บทที่ 436 รบกับกงซุนหว่านเอ๋อร์
การกดลงไปครั้งนี้ คาถาหันเหมินเลี้ยงความคิดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เคลื่อนโคจรทันที ยาอายุวัฒนะในร่างกายของเขาพลันปล่อยไอความเย็นระดับกลางออกมา ไอความเย็นนี้สามารถบิดเบือนความว่างเปล่า มันพุ่งเข้าหาดอกไม้น้ำแข็งสี่สีที่เข้ามาใกล้ในฉับพลัน
พริบตาเดียวก็ปะทะเข้าด้วยกัน เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นแผ่ออกไปรอบด้าน สามกลีบของดอกไม้น้ำแข็งกลายมาเป็นเถ้าธุลีทันที ทว่ากลีบสุดท้ายกลับขยายใหญ่อีกหลายเท่าคล้ายมีดน้ำแข็งที่แหวกผ่าไอความเย็นของป๋ายเสี่ยวฉุนตรงดิ่งเข้าหาเขา
ความเร็วนั้นทำให้เข้ามาใกล้ในชั่วพริบตาเดียว ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี หลังจากที่ปะทะเข้ากับดอกไม้น้ำแข็งพลังความเย็นระดับกลางของเขาก็ถูกเขมือบกลืนไปเกือบครึ่ง เวลานี้พอมีดน้ำแข็งนั่นเพิ่งจะเข้ามาใกล้ ความเย็นที่มันแผ่ออกมาก็ทำให้เลือดตลอดทั้งร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง ยังดีที่ในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนนอกจากยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าแล้วยังมียาวัชระมิวางวายอยู่ด้วย ซึ่งยานี้กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กระตุ้นพลังกล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุน
วินาทีที่มีดน้ำแข็งนั้นเพิ่งจะเข้ามาใกล้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามเบาๆ หนึ่งครั้ง มือขวากำเป็นหมัดแล้วต่อยโครมไปยังมีดน้ำแข็งที่พุ่งเข้าหา
เสียงกัมปนาทดังสะเทือนฟ้าดิน มีดน้ำแข็งส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ แล้วแตกกระจัดกระจายออกไปรอบด้าน ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง มือขวาสั่นระริกเปรอะไปด้วยเลือดสด แต่เขารู้ว่าตัวเองจะถอยไม่ได้ จึงสะบัดร่างพุ่งเข้าหารูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ เวลาเดียวกันนั้นไอความเย็นก็แผ่ออกปกคลุมไปรอบด้าน ระหว่างที่ก้าวเท้าออกไปป๋ายเสี่ยวฉุนก็อาศัยเงาแห่งความเย็นหายตัวไปด้วยความเร็วเหนือแสง
เมื่อปรากฏตัวก็มาอยู่ข้างกายกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่ใบหน้าไร้อารมณ์แล้ว และเขาก็ยกเท้าซ้ายขึ้นรวบรวมพลังกล้ามเนื้อของเอ็นคงกระพันเหวี่ยงเตะออกไปอย่างแรงดังตูม
ทว่าวินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือนั้น กงซุนหว่านเอ๋อร์กลับไม่แม้แต่จะชายตามอง นางทำเพียงแค่ยกมือซ้ายขึ้นทำมุทราแล้วชี้ไปที่หว่างคิ้ว การชี้ครั้งนี้ทำให้ไอความเย็นที่น่าตกใจยิ่งกว่าก่อนหน้านั้นระเบิดออกมาจากร่างของนางแล้วแผ่กระจายไปรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านที่ใดก็ใช้น้ำแข็งปิดผนึกที่แห่งนั้น เสียงเปรี๊ยะๆๆ ดังลั่นจนฟ้าดินแห่งนี้แทบจะกลายมาเป็นก้อนน้ำแข็งทั้งหมด อีกทั้งด้านหลังรูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ยังมีมือน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์รวมตัวกันขึ้นมาและเอื้อมคว้ามาทางป๋ายเสี่ยวฉุน!
เท้าข้างที่เหวี่ยงเตะออกไปของป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งระเบิดพลังของกล้ามเนื้อออกมาก่อนหน้านี้ทำให้มือใหญ่นั้นแตกทลายลงไปเกินครึ่งพร้อมเสียงกัมปนาทดังกึกก้อง แต่ส่วนที่ไม่แตกทลายกลับยังคงเอื้อมมาคว้าป๋ายเสี่ยวฉุนดังเดิม!
ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกแรงสะเทือนตีกลับจนกระอักเลือดสด ดวงตาของเขาฉายแววดุดัน ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของร่างกายตัวเอง อาศัยเงาแห่งความเย็นหายตัวไปอีกครั้ง
ทว่าเพิ่งจะร่ายเวทออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี สัมผัสได้ว่าเมื่อไอความเย็นของกงซุนหว่านเอ๋อร์แผ่ออกก็ก่อให้เกิดเป็นพลังผนึกระลอกหนึ่งที่ผนึกให้ฟ้าดินถูกตัดขาด แม้แต่เงาแห่งความเย็นของเขาก็ยังถูกผนึกจนเขามิอาจหายตัวได้
เวลาเดียวกันนั้น มือน้ำแข็งที่ไม่พังทลายลงอย่างสมบูรณ์แบบกลับฟื้นตัวคืนมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็กลายมามีขนาดใหญ่เป็นร้อยจั้ง แล้วพุ่งครั่นครืนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
ส่วนรูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังไม่สามารถขยับเข้าไปใกล้ได้แม้แต่นิดเดียว เวลานี้นางยืนอยู่ด้านหลังมือน้ำแข็งและกำลังมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นชา
เห็นว่ามือน้ำแข็งเข้ามาใกล้ ซึ่งก็เพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วลมหายใจมันกลับขยายใหญ่ถึงพันจั้ง ม่านตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็หดตัวลง เขารู้ว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง การต่อสู้ครั้งนี้เขาตกเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตั้งแต่ต้น หากไม่สามารถพลิกกลับสถานการณ์ได้ ศึกครั้งนี้เขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
“สู้กันโดยไอความเย็นหรือ…ข้าก็จะลองสู้กับเจ้าดูสักตั้ง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นห่วงความปลอดภัยของจางต้าพั่ง หากเขาไม่สามารถเอาชนะรูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็จะไม่สามารถเหยียบย่างเข้าไปในสายรุ้งสีม่วงได้ เวลานี้เขาจึงคำรามกร้าวหนึ่งครั้ง สูดลมหายใจเขาลึก ไอความเย็นจากยาอายุวัฒนะในร่างจึงถูกดึงออกมาเป็นจำนวนมากแล้วไหลทะลักไปทั่วร่าง สุดท้ายมารวมกันอยู่บนมือขวาของเขา
ทำให้มือขวาของเขาแทบจะกลายมาเป็นสีน้ำเงินเข้ม แล้วเขาก็กดมันลงไปที่พื้นอย่างแรงหนึ่งครั้ง!
“ภูเขา น้ำแข็ง!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดัง ไอความเย็นระเบิดออกมาจากในร่างโดยตรง หลังจากไหลทะลักทลายเข้าสู่พื้นดินแล้ว ภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งก็พลันก่อตัวขึ้นมาเบื้องหน้าเขา ไอความเย็นที่อยู่รอบด้านก็ยิ่งปิดผนึกทุกอย่างให้กลายมาเป็นน้ำแข็ง
วินาทีที่มือน้ำแข็งเข้ามาใกล้ ภูเขาน้ำแข็งลูกนั้นก็สูงขึ้นมาหลายร้อยจั้ง และปะทะเข้ากับมือน้ำแข็งโดยตรง
“ระเบิด!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาแดงก่ำ ไอความเย็นในร่างถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด เส้นชีพจรของเขาปวดแสบปวดร้อน ร่างกายของเขาแทบจะไม่มีความรู้สึก ไอความเย็นที่สะสมอยู่ในยาอายุวัฒนะแผ่ออกมาครั่นครืน
นี่คือการยอมทุ่มสุดตัวโดยไม่สนค่าตอบแทน นี่คือความทุ่มเทอย่างไม่เสียดายสิ่งใด และนี่ยิ่งเป็นความบ้าคลั่งที่เรียกได้ว่าต่อให้พินาศไปด้วยกันก็ต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้!
ภูเขาน้ำแข็งนั่นขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งสูงถึงหนึ่งพันจั้ง หลังจากที่ปะทะเข้ากับมือน้ำแข็งแล้วก็ก่อให้เกิดเสียงกัมปนาทดังกึกก้องที่สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ
ตูมๆๆ!
มือน้ำแข็งแตกทลาย ภูเขาน้ำแข็งกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ พลังโจมตีระลอกหนึ่งแผ่ตูมตามออกไปรอบด้าน ป๋ายเสี่ยวฉุนโดนผลกระทบก่อนเป็นคนแรก เขากระอักเลือดออกมาและร่างก็ถูกม้วนตลบออกไป ส่วนรูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์…เมื่ออยู่ภายใต้การกระทำที่แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าบ้าระห่ำของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กระทบกระเทือนไปถึงเรือนกายของนาง
นางสั่นเยือกไปตลอดทั้งร่าง ท่ามกลางเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ บนร่างของนางกลับมีรอยปริแตกที่น่าตกใจปรากฏขึ้นมาหนึ่งรอย รอยนี้เริ่มจากหว่างคิ้วไล่ลงมาถึงมุมปาก มองแล้วน่าสยดสยองอย่างมาก
ศึกครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มเปิดฉากเท่านั้น ทว่าการต่อสู้ของคนทั้งสองกลับน่าใจหายใจคว่ำ ทำให้คนด้านนอกที่มองดูอยู่ล้วนเพ่งสมาธิอย่างถึงที่สุด ยิ่งกงซุนหว่านเอ๋อร์เพิ่งจะติดสิบอันดับแรกได้ไม่นานด้วยแล้ว นี่เรียกว่าเป็นช่วงที่มีหน้ามีตาสำหรับนางที่สุด ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีตบะยาอายุวัฒนะช่วงกลางซึ่งถือว่าตกเป็นรองแค่เพียงเล็กน้อย ภาพเหตุการณ์นี้จึงทำให้โลกภายนอกฮือฮากันอย่างยิ่งยวด
“ศึกระหว่างยาอายุวัฒนะช่วงกลางกับยาอายุวัฒนะช่วงท้าย! ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้…ช่างซุกซ่อนความสามารถไว้ได้ลึกล้ำยิ่งนัก!”
“เขาคือไอความเย็น กงซุนหว่านเอ๋อร์ก็คือไอความเย็นเหมือนกัน คนทั้งสองประมือกัน ต่างฝ่ายต่างยากที่จะพิชิตกันได้ ก็คงต้องดูที่ว่าใครมีฝีมือสูงกว่าแล้วล่ะ!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้…จะเดินมาถึงก้าวนี้ได้!”
หรือแม้แต่คนที่อยู่ร้อยอันดับแรกบนกระดานเกียรติคุณอันตมรรคาฟ้าดาราเองก็ตาม พอได้ยินเรื่องนี้แล้วพวกเขาก็ยังพากันแสดงความสนใจ ทุกคนต่างละทิ้งการบำเพ็ญตบะของตัวเองแล้วรีบจับตามองทันที
เพราะอย่างไรซะการต่อสู้ในระดับนี้ก็มีให้เห็นไม่เยอะนักในวันปกติ ซึ่งแม้แต่พวกยอดฝีมือที่อยู่ในสิบอันดับแรกที่มีเพียงไม่กี่คนก็ยังเพ่งสมาธิจับตามองอยู่ในถ้ำของใครของมัน
บนสมรภูมิรบในรุ้งสีคราม ป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหายใจหนักหน่วง เช็ดเลือดออก จ้องไปที่รูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์เขม็ง ปีนั้นตอนที่อยู่สำนักธาราเทพ ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยประมือกับกงซุนหว่านเอ๋อร์มาก่อน ครั้งนั้นอีกฝ่ายก็เคยร่ายไอความเย็นออกมาเช่นกัน เพียงแต่ว่าการต่อสู้กันอีกครั้งในวันนี้ ระดับความเหนือล้ำของไอความเย็นของอีกฝ่ายได้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นอย่างรุนแรง
เขาไม่รู้ว่าไอความเย็นนี้อีกฝ่ายฝึกฝนอย่างไร แต่ไม่ว่านางจะผ่านขั้นตอนการฝึกฝนอย่างไรมา เมื่อดูจากผลลัพธ์ในตอนนี้ก็รู้ได้ว่านางมีฝีมือเหนือกว่าความเย็นระดับกลางของตนไปแล้ว นอกจากนี้ ตบะของคนทั้งสองก็มีความเกี่ยวพันกันสูงมาก เพราะอย่างไรซะตนก็มีตบะเพียงยาอายุวัฒนะช่วงกลาง แม้ว่าจะห่างจากช่วงท้ายอีกแค่เสี้ยวเดียว ทว่าก็ยังคงเป็นช่วงกลางอยู่ดี
ทว่าคลื่นพลังตบะที่รูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ร่ายออกมาในตอนนี้กลับเป็น…รวมโอสถช่วงท้าย!
“ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ศึกครั้งนี้ข้าก็ต้องชนะให้ได้!” นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสงคมกล้า ไอความเย็นของเขาเวลานี้ได้ระเบิดออกมาอย่างเต็มกำลัง
ด้วยการกระทำที่บ้าคลั่งคล้ายต้องการวอดวายกันไปทั้งสองฝ่ายนั้นช่วยให้เขาทำร้ายอีกฝ่ายได้ในที่สุด พลิกเปลี่ยนสถานการณ์จากที่เป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนหน้านี้ และตอนนี้เขาก็ต้องการช่วงชิงโอกาสลงมือก่อน
เขาขยับร่างแล้วกระทืบเท้าซ้ายลงไปบนพื้นอย่างแรง พลังกล้ามเนื้อระเบิดตูมกลายมาเป็นความเร็วถึงขีดสุด ห้อตะบึงเข้าหารูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ ขณะเดียวกันก็ยกมือขวาขึ้นตบถุงเก็บของ ทำให้กระบี่บินหลายเล่มคำรามออกมา กระบี่บินเหล่านี้ล้วนเป็นอาวุธที่ผ่านการหลอมพลังจิตมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่บินออกมาก็ยิ่งมีแสงสีดำเปล่งวาบ ซึ่งนั่นก็คือเขามังกรผกผัน!
เขามังกรผกผันอยู่ตรงกลางและห้อมล้อมไว้ด้วยกระบี่บินเล่มอื่นๆ รวมตัวกันกลายมาเป็นฝนกระบี่ พวกมันหมุนคว้างตัดสลับกันไปมาไม่ต่างจากค่ายกลกระบี่ที่ตรงดิ่งเข้าหารูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนมีมากถึงขีดสุด นิ้วมือทั้งสองของมือขวาก็ได้กางออกและมีแสงสีดำเปล่งประกาย นั่นก็คือตรวนสลายลำคอ!
ทว่าวินาทีที่ค่ายกลกระบี่นั้นเข้ามาใกล้รูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ ดวงตาทั้งคู่ของรูปปั้นกลับทอแสงรุบรู่ แล้วยกมือขวาขึ้นคว้าจับที่ท้ายทอยด้านหลังของตัวเอง จากนั้นจึงกระชากดึงเอา…กระบี่กระดูก…ที่คล้ายกับกระดูกสันหลังท่อนหนึ่งออกมา!!
เมื่อกระบี่กระดูกนี้ปรากฏขึ้นก็ราวกับมีวิญญาณอาฆาตจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมาน ทำให้พื้นที่ตลอดทั้งสายรุ้งสีครามสั่นสะเทือน ทั้งยังทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกได้ถึงวิกฤตความเป็นความตายที่ร้ายแรง
ทุกคนที่อยู่ด้านนอกก็ยิ่งร้องอุทานฮือฮาด้วยความตกใจ
เวลาเดียวกันนั้น มือขวาของรูปปั้นกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ถือกระบี่กระดูกแล้วตวัดฟันไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนรวมไปถึงกระบี่บินจำนวนมากที่เขามาใกล้อย่างไร้ซึ่งความลังเลใด!
การฟาดฟันครั้งนี้คล้ายต้องการฉีกทึ้งความว่างเปล่า ดับทำลายฟ้าดิน เมื่อกระบี่นี้ตวัดลงรอบด้านก็เปลี่ยนมาเป็นสีดำมืดมิด มีเพียงแสงสีขาวของกระดูกกระบี่เท่านั้นที่กลายมาเป็นสีสันเดียวของโลกทั้งใบ
กระบี่บินแต่ละเล่มพลันแตกทลายลงไปในพริบตา แม้แต่เขามังกรผกผันก็ยังยืนหยัดอยู่ได้เพียงครู่เดียว แม้ว่าจะไม่ได้แตกทลาย แต่กลับเกิดรอยร้าวหนึ่งเส้น แล้วถูกม้วนตลบกลับไป กระบี่กระดูกที่อยู่ในมือรูปปั้นคล้ายมีดที่ผ่าลำไผ่ซึ่งพกพาเอาพลังน่าครั่นคร้ามบุกตะลุยเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
“นี่ก็คือท่าไม้ตายของเจ้าหรือ!” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัวลง มือขวาตบลงไปบนถุงเก็บของก็มีแผ่นเกล็ดสีดำแผ่นหนึ่งบินออกมาขัดขวางอยู่เบื้องหน้ากระบี่กระดูกในทันใด เวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกเขาก็ยกมือทั้งคู่ขึ้นอย่างไร้ซึ่งความลังเล แล้วกดแรงๆ ลงไปสองฝั่งข้างกาย นัยน์ฉายแสงแปลกประหลาด ปากก็พ่นประโยคเบาๆ ออกมา
“เขตแดน!”