บทที่ 517 หรือว่าเขาคือคนฟ้า?
ภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของทุกคนที่อยู่ด้านนอก นักพรตนับพันพากันเบิกตากว้าง จิตใจสะท้านไหว ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนก็เผยความกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่ง หัวใจของพวกเขาไม่เป็นสุข แต่พอนึกถึงตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกทันทีเลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้น่าเหลือเชื่ออะไรขนาดนั้น
เพราะอย่างไรซะนั่นก็คือปรมาจารย์ป๋ายเชียวนะ ปรมาจารย์ป๋ายผู้ที่แซงหน้านักพรตก่อกำเนิดทั้งกลุ่มขึ้นไปอยู่อันดับที่สิบของประกาศต้องฆ่าแดนทุรกันดาร!
เพราะวิญญาณพยาบาทที่เขาดับทำลายไปนั้นเรียกได้ว่านับไม่ถ้วน จะบอกว่าเขาคือตัวหายนะสำหรับวิญญาณพยาบาทก็ไม่เกินไปเลยสักนิดเดียว
นักพรตเหล่านี้เลื่อมใสป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่ลืมหูลืมตาอยู่แล้ว ดังนั้นความตกตะลึงในยามนี้จึงถือว่ายังดีหน่อย ทว่าผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าคนนั้น ความตะลึงพรึงเพริดของเขา บัดนี้สูงเทียมฟ้า สะเทือนไปทั่วทั้งโลกในหัวสมองของเขา
“นี่…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!!”
“นั่นมัน…นั่นมันวิญญาณเป็นล้านจนถึงสิบล้านเชียวนะ นี่…นี่…” ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าพูดไม่ออกอีกแล้ว ยิ่งก่อนหน้านี้เขามีประสบการณ์เข้าไปในปากหลุมมากับตัวด้วยแล้ว พอมาเห็นท่วงท่ารับมืออย่างสบายๆ ของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้เอาเสียเลย
ทว่าภาพเหตุการณ์ที่ตามมาติดๆ กลับทำให้ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าหวาดกลัวเข้าไปใหญ่หรืออาจถึงขั้นเรียกได้ว่าจิตใจเกือบจะแหลกสลายด้วยซ้ำเพราะท่ามกลางเสียงร้องคำรามแหบโหยจากวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่ตรงนั้นยกมือขวาขึ้นบีบยารวมวิญญาณอีกหนึ่งเม็ดจนวิญญาณรอบด้านลดน้อยลงไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นเขาก็หยิบยารวมวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง
และป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคอยหยิบเอายารวมวิญญาณออกมาบีบละเอียดในขณะที่เดินหน้าอย่างมาดมั่นอยู่แบบนี้ไม่นานวิญญาณหนึ่งหมื่น สามหมื่น ห้าหมื่น หนึ่งแสน…สองแสน ห้าแสน…เวลาแค่แผล็บเดียว วิญญาณที่มีมากนับล้านตัวก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บเอาไปอย่างง่ายดายเช่นนี้…
หลังจากมองเห็นว่าวิญญาณนับสิบล้านในบริเวณปากหลุมลดหายไปหนึ่งส่วน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็ทำเอาผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าที่อยู่ข้างนอกอ้าปากกว้างมองตาค้าง อึ้งงันไปอย่างสมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะความรู้สึกที่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนช่างผ่อนคลายไม่แยแสสิ่งใด เดินอาดๆ ราวกับเดินอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านของตัวเองก็ยิ่งทำให้ดวงตาของผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าเบิกโพลงจนลูกตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ลมหายใจหอบหนักยุ่งเหยิง
“ก่อกำเนิด บัดซบ คนผู้นี้ต้องเป็นก่อกำเนิดเหล่าไกว้แน่นอน มิฉะนั้นก็ไม่สามารถอธิบายภาพเหตุการณ์นี้ได้เลย!! เขาต้องเป็นก่อกำเนิดเหล่าไกว้แน่ๆ แถมบนร่างยังต้องมีอาวุธยิ่งใหญ่ติดตัวด้วย!!” ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าตัวสั่นเทา กรีดร้องเสียงแหลมอยู่ในใจ พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็พลันรู้สึกว่าทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ร้ายกาจขนาดฆ่ารวมโอสถอย่างง่ายดายเหมือนเล่นสนุก นั่นก็เป็นเพราะคนผู้นี้คือนักพรตก่อกำเนิด!
“เจ้านักพรตทงเทียนสมควรตาย ทั้งๆ ที่มีตบะก่อกำเนิดแต่กลับแสร้งปลอมตัวเป็นรวมโอสถเพื่อรังแกคนอื่น!!” ขณะที่ผู้เฒ่าขมขื่น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เก็บเอาวิญญาณตรงปากหลุมไปได้มากเกินครึ่งแล้ว ในใจของเขาฮึกเหิม อยากจะเก็บเกี่ยวต่อ แต่กลับพบว่ายารวมวิญญาณของตัวเองมีไม่พอแล้ว
เขาจึงรีบบินออกจากหลุมมาหยุดอยู่เบื้องหน้าพวกจ้าวหลง พวกจ้าวหลงมองป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนมองเห็นเทพเจ้า แต่ละคนแสดงความกระตือรือร้นเร่าร้อนอย่างหาอะไรมาเปรียบมิได้
“เอายารวมวิญญาณของพวกเจ้ามาให้ข้ายืมใช้หน่อย กลับไปแล้วข้าจะคืนให้พวกเจ้าเป็นสองเท่า” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดรัวเร็ว คำพูดของเขาดังออกมา นักพรตนับพันนั้นก็รีบหยิบเอายารวมวิญญาณของตัวเองออกมาส่งมอบให้ป๋ายเสี่ยวฉุนทันที
อยู่ๆ ก็ได้ยารวมวิญญาณมามากมายขนาดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงฮึกเหิมถึงขีดสุด หมุนตัวทะยานกลับไปนอกหลุม ไม่นานก็กวาดเอาวิญญาณตรงปากหลุมไปได้หมด ก่อนที่เขาจะเดินหายลงไปในหลุมลึก
พวกจ้าวหลงลังเลเล็กน้อยก่อนจะพากันขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย จนกระทั่งมาหยุดอยู่นอกปากหลุม ตอนที่มองไปถึงได้เห็นเงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในหลุมได้อย่างชัดเจน
การมองครั้งนี้ทำเอาทุกคนตะลึงงัน ที่พวกเขามองเห็นคือนอกจากป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วก็คือพื้นดินขาวซีดน่าสะพรึงกลัว ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่บนพื้นดินนั้นด้วยท่าทางเหมือนกำลังตรวจสอบอะไรบางอย่าง บนใบหน้าของเขาเผยให้เห็นการครุ่นคิดและความตะลึงลานไม่มีที่สิ้นสุด
ภาพนี้ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่พอมองพื้นดินสีขาวนั่นอย่างละเอียดทุกคนก็เริ่มสะท้านไปทั้งจิตวิญญาณ!
“นั่นคือ…”
“สวรรค์นั่นไม่ใช่พื้นดิน…แต่นั่นคือ…” นักพรตนับพันพากันหน้าเปลี่ยนสีทุกคนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ในสมองมีเสียงตูมดังหนึ่งครั้งราวกับหัวจะระเบิด ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่านั่นก็ยิ่งหวีดร้องเสียงแหลมสูง
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!! นี่คือโครงกระดูก?”
เห็นเพียงว่าแท้จริงแล้วหลุมนี้เป็นเพียงแค่ปากทางเข้าแห่งหนึ่งเท่านั้น ในตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่สามารถมองเห็นจุดลึกในหลุมได้ว่าตรงนั้นมีวังใต้ดินขนาดใหญ่ยักษ์อยู่แห่งหนึ่ง!
ความกว้างใหญ่ของวังใต้ดินนี้ยากที่จะหาคำมาพรรณนา แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่พอจะมองออกว่าตรงนั้นมีโครงกระดูกที่น่าพรั่นพรึงอยู่หนึ่งโครง!
ความใหญ่ของโครงกระดูกนี้เกรงว่าคงมีพอหลายแสนจั้ง และเมื่อพวกเขามองตามช่องทางที่ทอดยาวลงไปก็เห็นว่าโครงกระดูกนั้นยังเป็นแค่กระดูกเล็กๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น!
ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้สะท้านสะเทือนรุนแรงยิ่งกว่าคนอื่นๆ หลังจากที่เขาเข้ามาในทางเข้าก็มองเห็นพื้นดินสีขาว และตอนหลังจึงเห็นว่านี่เป็นเพียงแค่กระดูกเล็กๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายถึงได้มองเห็น…กระดูกซีดขาวแสนจั้งชิ้นนั้น!!
นี่ไม่ใช่กระดูกของคน แต่เป็นกระดูกของสัตว์ยักษ์ที่มีรูปร่างเหมือนจระเข้มันทอดยาวอยู่ในวังใต้ดินแห่งนี้กระดูกที่ใหญ่ราวกับยอดเขาทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ในสมองเกิดเสียงดังอึงอล
ขณะเดียวกันท่ามกลางวังใต้ดินที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ก็ยังคงมี…วิญญาณพยาบาทเหลือคณานับ วิญญาณพยาบาทเหล่านี้ไม่ได้มีรูปร่างที่แน่นอน แต่เป็นกลุ่มหมอกควันซึ่งมีสีต่างกัน บางครั้งที่รวมตัวกันขึ้นมาเป็นใบหน้าก็ยังพร่าเลือนมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
ที่ล่องลอยอยู่ในวังใต้ดินโอ่อ่าแห่งนี้ดูจากปริมาณแล้วเกรงว่าคงมีมากถึงร้อยล้านตัว ต่อให้คนฟ้ามาเห็นก็ยังต้องรู้สึกชาหนึบไปทั้งหนังหัว ต้องรู้ว่าหากวิญญาณนับร้อยล้านนี้บุกออกไปหมดและไม่มีวิธีกำราบที่ดีคนฟ้าก็ยังตายตกได้เช่นกัน!
“จระเข้…วิญญาณสัตว์ฟ้าที่ข้าจับได้ดวงนั้น หรือว่าจะเป็น…หรือโครงกระดูกนี้ก็คือเรือนกายของมัน!!” ขณะที่จิตใจสั่นสะเทือนป๋ายเสี่ยวฉุนก็อดคิดเช่นนี้ไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นวิญญาณพวกนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มันตายไปแล้ว หรือว่า…เป็นวิญญาณพวกนี้ที่ฆ่ามัน!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดสายตามองไปยังโครงกระดูกด้วยใจที่ไม่สงบสุข เดาคำตอบไม่ออก แต่เขาก็คาดหวังให้เป็นอย่างแรกมากกว่า
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้รู้สึกว่าด้านในนี้ทะแม่งๆ ชอบกล หรือไม่ความเป็นไปได้ที่จะเป็นข้อหลัง…ก็น่าจะมีมากกว่า
ครู่ใหญ่ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้สงบใจลงได้สำหรับเรื่องที่มิอาจคาดเดาได้เช่นนี้เขาก็ทำได้เพียงฝังกลบไว้ในใจไม่ไปสนใจมัน อีกทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็รู้ชัดเจนดีว่าการดำรงอยู่ของสถานที่แห่งนี้น่าจะซุกซ่อนความลับที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเอาไว้ต่อให้ที่นี่จะมีผนึกปกปิดจนโลกภายนอกมิอาจสัมผัสได้ถึงทุกเรื่องที่ผิดปกติเหล่านี้แต่อย่างไรซะหลุมลึกก็โผล่อยู่ข้างนอกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้เกรงว่าอีกไม่นานที่นี่ก็คงถูกกำแพงเมืองหรือไม่ก็แดนทุรกันดารค้นพบความผิดปกติเมื่อถึงเวลานั้น หากตนคิดจะมาที่นี่อีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
“วิญญาณเหล่านี้ล้วนคือคุณความชอบในการรบ!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเผยประกายสดใส หายใจค้างอยู่ชั่วครู่แล้วก็พลันเดินออกมา ก่อนจะยกมือขวาขึ้นแล้วขว้างยารวมวิญญาณเม็ดแล้วเม็ดเล่าออกไปรอบด้านเสียงดังตูมๆๆ พริบตาเดียวเสียงกัมปนาทก็ดังกึกก้อง ยารวมวิญญาณแต่ละเม็ดพากันระเบิดออก วิญญาณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าแผดเสียงโหยหวนดิ้นรน ก่อนที่แต่ละตัวจะถูกดูดมารวมกันจนกลายเป็นลูกกลมวิญญาณ
ทว่าวิญญาณของที่นี่มีมากเกินไป ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงรุนแรง และที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือแผ่นดินถึงขั้นสั่นไหว โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องของวิญญาณเหล่านั้นก็ยิ่งทำให้จิตวิญญาณของคนที่ได้ยินเกือบจะแตกสลาย
นักพรตนับพันที่อยู่ด้านนอกรวมไปถึงผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าที่ได้ยินเสียงหวีดร้องเหล่านี้ต่างก็ใจสั่นสะท้าน ทั้งยังมีบางคนที่เลือดซึมออกมาจากมุมปาก พากันหวาดผวาพรั่นพรึง เลือกถอยหลังอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยเฉพาะผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าที่เนื่องจากร่างถูกปิดผนึก เวลานี้เมื่อเจอกับเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูก็ถึงกับกระอักเลือดออกมาคำใหญ่หน้าซีดขาวในชั่วพริบตา
“ด้านล่างนั้นมีวิญญาณอยู่มากน้อยแค่ไหนกัน!! สวรรค์เสียงนี้มันคือเสียงร้องของวิญญาณที่เกินหลายสิบล้านแล้วนะ หรือว่าจะมี…จะมีเป็นร้อยล้านตัว!!” ผู้เฒ่ารู้สึกเหลือเชื่อ ต้องรู้ว่าต่อให้เป็นสงครามใหญ่บนสมรภูมิรบ กระแสวิญญาณที่รวมตัวกันมากสุดก็แค่สิบล้านตัว วิญญาณนับร้อยล้านตัวนั้นเขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
พวกจ้าวหลงพันคนก็ตกใจไม่คลาย เป็นห่วงป๋ายเสี่ยวฉุนจนในใจร้อนรนไปหมด ทว่าไม่เปิดเผยออกมาทางสีหน้า แต่ขณะที่ถอยหลังกลับจ้องมองไปที่หลุมลึกตาไม่กะพริบ
ในหลุมลึก ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็หน้าซีดเผือดเหมือนกัน บัดนี้เขาได้ค้นพบประสิทธิภาพอีกอย่างหนึ่งของหน้ากากว่ามันสามารถลดทอนเสียงกรีดร้องของเหล่าวิญญาณให้เบาลง ทำให้ตอนที่ดังเข้าหูเขา คลื่นเสียงถูกตัดทอนไปเยอะมากจนเขาพอจะทนรับได้ไหว
“รวยแล้ว รวยแล้ว!” แม้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะอกสั่นขวัญแขวน แต่ดวงตาของเขากลับเผยความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเก็บเอาลูกกลมวิญญาณลูกแล้วลูกเล่าไป ในใจเขาก็คำนวณคุณความชอบในการรบไปด้วย ความรู้สึกเช่นนั้นเร้าอารมณ์เขาให้คึกคักอย่างยิ่งยวด เมื่อโบกมืออีกครั้ง ยารวมวิญญาณกำใหญ่ก็ถูกขว้างออกไปอย่างต่อเนื่อง
เวลาผันผ่าน ไม่นานหนึ่งวันก็ผ่านพ้นไป ในหนึ่งวันมานี้เสียงคำรามแสบแก้วหูจากในหลุมดังออกมาไม่ขาดระยะ ทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกพากันตึงเครียดไม่เป็นสุข ส่วนผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าก็ยิ่งตัวสั่นเทิ้ม นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเลื่อนลอย ทั้งยังมากด้วยความหวาดกลัวระคนตกตะลึง
“สวรรค์ไอ้หมอนี่มันมีตบะอะไรกันแน่!!”
“เสียงนี้ขนาดอยู่ห่างเท่านี้รวมโอสถได้ยินก็ยังจิตวิญญาณแกว่งไกว หากอยู่ในหลุมลึกนั่นจิตใจก็คงแตกสลายไปแล้ว ต่อให้เป็นก่อกำเนิดก็ไม่มีทางยืนหยัดได้นานขนาดนี้แน่นอน!!”
“ผู้ที่สามารถทำได้ถึงจุดนี้มีเพียง…คนฟ้า!!”
“เขา…เขาคงไม่ใช่…คนฟ้าหรอกนะ?” ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าคิดวุ่นวายไม่หยุด ยิ่งคิดยิ่งหวาดกลัว ยิ่งคิดยิ่งตัวสั่น ก่อนหน้านี้เขายังมีความคิดชั่วร้ายว่าหากตัวเองรอดไปได้จะต้องกลับมาแก้แค้นอีกฝ่ายแน่นอน ทว่าตอนนี้ความคิดนี้กลับหายเกลี้ยงไม่มีหลงเหลืออีกแล้ว
“สวรรค์หากเขาเป็นคนฟ้าจริงๆ ถ้าเช่นนั้นทุกอย่างก็ชัดเจนแล้ว พวกคนฟ้าเหล่าไกว้มักมีนิสัยพิลึกพิลั่น การที่ปลอมตัวเป็นรวมโอสถ…ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…” ผู้ฝึกวิญญาณเฒ่าเข้าใจไปว่าตัวเองคิดถูกแล้ว เวลานี้ความหวาดผวาพรั่นพรึงของเขาจึงทะยานไปถึงขีดสุด