Skip to content

A Will Eternal 193

บทที่ 193 กินคนเดียว…

ขวดยาดึงดูดสายตาของทุกคน มันกรีดผ่าอากาศเป็นเส้นยาว พริบตาเดียวก็ร่วงลงไปในหุบเหวลึก เวลานี้เอง ลูกตาของคนสามสิบกว่าคนที่อยู่ที่แห่งนี้พลันหดตัว ไร้ซึ่งความลังเลใด กระโดดลงไปในหุบเหว กลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาวทะยานเข้าหาขวดยานั่น

“สิทธิ์ในการสร้างฐานราก ต้องเป็นของข้า!”

“ข้าล้มเหลวมาแล้วหนึ่งครั้ง ครั้งนี้ไม่มีทางล้มเหลวอีกแน่นอน ข้าจะต้องสร้างฐานรากให้ได้!”

“ครั้งนี้ไม่ได้ห้ามฆ่าคน ถ้าเช่นนั้นผู้ใดที่ช่วงชิงสร้างฐานรากกับข้า ต้องตายทั้งหมด!”

ตูมๆๆ!

ผู้พ่ายแพ้จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สร้างฐานรากเหล่านี้ล้วนระเบิดความบ้าคลั่ง แต่ละคนตาแดงก่ำ ทะยานดิ่งเข้าไปในหุบเหว พริบตาเดียวก็เริ่มแย่งชิงกันขึ้นมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อยู่ในกลุ่มคนเช่นกัน ตาเขาจ้องเขม็งไปที่ขวดยาซึ่งถูกทุกคนไล่ตามไปเบื้องหน้า บัดนี้ความเร็วของเขาเพิ่มพรวดขึ้นทันใด ทั้งยังมีกระไอเลือดเข้มข้นแตกปะทุออกมาจากร่างของเขา พริบตาเดียวก็พุ่งนำหน้าลูกศิษย์หลายคน มาปรากฏกายอยู่ใกล้ขวดยาที่ร่วงดิ่งลงสู่หุบเหวด้านล่างพร้อมกับลูกศิษย์สำนักธาราโลหิตอีกสามคนที่ระเบิดความเร็วเช่นกัน

นี่เป็นเพราะป๋ายเสี่ยวฉุนตั้งใจไม่เปิดเผยตบะสร้างฐานราก มิฉะนั้น แค่เขานึกคิดก็สามารถบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างให้ราบคาบได้แล้ว หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมาอยู่สำนักธาราโลหิตก็เรียนรู้ที่จะระมัดระวังตัว ดังนั้นตอนนี้จึงจงใจใช้พลังของตบะรวมลมปราณเท่านั้น แม้จะไม่ได้ร่ายคาถาใด ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้การปกปิดของหน้ากากจึงไม่เผยพิรุธให้เห็น

และที่ยิ่งทำให้ดูสมจริงมากขึ้นก็คือบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมีกระไอเลือดแผ่ล้อม วิชาเนื้อคงกระพันที่เขาฝึกจำเป็นต้องดูดใช้กระไอเลือดในสำนักธาราโลหิตจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงดูไม่ต่างไปจากลูกศิษย์คนอื่นๆ

ชั่วพริบตาเดียวป๋ายเสี่ยวฉุนก็เข้ามาใกล้ คำรามเสียงต่ำหนึ่งครั้ง มือขวายกขึ้นโบกกวาดไปรอบด้านอย่างรุนแรง ไอเลือดในร่างกายถูกปลดปล่อยออกมากลายเป็นพลังโจมตีแผ่ไปสี่ทิศ ลูกศิษย์อีกสามคนที่เหลือซึ่งช่วงชิงขวดยากับเขารีบสกัดกั้นทันที แต่ทว่าร่างกายก็ยังคงสั่นสะท้าน การเคลื่อนตัวเชื่องช้าลงอย่างควบคุมไม่ได้

“เย่จั้ง!!”

“เจ้าเองก็มีสิ่งที่ปกปิดเอาไว้จริงด้วย เจ้าคงเจอโชคดีอย่างอื่นในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สร้างฐานรากแน่นอน ดังนั้นถึงแม้จะสร้างฐานรากวิถีดินไม่สำเร็จ แต่กลับมีพลังรวมลมปราณขั้นสิบที่แตกต่างไปจากคนทั่วไป!”

มองเห็นเย่จั้งรวดเร็วเช่นนี้ อีกทั้งใช้พลังของคนคนเดียวต่อต้านการร่วมมือกันของคนสามคน ภาพนี้ทำให้ลูกศิษย์ไม่น้อยที่อยู่เบื้องหลังรู้สึกแปลกใจ ทว่าก็ไม่เกินไปจากที่คาดการณ์เอาไว้เท่าไหร่นัก

ดวงตาทั้งคู่ของจ้าวอู๋ฉางเปล่งแสงวาบ ขณะที่วิเคราะห์ออกมาได้เช่นนี้ อีกสามคนที่แย่งชิงยากับป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้ชะงักไปเล็กน้อย จึงถูกป๋ายเสี่ยวฉุนแซงหน้าไปก่อน

เวลาเดียวกันนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เค้นเลือดเส้นหนึ่งให้ไหลออกมาตรงริมฝีปาก แสร้งทำท่าได้รับบาดเจ็บแต่กลับยังคงคลุ้มคลั่ง พุ่งทะยานออกไปในพริบตาเดียว คว้าขวดยานั้นเอาไว้ได้ ในเวลาเช่นนี้หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นย่อมบีบขวดยาให้แตก ตัวเองเก็บยาสร้างฐานรากไว้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือโยนออกไปล่อทุกคนเพื่อกระจายความกดดันของตัวเอง

พวกลูกศิษย์ที่อยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุนถึงขนาดตั้งท่าเตรียมพร้อม รอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนโยนยาสร้างฐานรากที่เหลือออกมาเมื่อไหร่ก็จะเข้าไปแย่งทันที

แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ของสี่ยอดเขาที่อยู่บนหน้าผาหมื่นโลหิต ก่อนจะจากไปพวกเขาก็ยังสังเกตเห็นภาพนี้ พอก้มหน้าลงมอง เห็นว่าขวดยาถูกป๋ายเสี่ยวฉุนแย่งเอาไปได้ พวกเขาไม่รู้สึกแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็รู้ว่าลูกศิษย์ของสำนักธาราโลหิต ทุกคนต่างมีไม้ตายเป็นของตัวเอง

ส่วนผู้อาวุโสใหญ่ยอดเขาซือเฟิงก็จำป๋ายเสี่ยวฉุนได้เหมือนกัน นัยน์ตาฉายแววชื่นชมเจือจาง เพราะยังไงซะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเลี้ยงศพก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว นอกเสียจากว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะดึงดูดความสนใจจากเขาอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นเขาก็ไม่มีทางให้ความสนใจมากนัก

ทว่าภาพที่ตามมาติดๆ กลับทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่ตะลึงงัน พากันแปลกใจ

ในหุบเหว สายตาของทุกคนมองเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้บีบขวดยาให้แตก แต่กลับเพิ่มความเร็วมากขึ้น ราวกับว่าทุ่มเทความเร็วสุดชีวิตเพื่อดิ่งทะยานลงไปด้านล่าง

“เย่จั้ง เจ้าคิดจะทำอะไร!!”

“บัดซบ เจ้ากล้าเลือกทำเช่นนี้!!”

“เย่จั้ง เจ้ารนหาที่ตาย!!” ทุกคนเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ พากันระเบิดความเร็วทั้งหมดพุ่งดิ่งไล่กวดป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปในหุบเหวลึกลงเรื่อยๆ

ขณะที่ทุกคนในหุบเหวระเบิดไอสังหารไล่ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่นั้น บนหน้าผาหมื่นโลหิต ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่คนมีสีหน้าแปลกใจ หลังจากมองกันแล้วก็ล้วนดูออกถึงความสนใจบนใบหน้าแต่ละคนที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด

“กินคนเดียว? กล้าหาญเด็ดเดี่ยวมาก จิตใจเช่นนี้ช่างเหมาะสมกับสำนักธาราโลหิตของเรายิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้สังเกตเด็กผู้นี้มากนัก นิสัยแบบนี้น่าเสียดายที่สร้างฐานรากวิถีดินไม่สำเร็จ มิฉะนั้น หากยังไม่ตาย วันหน้าย่อมเป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจได้แน่นอน!” ชายร่างใหญ่บึกบึนผู้อาวุโสยอดเขาเส้าเจอเฟิง กล่าวเสียงดังอื้ออึง สีหน้าดุร้าย ทว่านัยน์ตากลับมีแววชื่นชม

“น่าสนใจ คนที่คิดจะกินคนเดียวมีอยู่ไม่น้อย แต่คนที่กล้าทำอย่างนี้ต่อหน้าผู้ล้มเหลวสามสิบกว่าคน มีเขาเป็นคนแรก!” ซ่งจวินหว่านแห่งยอดเขาจงเฟิงปิดปากหัวเราะ ความประทับใจที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งลึกล้ำขึ้นมาอีกนิด

“เขาชื่อเย่จั้งใช่ไหม ชื่อดี เป็นหน่ออ่อนที่ดี เขาคิดจะตัดเส้นทางการสร้างฐานรากของทุกคน เพื่อให้ตนเองสร้างฐานรากและโดดเด่นขึ้นมา หากทำสำเร็จจริง นับแต่นี้ไปเขาอู๋หมิงเฟิงของข้าจองตัวเขาไว้เลย” ผู้อาวุโสใหญ่ยอดเขาอู๋หมิงเฟิง ชายแคระผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

“ข้าจำคนผู้นี้ได้ เขามีพรสวรรค์ในด้านการเลี้ยงศพด้วย เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง!” ผู้อาวุโสใหญ่เขาซือเฟิงหัวเราะฮ่าๆ พวกเขาทั้งสี่ต่างเอ่ยปากชื่นชมการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่หยุด แต่ละคนเตรียมจากไปพร้อมกับความคาดหวัง รออีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ค่อยมารับศิษย์ทุกคน

“ไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เย่จั้งกินลำพังผู้นี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”

“พูดไว้ก่อนเลยนะ คนผู้นี้หากมีชีวิตอยู่ต่อจนสร้างฐานรากได้สำเร็จ เขาต้องเป็นคนเขาอู๋หมิงเฟิงของข้า!” ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่พูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม แล้วต่างฝ่ายก็ต่างแปลงกายเป็นรุ้งยาวจากไป

ด้านล่างหุบเหว ป๋ายเสี่ยวฉุนห้อตะบึงมาตลอดทาง รวดเร็วราวกับบิน ทั้งยังไม่ลืมกระอักเลือดออกมาเป็นพักๆ เพื่อย้ำเตือนให้คนอื่นรู้ว่าตนได้รับบาดเจ็บ ทว่าความเร็วกลับไม่ลดลง ไม่นานก็มาถึงก้นของหุบเหว กวาดสายตามองไปหนึ่งครั้ง ที่นี่คือโลกเล็กๆ ใบหนึ่งอย่างแท้จริง บนพื้นดินมีเทือกเขาทอดยาวสูงๆ ต่ำๆ และยังเต็มไปด้วยพืชหญ้าสีเลือดงอกขึ้นหนาแน่น

มองออกไปไกลยังมีภูเขาไฟอีกหลายลูก ในภูเขาไฟมีเสียงดังครั่นครืนลอยออกมา แผ่อุณหภูมิร้อนสูง

และชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมาถึงก้นเหว เขาก็สัมผัสได้ถึงลมปราณมากมายที่แฝงไว้ด้วยความดุร้ายของโลกใบเล็กนี้ทันที

“คิดจะแย่งโอสถสร้างฐานรากจากข้า ฝันไปเถอะ!” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังลำพองใจ ลูกศิษย์คนอื่นๆ เบื้องหลังก็พากันมาถึง แต่ละคนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด พุ่งเข้าเข่นฆ่าทันควัน

“เย่จั้ง เป็นคนไม่ควรอำมหิตเช่นนี้ นี่เจ้ากำลังจะตัดอนาคตของทุกคน!”

“เจ้ากล้าทำถึงขนาดนี้ เจ้าก็ต้องตาย!”

“หึ ล่วงเกินคนมากมายขนาดนี้ เจ้าตายแน่ ต่อให้เจ้าหลบไปซ่อนตัวสร้างฐานราก ทว่าโลกใบนี้ไม่ใหญ่ และทุกคนก็คุ้นเคยกันดี ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะจับเจ้าไม่ได้!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่คิดเหลียวหลัง ขณะที่ทุกคนร่ายเวทคาถาจำนวนมากเข้าใส่ เขาก็สะบัดร่างหนึ่งครั้ง ตรงดิ่งไปยังภูเขาไฟลูกหนึ่ง ก่อนหน้าที่หุบเหวหมื่นโลหิตแห่งนี้จะกลายมาเป็นสถานที่ประลองสร้างฐานราก ลูกศิษย์ของสำนักธาราโลหิตที่ได้รับภารกิจเก็บหญ้าสี่ใบต่างก็เคยมาที่นี่

เพียงแต่ว่าตอนที่ทำภารกิจนั้นมีการคุ้มกันจากสำนัก ขอแค่ระมัดระวังตัวให้ดี ย่อมไม่มีอันตรายถึงชีวิต เย่จั้งตัวปลอมเคยมาที่นี่อยู่หลายครั้ง จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี

“หญ้าสี่ใบล้วนอยู่ในภูเขาไฟ…” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งแสงวาบ เข้าใกล้ภูเขาไฟลูกหนึ่งได้ก็มุดเข้าไปด้านใน หายวับไปทันที

แทบจะเวลาเดียวกันกับที่เขาหายตัวไป ลูกศิษย์เหล่านั้นที่ไล่ตามมาเบื้องหลังเขาต่างก็ตรงดิ่งมายังทางเข้าของภูเขาไฟพร้อมไฟโทสะและไอดุร้ายที่ตลบอบอวลเช่นกัน

เบื้องล่างหุบเหวหมื่นโลหิต ตรงปล่องภูเขาไฟลูกหนึ่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนบินทะยานไปด้านหน้ารวดเร็ว เบื้องหลังเขา ลูกศิษย์กลุ่มใหญ่ที่แต่ละคนกำลังเกรี้ยวกราดไล่กวดตามมาต่อเนื่อง ทว่าตามไปตามมา ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ก็ไม่ได้ปิดผนึกเอาไว้ แต่มีทางเข้ามากมายนับไม่ถ้วน สัญจรไปได้สี่ทิศแปดด้านราวกับเขาวงกต

หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนเลือกมุดเข้าไปในช่องทางหนึ่งแล้ว ลูกศิษย์คนอื่นไล่ตามหาอยู่นาน ทว่าจะยังไงก็หาป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เจอ ภาพนี้ทำให้ทุกคนใกล้จะเป็นบ้าเต็มที

——

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version