Skip to content

A Will Eternal 355

บทที่ 355 เถี่ยตั้นผ่านเคราะห์

“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ ข้าเป็นพ่อของเจ้า มีลูกที่ไหนเป็นฝ่ายปกป้องพ่อกันล่ะ ข้าต้องเป็นคนปกป้องเจ้าต่างหาก รอจนข้าแก่แล้ว เดินไม่ไหวแล้ว ถึงจะเป็นเวลาที่เจ้าต้องปกป้องข้า!” จมูกของป๋ายเสี่ยวฉุนแสบร้อนเล็กน้อย พูดด้วยเสียงอันดัง

“อีกอย่างคราวหน้าห้ามหายตัวไปแบบนี้อีก จะไปทำอะไรต้องบอกให้ข้ารู้ล่วงหน้าก่อน!”

ดวงตาของเถี่ยตั้นพลันเปล่งประกายวาววับ หลังจากเอาหัวซุกไซร้ป๋ายเสี่ยวฉุนไปมามันก็นอนหงาย แลบลิ้นให้ป๋ายเสี่ยวฉุน ท่าทางน่ารักอย่างมาก ป๋ายเสี่ยวฉุนที่มองอยู่ก็ยิ่งเอ็นดูสงสาร

เขารีบเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าเถี่ยตั้น เมื่อยกมือขวาขึ้น ปราณยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าในร่างจึงแผ่ออกจากมือขวาแล้วผสานรวมเข้าใปในร่างของเถี่ยตั้น หมายสะสางเส้นชีพจรของมันให้เป็นระเบียบ ขณะเดียวกันเถี่ยตั้นก็ส่งเสียงครางเปี่ยมสุข แลบลิ้นออกมาเลียใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุน

หลังจากบาดแผลที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างของเถี่ยตั้นได้รับการแก้ไขจากพลังยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นบาดแผลบนร่างของเถี่ยตั้นก็รู้สึกเวทนา จึงหยิบเอายากำใหญ่ออกมาป้อนให้เถี่ยตั้นกิน

ยาเหล่านี้ไม่ว่าเม็ดใดก็ตามหากเอาออกไปขายย่อมได้หินวิเศษมาไม่น้อย ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่ขี้เหนียวแม้แต่นิดเดียว มีเท่าไหร่ก็เอาให้เถี่ยตั้นกินหมด กลัวว่าเถี่ยตั้นจะยังมีบาดแผลหลงเหลือ

กินยาแต่ละเม็ดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนป้อนให้ เถี่ยตั้นแยกเขี้ยวคล้ายกำลังยิ้ม ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน สายตานั้นก็ราวกับกำลังมองญาติที่ตัวเองรักใคร่ ทำให้บรรยากาศระหว่างเถี่ยตั้นและป๋ายเสี่ยวฉุนในตอนนี้อบอุ่นอย่างมาก

ผ่านไปครู่ใหญ่ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงตำหนิสั่งสอนเถี่ยตั้นไปอีกหลายประโยค เถี่ยตั้นส่ายหางดิกๆ เอาตัวมาเสียดสีป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างต่อเนื่อง ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นท่าทางเช่นนี้ของมันก็ดุด่าไม่ลงอีก

พาเถี่ยตั้นกลับเข้าไปในถ้ำ หลังจากที่บาดแผลของเถี่ยตั้นค่อยๆ หายดี ไม่นานปราณที่พร้อมจะฝ่าทะลุขั้นบนร่างของมันจึงยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

ป๋ายเสี่ยวฉุนคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา รู้ว่าเถี่ยตั้นอาจฝ่าทะลุขั้นได้ทุกเมื่อ ทั้งยังเข้าใจดีว่าสำหรับสัตว์รบตัวหนึ่งแล้ว การเหยียบย่างเข้าสู่รวมโอสถมีความหมายไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แม้ว่าระดับความอันตรายจะเทียบกับนักพรตไม่ได้ ทว่าอย่างไรซะเถี่ยตั้นก็เป็นราชันย์แห่งสัตว์ นั่นจึงเป็นเหตุให้การรวมโอสถของมันต่างไปจากสัตว์รบทั่วไป

เขาไม่วางใจ เลยไปหาเจิ้งหย่วนตง สำนักสยบธารให้ความสำคัญกับเถี่ยตั้นมาก โดยเฉพาะสายธาราเทพก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ เจิ้งหย่วนตงจึงออกคำสั่งให้จัดหาพื้นที่รวมโอสถของเถี่ยตั้นไว้ที่ยอดเขาสยบธารทันที

ที่นั่นมีการวางค่ายกลจำนวนมาก ทั้งยังมีพลังวิญญาณฟ้าดินเข้มข้นที่ถูกวิชาอภินิหารชักนำจากในแม่น้ำทงเทียนให้มารวมอยู่ที่นี่ ทั้งยังโยกย้ายนักพรตรวมโอสถจำนวนไม่น้อยมาเป็นผู้พิทักษ์

เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปเยี่ยมคารวะ แม้แต่บุรพาจารย์หลี่จื่อโม่เองก็ยังยุติการปิดด่าน ออกหน้ามาเป็นผู้พิทักษ์ให้ด้วยตัวเอง

ส่วนบุรพาจารย์ของอีกสามสาย หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนไปเข้าพบก็ได้มอบพละกำลังในส่วนของตัวเองมาช่วยเหลือ สายธาราโลหิตมอบอาวุธล้ำค่าหลายชิ้นที่ช่วยในการผ่านเคราะห์ สายธาราโอสถสั่งคนนับพันให้ช่วยหลอมยาวิเศษ

สายธาราทมิฬรับผิดชอบเป็นผู้ร่ายค่ายกลบนยอดเขาที่เถี่ยตั้นปิดด่านโดยเฉพาะ

เมื่อเป็นเช่นนี้ การพิทักษ์เพื่อรวมโอสถซึ่งเกิดขึ้นจากการรวมพลังกันของสี่สายในสำนักสยบธารจึงมากพอจะทำให้ลูกศิษย์ทุกคนรู้สึกอิจฉา และทั้งหมดนี้ นอกจากเพราะตัวเถี่ยตั้นเองเป็นราชันย์แห่งสัตว์แล้ว ปัจจัยที่มากกว่านั้นก็เพราะตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุน

จนกระทั่งเจ็ดวันให้หลัง เมื่ออาการบาดเจ็บของเถี่ยตั้นหายดี ปราณที่พร้อมฝ่าทะลุสร้างฐานรากเหยียบย่างเข้าสู่รวมโอสถก็พลันพวยพุ่งจากแท่นบูชาบนยอดเขาสยบธาร ตรงดิ่งขึ้นไปบนชั้นเมฆด้วยเสียงดังโครมคราม

ฟ้าดินสะท้านสะเทือน ก้อนเมฆมรวมตัวกันในชั่วพริบตา สายฟ้าแลบแปลบปลาบฟาดผ่าดังสนั่นไปแปดทิศ เถี่ยตั้นยืนอยู่บนแท่นบูชา เงยหน้าคำรามหนึ่งครั้ง เสียงคำรามทะลุทะลวงเข้าไปในชั้นเมฆ ทำให้กลุ่มเมฆหมอกบนท้องฟ้าแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง

ภาพนี้ทำให้นักพรตทุกคนของสำนักสยบธารใจสั่นไหว คนไม่น้อยบินออกมาเงยหน้ามองท้องฟ้า

“เถี่ยตั้นรวมโอสถ!!”

“ไม่คิดเลยว่าราชันย์แห่งสัตว์รวมโอสถจะมีพลังอำนาจได้ถึงเพียงนี้!”

“เดิมทีราชันย์แห่งสัตว์ก็หายากอยู่แล้ว อีกทั้งได้ยินมาว่าเถี่ยตั้นคือราชันย์ของราชันย์แห่งสัตว์อีกที แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว!”

ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันนั้น สัตว์รบทุกตัวของสายธาราเทพล้วนแผดเสียงร้องคำรามคล้ายช่วยเพิ่มบารมีให้แก่เถี่ยตั้น ส่วนมังกรนิลเขาสวรรค์เวลานี้ก็บินเข้าๆ ออกๆ อยู่บนนภากาศ มองท้องฟ้าแล้วก็มองมาที่เถี่ยตั้น ทั้งตื่นเต้นและรอคอย

ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ข้างกายเถี่ยตั้น สายตาของเขาเปล่งประกายวิบวับ เขาต้องการอยู่ที่นี่เพื่อเป็นผู้พิทักษ์ให้กับเถี่ยตั้นด้วยตัวเอง

และเวลานี้เอง ชั้นเมฆบนท้องฟ้าพลันส่งเสียงดังครั่นครืนแล้วหดตัวเข้าหากัน จากนั้นก็มีสายฟ้าสีดำเส้นหนึ่งผ่าเปรี้ยงลงมาบนแท่นบูชายอดเขาสยบธาร

แทบจะวินาทีเดียวกับที่สายฟ้านั่นผ่าลงมา เถี่ยตั้นคำรามแล้วถลาพรวดออกไป ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากค่ายกลรอบด้าน และยิ่งไม่ต้องการการปกป้องจากนักพรตรวมโอสถเหล่านั้น มันบุกขึ้นไปบนนภากาศเพียงลำพัง

ตรงดิ่งเข้าหาสายฟ้า ชั่วขณะที่เข้าไปใกล้ก็ใช้เขาบนศีรษะของมันชนเข้ากับสายฟ้าที่พุ่งเข้ามาหาอย่างแรง

ตูม!

ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น พอสายฟ้าชนโครมเข้ากับเขาบนศีรษะของเถี่ยตั้นก็พลันแตกทลายลงไปทันที กลายร่างมาเป็นเส้นโค้งงอจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายออกไปรอบด้าน เถี่ยตั้นที่อยู่กลางอากาศเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี หลังจากผินตัวก้มลงมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความลำพองใจหนึ่งครั้งจึงคำรามใส่ท้องฟ้าอีกรอบ

ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นท่าทางได้ใจของเถี่ยตั้นก็ไอแห้งๆ หนึ่งที รู้สึกว่าท่าทางของมันเหมือนตัวเองในบางครั้งไม่น้อย ทว่าในใจยังคงตื่นเต้น จึงตะโกนเสียงดังต่อเนื่อง

“ระวังหน่อย หากไม่ไหวจงรีบลงมาทันที ไม่เป็นไร ไม่น่าอายหรอก…”

แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปาก สายฟ้าเส้นที่สองก็ผ่าเปรี้ยงลงมา เถี่ยตั้นพุ่งเข้าชนพร้อมเสียงคำรามอีกครั้ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องไปทั่ว เมื่อสายฟ้าเส้นที่สองพังทลายก็ตามมาด้วยเส้นที่สาม เส้นที่สี่ เส้นที่ห้า

สายฟ้าสามเส้นที่หนาขึ้นทุกเส้นผ่าลงมาอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดฟาดผ่าใส่ร่างของเถี่ยตั้น เถี่ยตั้นคำรามกราดเกรี้ยว สั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่กลับยังคงพุ่งเข้าชนเช่นเดิม

หลังจากที่สายฟ้าสามเส้นนี้แตกสลาย ร่างของมันก็ถูกผ่าจนร่วงดิ่งลงมาตกอยู่ในค่ายกล ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังจะรุดหน้าเข้าไปดู

ทว่าเถี่ยตั้นกลับสูดเอายาที่วางเตรียมไว้ให้มันรอบด้านเข้าปากไปหมดอย่างฉับพลัน ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ เงยหน้าคำรามด้วยความเดือดดาล พริบตานั้นร่างของมันก็…พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปอีกครั้ง

ความรวดเร็วนั้นทำให้เกิดเสียงอากาศระเบิด ขณะเดียวกันมันก็แปลงร่างเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่ง และในรุ้งยาวเส้นนี้ ขาทั้งสี่ของมันได้ระเบิดเปลวเพลิงสีม่วงน่าตะลึงออกมา เมื่อมองไป รุ้งยาวที่เกิดจากการแปลงกายของเถี่ยตั้นก็ราวกับรุ้งไฟที่ตรงเข้าหา…ชั้นเมฆ

มันถึงขนาดคิดจะพุ่งชน…ให้ชั้นเมฆอันเป็นจุดกำเนิดของสายฟ้าแตกทลาย!

ป๋ายเสี่ยวฉุนสำลักลมหายใจ เขาพบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเองแล้ว เรียกได้ว่าเถี่ยตั้นบ้าคลั่งกว่าเยอะมาก

ภาพนี้แม้แต่บุรพาจารย์หลี่จื่อโม่เองก็ยังเบิกตากว้าง ถึงขนาดลุกพรวดขึ้นยืน นักพรตรวมโอสถรอบด้านแต่ละคนต่างก็มองเถี่ยตั้นที่กล้าหาญชาญชัยด้วยสายตาไม่คาดคิด พากันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่

ส่วนนักพรตสี่สายคนอื่นๆ ที่สังเกตการณ์อยู่ในสำนักแล้วมองเห็นภาพนี้ต่างก็ร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ

“นี่…นี่ออกจะแข็งแกร่งเกินไปหน่อยไหม!!”

“สวรรค์ นี่เถี่ยตั้นจะขึ้นไปทำลายเมฆแห่งด่านเคราะห์งั้นหรือ?!”

เวลาเดียวกันนั้น ชั้นเมฆกลิ้งซัดตลบ สายฟ้าเส้นที่หก เส้นที่เจ็ด เส้นที่แปดกำลังก่อตัว ชั่วขณะที่ทุกคนล้วนสูดลมหายใจ ร่างของเถี่ยตั้นก็ชนโครมลงไปบนชั้นเมฆโดยตรง

ตูมๆๆๆ!

ชั้นเมฆแตกทลาย สายฟ้าอันเป็นด่านเคราะห์สามเส้นที่อยู่ในนั้นก็ยิ่งระเบิดตูมออกมากลายเป็นพลังโจมตีซึ่งรุนแรงมากพอทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังสั่นคลอน พลังโจมตีบ้าคลั่งแผ่ครั่นครืนออกไปรอบด้าน

และท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆที่แตกกระจายนั้นร่างของเถี่ยตั้นก็ขยายขนาดใหญ่ประมาณสองร้อยจั้ง เหยียบอยู่บนทะเลไฟสีม่วง กำลังแหงนหน้าแผดเสียงคำรามยาว

ตามหลังเสียงคำรามนั้น ร่างของมันยังคงพองขยายอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีพลังฟ้าดินเข้มข้นที่คล้ายกำลังทำพิธีชำระล้างเรือนกายของมัน ท่ามกลางการขยายตัวและการชำระล้างนี้ พลังอำนาจระลอกหนึ่งที่ทั่วทั้งฟ้าดิน…มีเฉพาะราชันย์แห่งสัตว์เท่านั้นก็ได้ระเบิดตามมาด้วย

ยิ่งนานยิ่งเข้มข้น ยิ่งนานยิ่งรุนแรง ทำเอาทุกคนที่มองดูอยู่ใจสั่นสะท้าน

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งตื่นเต้นไร้คำบรรยาย

สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อปราณราชันย์แห่งสัตว์ระเบิดออก เมื่อพลังฟ้าดินเข้ามารวมตัวกัน เหนือร่างของเถี่ยตั้นก็มียาใน[1]สีม่วงเม็ดหนึ่งกำลังก่อตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว แล้วเขยิบเข้าไปใกล้เถี่ยตั้นที่กำลังคำรามไม่หยุด

ยาสีม่วงเม็ดนั้นส่องประกายแสงระยิบระยับจับตา ทั้งยังมีกลิ่นหอมประหลาดแผ่ออกมา กลิ่นหอมนี้ทำให้ทุกคนที่ได้กลิ่นล้วนจิตใจเบิกบานผ่อนคลาย

ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งตื่นเต้น แม้แต่ลมหายใจก็ยังเริ่มไม่มั่นคง เจ็ดวันก่อนหน้านั้นเขาได้ค้นหาตำรามากมาย ทั้งยังสอบถามบุรพาจารย์หลี่จื่อโม่จนได้รู้ว่าสัตว์รบรวมโอสถไม่มีเคราะห์สายฟ้า มีเพียงราชันย์แห่งสัตว์รวมโอสถเท่านั้นถึงจะเจอเคราะห์สายฟ้า

และหลังจากเคราะห์สายฟ้าผ่านพ้นไป การรวมโอสถระหว่างฟ้าดิน มีเพียงโอสถเม็ดนี้รวมตัวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วถูกเถี่ยตั้นกลืนลงไปเท่านั้น มันถึงจะเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตรวมโอสถได้อย่างแท้จริง ทว่าเวลานี้ต่างหากที่เป็นช่วงเวลาอันตรายมากที่สุด

เพราะโอสถใหญ่ฟ้าดินที่เกิดจากการรวมตัวกันของปราณราชันย์แห่งสัตว์เช่นนี้ ไม่ว่าจะสำหรับนักพรตหรือสำหรับสัตว์ร้ายเองก็ล้วนเป็นที่ดึงดูดอย่างยิ่งยวด นักพรตสามารถใช้โอสถนี้มาแปลงเป็นยาวิเศษเม็ดที่สองของตัวเอง ส่วนสัตว์ร้ายถ้าหากแย่งยานี้ไปได้ก็สามารถวิวัฒนาการสายเลือดของตัวเอง มีความเป็นไปได้มากกว่าจะทำให้ตัวเองกลายมาเป็นราชันย์แห่งสัตว์!

ทว่าขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังรอ้อนใจ และยาสีม่วงเม็ดนั้นเหลืออีกสองส่วนก็จะรวมตัวสำเร็จ ทันใดนั้น…บนท้องฟ้าที่ห่างออกไปไกลพลันมีเสียงคำรามแหบแห้งสะเทือนเลือนลั่นฟ้าดิน…ดังลอยมา!

เสียงคำรามนี้สามารถทะลุทะลวงเหล็กและโลหะ ทิ่มแทงเข้าสู่จิตใจของทุกคนจนเกิดเสียงดังอึงอล

เห็นได้รำไรว่ามีงูบินขนาดหนึ่งพันจั้งตัวหนึ่งบินจากทิศไกลเข้ามาหายาสีม่วงของเถี่ยตั้นอย่างรวดเร็ว เรือนกายของงูบินตัวนี้หนาใหญ่ เต็มไปด้วยความดุร้าย นัยน์ตาเผยความทึมทึบน่าสะพรึงพลัว ขณะเดียวกันก็มี…ปราณของราชันย์แห่งสัตว์ระเบิดโครมครามอยู่บนร่างของมัน!

งูบินตัวนี้ก็เป็นราชันย์แห่งสัตว์ตัวหนึ่งเช่นกัน!!

——

[1] ยาใน (内丹)นักพรตเต๋าเรียกยาที่ใช้พลังชีวิตของตัวเองหลอมออกมาว่า “ยาใน” เรียกยาที่หลอมด้วยโลหะและหินว่า “ยานอก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version