว้างขวางกว่าเดิม ถือว่าได้ก้าวเข้าสู้เส้นทางแห่งความเป็นอมตะอย่างแท้จริง” นัยน์ตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยความคาดหวัง ขึ้นเขาจื่อติ่งไป

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขาจื่อติ่ง แต่ในฐานะลูกศิษย์ฝ่ายนอก มีคุณสมบัติที่จะไปมายังภูเขาลูกไหนก็ได้ เดินขึ้นเขาไปตามเส้นทาง ระหว่างทางเขาพบใครก็จะสอบถามถึงที่พักของจางต้าไห่ ท่าทางน่าเอ็นดูของเขาสร้างความชื่นชอบได้ดี ไม่นานก็รู้ถึงที่พักของจางต้าไห่ จึงรีบเดินไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายชี้อย่างรวดเร็ว

ไม่เหมือนกับที่พักของเขาบนเขาเซียงอวิ๋น ที่พักของจางต้าพั่ง ตำแหน่งอยู่ทางทิศตะวันออกของยอดเขา ที่นั่นมีพลังวิญญาณเข้มข้นมากอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งที่พักก็ไม่มาก แต่ละหอเหมือนจุดของดวงดาว มองดูแล้วคล้ายกับแฝงไปด้วยกฎเกณฑ์บางอย่าง

แม้ว่าจะเป็นยามสายัณห์ที่แสงสว่างไม่ชัดเจน แต่ก็ยังคงมองเห็นเมฆหมอกบางๆ รอบกายได้ และที่มากกว่านั้นคือพืชวิเศษจำนวนมาก สมกับเป็นเขตแดนของเซียน

“ศิษย์พี่ใหญ่มีเบื้องลึกเบื้องหลังนี่นา ถึงได้มีที่พักแบบนี้ได้ ดีกว่าของข้าเยอะเลย” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดพลังวิญญาณเข้าลึก อิจฉาอย่างมาก

หาอยู่สักครู่ ในที่สุดเขาก็หาที่พักของจางต้าพั่งเจอ เห็นว่าด้านในลานมีหญ้าขึ้นมากมายราวกับไม่มีคนจัดการดูแลมานานมากแล้ว ป๋ายเสี่ยวก็ฉุนอึ้งไป เขาเคาะประตู แต่รออยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับ

“หรือว่ามาผิดที่ซะแล้ว?” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังสงสัย ประตูใหญ่ของหอเรือนในลานที่พักก็มีเสียงดังแอ๊ดหนึ่งที ร่างผอมแห้งที่มือถือกระบี่บินเล่มหนึ่ง มือซ้ายมีแสงสีเงินกำลังค่อยๆ มืดดับลง เดินออกมาอย่างเหนื่อยล้า น้ำเสียงเบื่อหน่ายลอยออกมา

“ใครกัน!” ขณะที่พูด ร่างของคนผอมแห้งนี้ก็สะท้านขึ้นมาโดยพลัน มองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกกั้นขวางไว้ด้วยลานบ้าน ใบหน้าพลันเผยความตะลึงระคนดีใจเหมือนได้เห็นญาติตนเอง รีบรุดมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ดึงประตูใหญ่ออก มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน หัวเราะเสียงดัง

“ศิษย์น้องเก้า!”

“เจ้าเป็นใคร!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว มองเจ้าคนตรงหน้าที่ดูคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็แปลกหน้ามากอยู่ดี

คนผู้นี้หน้าตาธรรมดา ร่างกายผอมแห้ง แทบเรียกว่าได้ว่าหนังหุ้มกระดูกอยู่แล้ว แม้ว่าแววตาจะเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา แต่ดวงตากลับลึกโบ๋ ร่างกายมีคลื่นพลังที่ฝึกฝนกระจายออกมา ท่าทางจะอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบของการรวมลมปราณขั้นที่สี่แล้ว

“จิ่วพั่ง ข้าเองต้าพั่งไง” เห็นท่าทางแบบนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน ชายหนุ่มผอมแห้งอยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก พูดไปพูดมา ใบหน้าก็เผยความโกรธแค้นเสียใจรุนแรง

“จิ่วพั่ง เจ้าไม่รู้หรอกว่าหนึ่งปีมานี้ข้าลำบากแค่ไหน อาจารย์ของข้าโหดร้ายกับข้าเพียงใด ตอนที่เพิ่งขึ้นเขามา นางบอกว่านางไม่ชอบคนอ้วน ปล่อยให้ข้าทนหิวทั้งเป็นอยู่ตั้งครึ่งปี!”

“ครึ่งปีเชียวนะจิ่วพั่ง เจ้ารู้ไหม ครึ่งปีนี้สภาพข้าเป็นเช่นไร ที่เจ้าเห็นในตอนนี้ ข้าต้องบำรุงอยู่ตั้งนานถึงจะกลับมาเป็นแบบนี้ได้” ชายหนุ่มผอมแห้งคนนี้ก็คือจางต้าพั่ง เขาพูดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็ไหลลงมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองอย่างละเอียดอยู่หลายที อีกทั้งได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ถึงได้มั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของเขา ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดหายใจเฮือก ปากอ้าตาค้างมองคนที่แตกต่างไปจากในความทรงจำของเขาโดยสิ้นเชิง

“ท่านกับอาจารย์ของท่านมีความแค้นต่อกันเหรอ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองจางต้าพั่งอย่างเห็นใจ

“ยายแก่พวกนั้น ข้า…” จางต้าพั่งกัดปากเค้นฟัน แต่พูดออกมาได้ไม่กี่คำก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่กล้าพูดต่อ ดึงป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ามาในลาน

“ศิษย์น้องเก้า ข้าคิดถึงฝ่ายครัวไฟเหลือเกิน ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้คนอยู่จริงๆ ตั้งแต่ที่ข้ามาอยู่ก็ไม่เคยกินอิ่มเลยสักครั้ง ค่าน้ำร้อนน้ำชาอะไรก็ไม่มีสักนิด ข้าหิวเหลือเกิน” จางต้าพั่งเศร้าเสียใจ ดึงมือป๋ายเสี่ยวฉุน ระบายความทุกข์ทั้งหมดตั้งแต่ที่เริ่มขึ้นเขาจนถึงตอนนี้ออกมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังความทุกข์ยากของอีกฝ่าย พลันก็รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน การที่ตนเองขโมยไก่นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เห็นร่างกายที่ผอมแห้งของจางต้าพั่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจหนึ่งที ตบไหล่ที่แห้งจนกระดูกโผล่ของจางต้าพั่ง

“ศิษย์พี่ลำบาก แน่นอนว่าศิษย์น้องต้องช่วย ท่านรอข้าหนึ่งก้านธูป” พูดจบ ในระหว่างที่จางต้าพั่งกำลังอึ้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หมุนตัวเดินออกไปจากลานที่พัก ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาขึ้นเขามาได้สังเกตมาก่อนแล้วว่าสถานที่เลี้ยงไก่หางวิเศษบนภูเขาจื่อติ่งอยู่ตรงไหนบ้าง เวลานี้ฉวยโอกาสที่ฟ้ามืด เงาร่างวับหายไปอย่างรวดเร็ว

จางต้าพั่งไม่เข้าใจสถานการณ์ ไม่รู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไปทำอะไร ทำได้เพียงรออยู่ที่หน้าประตู แต่ยังไม่ทันครบหนึ่งก้านธูป สองมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็หิ้วไก่หางวิเศษมาสองตัว กลับเข้ามาอย่างเงียบกริบ

มองเห็นไก่หางวิเศษ จางต้าพั่งก็พลันเบิกตากว้าง เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนดึงเข้าไปในที่พัก เขาไม่สนใจจางต้าพั่ง เอาหม้อออกมาด้วยความเคยชิน ต้มน้ำให้เดือด จัดการถอนขนไก่ออกแล้วโยนลงไป จากนั้นถึงได้ตบแขนเสื้อ ยกมือเท้าคางมองไปยังจางต้าพั่ง

จางต้าพั่งหายใจเข้าออกถี่กระชั้น เบิกตากว้างอ้าปากค้าง ชี้ไปยังไก่ที่อยู่ในหม้อ แล้วก็ชี้มาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

“เจ้า…เจ้า…หรือว่าเจ้าก็คือปีศาจคลั่งขโมยไก่ของภูเขาเซียงอวิ๋น!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะคิกคัก ยกมือขวาขึ้นกดลงบนหม้อด้วยท่าทางยิ่งกว่าคุ้นเคย พลังวิญญาณกระจายออกมา ทำให้เนื้อไก่ในหม้อนุ่มเปื่อยได้เร็วขึ้น ไม่นานหลังจากที่กลิ่นหอมกระจายออกมาเป็นระลอก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คว้าน่องไก่หนึ่งน่องเอามาวางไว้ตรงหน้าจางต้าพั่ง

“กิน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปากอย่างถือดี ทำท่าทางเหมือนเมื่อครั้งที่จางต้าพั่งส่งเห็ดหลินจือมาให้ตนเองกินตอนที่เขาเพิ่งเข้าไปอยู่ฝ่ายครัวไฟใหม่ๆ

จางต้าพั่งกลืนน้ำลายลงคอหลายอึก จ้องเขม็งไปที่น่องไก่ด้านหน้า มือคว้าจับเอาเข้าปากกลืนเอื้อกๆ อย่างตะกละตะกลาม หลังจากนั้นไม่ต้องให้ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดอะไรต่อ เขาก็โจนทะยานเข้าไปหาหม้อใหญ่ อีกนิดเดียวก็แทบจะยื่นหน้าเข้าไปแล้ว ไก่สองตัวนั้นถูกเขากินหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว แม้แต่กระดูกก็ยังเสียดายที่จะทิ้ง เคี้ยวกร้วมๆ จนละเอียดแล้วกลืนลงไป สุดท้ายแม้แต่น้ำต้มไก่ก็ดื่มจนหมด

จากนั้นจึงตบท้องนอนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าเคลิบเคลิ้มมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน ทันทีที่สองพี่น้องสบตากันก็หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา

“จิ่วพั่งนี่ร้ายกาจจริงๆ ตอนอยู่ฝ่ายครัวไฟเจ้ามีความคิดดีๆ เยอะสุด นึกไม่ถึงว่าปีศาจคลั่งขโมยไก่ที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเขาเซียงอวิ๋น ที่แท้ก็คือศิษย์น้องของข้านี่เอง” จางต้าพั่งใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นเกียรติและโชคดี

“บำเพ็ญตบะเดิมทีก็เป็นเรื่องที่ทวนกฎธรรมชาติอยู่แล้ว ข้าเป็นผู้บำเพ็ญตน แน่นอนว่าต้องต่อสู้กับสวรรค์ แย่งชิงกับคน พยายามยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ไก่หางวิเศษตัวเล็กๆ ถือเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วมาก” ป๋ายเสี่ยวฉุนโบกมือ อำพรางความภาคภูมิใจไม่อยู่ ตัวตนของเขาถูกปิดบังมานานเกินไป ในเวลานี้ได้แบ่งปันให้คนฟัง มองเห็นสีหน้าจางต้าพั่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงรู้สึกสบายอารมณ์อย่างยิ่ง

“เสียดายก็แต่ไก่หางวิเศษบนเขาเซียงอวิ๋นถูกข้าจับกินจนเหลือแค่ลูกไก่แล้ว รสชาติไม่อร่อย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ท่านไปอยู่กับข้าที่นั่น ข้ารับรองว่ากินอิ่มทุกวัน ต้องทำให้ท่านกลับมาอ้วนได้อีกครั้งแน่นอน” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจ

จางต้าพั่งได้ยินมาถึงตรงนี้ ดวงตาเป็นประกายทันที รีบลุกขึ้นมา

“บนเขาจื่อติ่งมีนี่ ตะวันตก ทิศใต้ หรือว่าทิศเหนือก็มีหมด มีลูกศิษย์ผลัดกะกันเฝ้ายาม ทุกวันมีสองกะ หนึ่งกลุ่มเจ็ดคน!” จางต้าพั่งเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว อธิบายละเอียดสุดๆ ครั้นพูดจบพบว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมองตัวเองอย่างประหลาดใจ จางต้าพั่งก็ไอแห้งๆ หนึ่งที

“หลังจากได้ยินเรื่องปีศาจคลั่งขโมยไก่ ข้าเองก็คิดว่าจะเรียนรู้เอามาใช้บ้าง แต่ไก่พวกนั้นร้ายกาจเกินไป แค่ข้าเข้าไปใกล้ก็กรีดร้อง สุดท้ายไม่เพียงแต่ทำไม่สำเร็จ ยังเกือบจะถูกจับได้ด้วย” จางต้าพั่งพูดด้วยความเหนียมอายเล็กน้อย

ป๋ายเสี่ยวฉุนดีใจโดยพลัน เขยิบเข้าใกล้จางต้าพั่ง ทั้งสองคนซุบซิบเสียงเบา ดวงตาจางต้าพั่งยิ่งเป็นประกายขึ้นมา ลมหายใจถี่กระชั้น แล้วก็เห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหยิบเอากับดักไม้ไผ่ออกมา หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ทั้งสองคนก็หน้าบานเป็นกระด้ง หัวเราะคิกคักขึ้นมาพร้อมกัน

เวลานี้เป็นช่วงกลางดึก เสียงหัวเราะของพวกเขาลอยออกมาจากในลานบ้าน ฟังแล้วน่าหวาดกลัวเป็นพิเศษ…

นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถือโอกาสมาพักอยู่กับจางต้าพั่งเสียเลย ไม่นานไก่หางวิเศษของภูเขาจื่อติ่งก็เริ่มหายไป…

ทุกครั้งที่ถึงเวลากลางดึก โจรขโมยไก่สองคนก็เข้าออกพร้อมกัน คนหนึ่งขโมย คนหนึ่งดูต้นทาง ลูกศิษย์ของภูเขาจื่อติ่งค่อยๆ ฮือฮา พากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

“ได้ยินหรือยัง ปีศาจคลั่งขโมยไก่ของเขาเซียงอวิ๋นจ้องเขม็งมาที่เขาจื่อติ่งของเราแล้ว!”

“ข้าเห็นเองกับตาเลย ปีศาจคลั่งขโมยไก่ไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่เป็นสองคน!”

เมื่อข่าวนี้แพร่ไปถึงภูเขาเซียงอวิ๋น ลูกศิษย์ฝ่ายนอกของเขาเซียงอวิ๋นทุกคนล้วนสูดลมหายใจเข้าลึก มองไปยังเขาจื่อติ่งด้วยความเห็นใจ

“เจ้าปีศาจคลั่งขโมยไก่นี้รู้จักความสมดุลได้สักที ไม่ได้เอาแต่จ้องขโมยแค่ที่เขาเซียงอวิ๋นของเราแล้ว…”

———-

[1] จื่อติ่ง มีความหมายว่า กระถางม่วง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version