Skip to content

A Will Eternal 561

บทที่ 561 วิญญาณคนฟ้า ผสาน

เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง ลูกธนูวิญญาณไฟระเบิดกลายมาเป็นแรงโจมตีที่แผ่ครืนครั่นออกไปรอบด้านในทันใด ทำให้ทวนยาวสีแดงเล่มนั้นหยุดชะงัก ทว่าแค่หยุดไปครู่เดียวมันก็พุ่งทะยานลอดทะลุลูกธนูวิญญาณไฟ ทำลายล้างทุกอย่างให้พินาศวอดวาย ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง

พริบตาเดียวร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปะทะเข้ากับทวนยาวสีแดง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนไปทั่วทั้งสุสานใต้ดิน ผนังรอบด้านและพื้นดินล้วนปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่กลายเป็นมนุษย์หินสิบจั้งแตกเปรี๊ยะออกทีละชุ่น เสียงปังดังหนึ่งครั้งก็ระเบิดออกเผยให้เห็นเรือนกายของป๋ายเสี่ยวฉุนที่กระอักเลือดอยู่ภายใน

เบื้องหน้าของเขามีหม้อลายกระดองเต่าอยู่หนึ่งใบ ตอนนี้เขาที่หลบอยู่ในหม้อลายกระดองเต่าพ่นเลือดทะลักออกมาจากปากอย่างบ้าคลั่ง ร่างถูกม้วนหอบให้ตลบออกไป แม้ว่าจะยังไม่ตาย ทว่าอวัยวะตันห้าอวัยวะกลวงหกในร่างกลับแตกร้าว กระดูกก็ดี เลือดเนื้อก็ช่าง ทุกอย่างล้วนพังทลาย พลังชีวิตเสื่อมสลายแห้งขอด!!

ขณะที่ร่างถูกพลังมหาศาลนี้พัดตลบออกไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ้มขมขื่น นัยน์ตาเผยความสิ้นหวัง เขารู้ดีว่าเมื่อครู่นี้หากไม่เป็นเพราะมีหม้อกระดองเต่า ตนย่อมตายอย่างมิต้องสงสัย เพราะอย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็เป็นถึงคนฟ้า…

และคลื่นความร้อนจากยาเทพสถิตในร่างของเขาก็เหือดหายไปจนหมดแล้ว ท่ามกลางการดิ้นรน ป๋ายเสี่ยวฉุนหยิบเอายาเทพสถิตออกมาอีกเม็ดแล้วกลืนลงไป

นี่คือยาเม็ดสุดท้ายที่มีอยู่ในถุงเก็บของของเขาแล้ว

หากหลังจากนี้เขายังมีบาดแผลอีก เขาไม่เพียงแต่จะไม่สามารถฟื้นตัวได้ในชั่วเสี้ยววินาที อีกทั้งหากไม่มียาเทพสถิตให้ช่วยในการฟื้นตัวต่อไป เมื่ออยู่ภายใต้การลงมือจากหงเฉินหนวี่ เขาก็ย่อมไร้สิ้นหนทางให้รอดชีวิต

และศึกครั้งนี้ อะไรที่ใช้ได้เขาก็เอาออกมาใช้เกือบหมดแล้ว แต่เมื่อต้องมาเจอกับพลังของคนฟ้า ต่อให้เขาพยายามแค่ไหนก็แทบไร้ผล จิตสังหารที่หงเฉินหนวี่ผู้นี้มีต่อตนรุนแรงเกินกว่าจะบรรยายได้

ไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องที่เขามีวิญญาณคนฟ้าอยู่กับตัว เรื่องที่เขารู้วิธีการใช้วิญญาณคนฟ้า หรือจะเป็นความเกลียดแค้นที่แดนทุรกันดารมีต่อเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็มากพอจะให้หงเฉินหนวี่ปลิดชีพตนอย่างไร้ความลังเล

และถึงแม้ว่าตอนนี้พลังนำส่งจะแผ่ขยายไปทั่วสุสานใต้ดินอย่างรวดเร็ว ทว่าจากการรับสัมผัสของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็รู้ดีว่าหากตนเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่ถึงตอนที่ค่ายกลเปิดใช้อย่างสมบูรณ์แบบ

“ยังไม่ตายอีกรึ!!” หงเฉินหนวี่คลุ้มคลั่ง นางเป็นถึงคนฟ้า แค่ฆ่านักพรตรวมโอสถขั้นสมบูรณ์แบบสักคนหนึ่งที่ถึงแม้นางจะมีเหตุผลส่วนตัว ทว่าการที่ลงมือหลายครั้งติดต่อกันก็ยังสังหารอีกฝ่ายไม่ได้นั้น หากเรื่องนี้แพร่ออกไปต้องทำให้โลกภายนอกครึกโครมอย่างแน่นอน นอกเหนือจากความเหลือเชื่อแล้วเกรงว่ามากกว่านั้นคงเป็นคำหัวเราะเยาะเย้ยที่มีต่อตน

โดยเฉพาะหม้อใบนั้นที่ถึงกับสกัดกั้นทวนยาวสีแดงของตนไว้ได้ นี่ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของหงเฉินหนวี่ลุกเรือง นางเดินออกมาหนึ่งก้าว ลงมือโจมตีหมายปลิดชีพป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง คราวนี้เมื่อนางลงมือ ตบะในร่างก็ซัดพวยพุ่ง อีกทั้งด้านหลังของนางก็ยังมีกายธรรมขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นมา

นั่นคือหัวกะโหลกขนาดมหึมา หัวกะโหลกนี้ก็คือศีรษะของหงเฉินหนวี่เอง ไม่ว่าคนฟ้าจะแสดงกายธรรมหรือไม่ พลังในการต่อสู้ก็ล้วนแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทว่าการร่ายใช้กายธรรมต้องสูญเสียตบะไปมหาศาล โดยทั่วไปแล้วจะร่ายใช้ระหว่างการต่อสู้ทางเวทคาถาของคนฟ้าด้วยกันเท่านั้น แต่ตอนนี้เพื่อสังหารป๋ายเสี่ยวฉุน ด้วยความร้อนใจหงเฉินหนวี่จึงไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว

เมื่อเห็นกายธรรมของหงเฉินหนวี่ที่อยู่ด้านหลัง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หัวเราะขมขื่น ดวงตาทั้งคู่ที่แดงก่ำเผยให้เห็นความบ้าคลั่ง

“ไม่มีหนทางอื่นแล้ว!!”

“ตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้ข้ายืนหยัดได้อีกพักหนึ่ง หรือบางทีอาจจะรอจนค่ายกลนำส่งเปิดใช้จนสามารถหนีพ้นไปจากภัยแห่งความตายครั้งนี้ได้!!”

“แม้ว่าวิธีการเช่นนี้จะบีบให้ข้าเดินไปสู่ทางตัน ทว่าก็น่าจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี่เอาไว้ได้!! สู้ตาย!!” ความบ้าคลั่งในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งดุเดือด หลังจากที่ความคิดเหล่านี้วาบผ่านสมองไปอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

วินาทีที่หงเฉินหนวี่พุ่งเข้ามาสังหาร ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามดังลั่น มือขวาตบลงไปบนถุงเก็บของ ทันใดนั้นกลางฝ่ามือของเขาก็มีกำไลหยกสีฟ้าขาวปรากฏขึ้นมา

วิญญาณคนฟ้าที่อยู่ด้านในกำไลหยกเปล่งประกายแสงพร่างพราว

วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหยิบเอากำไลหยกนี้ออกมา หงเฉินหนวี่ก็พลันหน้าเปลี่ยนสีคล้ายนึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนที่นางจะแผดเสียงเกรี้ยวกราด

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้ากล้ารึ!!” ระหว่างที่พูด หงเฉินหนวี่ก็เพิ่มความเร็วพุ่งทะยานมาพร้อมเสียงดังตูมตาม เงื้อมือขวาขึ้นตบลงไปที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างแรง การตบครั้งนี้ราวกับว่าปราณทุกอย่างในสุสานใต้ดินล้วนถูกหงเฉินหนวี่ดูดเอาไปรวมไว้ที่กลางฝ่ามือจนหมด เมื่อมันตบลงมาก็ประหนึ่งได้รวบรวมฟ้าดินจากแปดทิศมาใช้บดขยี้ป๋ายเสี่ยวฉุน

กายธรรมที่ด้านหลังของนางก็ขึงตาดุดันเช่นกัน เมื่อหงเฉินหนวี่ตบลงมา กายธรรมนี้ก็พร่าเลือนไปในชั่วพริบตาก่อนจะตรงดิ่งเข้ามาหาป๋ายเสี่ยวฉุน!

“หงเฉินหญิงต่ำช้า เจ้าบีบข้าเองนะ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวอย่างชิงชัง วินาทีที่หงเฉินหนวี่เข้ามาใกล้ เขาก็บีบกำไลหยกในมือให้แหลกละเอียดอย่างไม่ลังเล!

ขณะเดียวกันกับที่กำไลหยกนี้แตกกระจาย นาทีที่วิญญาณคนฟ้าลอยออกมา ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เผยการตัดสินใจเด็ดเดี่ยว มือทั้งคู่ทำมุทรารัวเร็ว ปากก็คำรามกร้าว

“วิญญาณคนฟ้า ผสาน!”

แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปาก วิญญาณคนฟ้านั้นก็บินพรวดเข้าหาเขา เมื่อมันผสานรวมเข้าไปตรงหน้าอกของป๋ายเสี่ยวฉุน ฝ่ามือนั้นของหงเฉินหนวี่ก็ตบโครมลงมาที่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนจังๆ ความว่างเปล่าพังทลาย อากาศแตกกระจายไปแปดทิศ ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือด เส้นผมและอาภรณ์ยุ่งเหยิงรุงรัง ใบหน้ายุบยวบบิดเบี้ยว ทั้งยังมองเห็นได้ว่าบัดนี้เลือดเนื้อของเขาถูกกรีดเฉือนออกไปอย่างรวดเร็ว!

ทว่าขณะเดียวกันกลับมีคลื่นที่น่าตะลึงระลอกหนึ่งระเบิดตูมออกมาจากในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน หลังการระเบิดนั้น ร่างของเขาพลันเกิดเป็นเงามายาทับซ้อน พอเงามายานี้ปรากฏขึ้นมันก็แยกร่างออกมาทันที

ราวกับว่า…มีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากในกายป๋ายเสี่ยวฉุน รูปร่างของคนผู้นี้เหมือนป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!!

“ร่างจำแลงของวิญญาณคนฟ้า!” ดวงตาของหงเฉินหนวี่เต็มไปด้วยไอสังหาร เสียงของนางหวีดแหลม

เรือนกายนี้ก็คือร่างจำแลงวิญญาณคนฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุน ร่างจำแลงเพิ่งจะเผยกายกลับมีตบะเหมือนป๋ายเสี่ยวฉุนทั้งหมดจนแทบจะไม่มีความต่างใด หลังจากที่ปรากฏตัวแล้วเขาก็คว้าร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ ก่อนจะขยับเข้าไปบังเบื้องหน้าเรือนกายที่แท้จริงของป๋ายเสี่ยวฉุน ใช้พลังกายของตัวเองมาต้านทานไฟพิโรธจากหงเฉินหนวี่

พริบตาเดียวเลือดเนื้อในร่างจำแลงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันพร่าเลือน แต่กลับกัดฟัน เลือกที่จะถอยหนีไปอย่างรวดเร็วตามร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุน

เวลาเดียวกันนั้น ร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย ในวินาทีที่วิกฤตความตายมาเยือน เมื่ออยู่ภายใต้ไฟโทสะร้อนแผดเผาของหงเฉินหนวี่ เขากลับตบลงไปบนถุงเก็บของอีกครั้ง!

“แม่งเอ๊ย ในเมื่อข้าผู้อาวุโสดูดซับวิญญาณคนฟ้า จะดูดซับดวงเดียวหรือสองดวงก็ไม่ต่างกัน คิดจะเล่นกับข้า นายท่านป๋ายของเจ้าจะเล่นงานให้เจ้าตายไปเลย!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม หยิบเอา…วิญญาณคนฟ้าที่ตู้หลิงเฟยมอบให้ออกมา ก่อนจะตบลงบนหน้าอกของตัวเองอย่างไม่ลังเล แล้วพลันดูดสวบเข้าไปตามวิธีการใช้วิญญาณคนฟ้า!

“เจ้า!! นี่มันเป็นไปไม่ได้!!” ภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นคาตาของหงเฉินหนวี่ นางเบิกตากว้าง ในสมองมีเสียงดังอึงอล ทั้งเหลือเชื่อทั้งคาดไม่ถึง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จินตนาการไม่ได้เลยว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะยังมีวิญญาณคนฟ้าอยู่ในมืออีก!!

“บัดซบ!!” หงเฉินหนวี่ใกล้คลั่งเต็มทีแล้ว เมื่อโบกมือ ฝ่ามือของนางที่หมายจะดับทำลายทุกสรรพสิ่งก็กำลังจะบดขยี้ร่างจริงและร่างจำแลงของป๋ายเสี่ยวฉุนให้พินาศวอดวายไปพร้อมกัน

ทว่าเวลานี้เอง เงามายาทับซ้อนได้เกิดขึ้นบนร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง ขณะที่ร่างจริงและร่างจำแลงน้ำใกล้จะยืนหยัดไม่ไหว เลือดเนื้อจำนวนมากพร่าเลือนเปื้อนเปรอะ อีกทั้งไฟแห่งชีวิตก็กำลังจะมอดดับ ในร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับมีร่างจำแลงที่สอง…พุ่งพรวดออกมา!

นั่นคือร่างจำแลงไฟ!

เมื่อร่างนี้เผยกายก็มาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าร่างจำแลงน้ำโดยตรง ร่างนี้แผดเสียงคำรามหนึ่งครั้ง ใช้ตบะและพลังในการต่อสู้ทั้งหมดของตัวเองมาต้านทานเอาไว้…

เวลาแค่พริบตาเดียวร่างจำแลงไฟก็กระอักเลือดออกมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็กำลังจะถูกลบเลือนไป เลือดและเนื้อของเขาเหวอะหวะ เผยให้เห็นกระดูกที่อยู่ภายใน อีกทั้งกระดูกเหล่านั้นยังแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ ด้วย

ทว่าเมื่อถูกถ่วงเวลาเช่นนี้ ร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงยังคงดำรงอยู่ ไม่ถูกดับสลาย

“ร่างจำแลงสองร่างแล้วอย่างไร ตายซะเถอะ!” หงเฉินหนวี่เกิดความรู้สึกเหมือนถูกหมิ่นเกียรติ การสังหารของนางเพิ่มระดับความยากมากขึ้นทุกขณะจนนางรู้สึกเหลือเชื่อ ทั้งยิ่งมากด้วยความรู้สึกเสียใจ นางนึกไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีวิญญาณคนฟ้าอยู่แล้วถึงสองดวง หากนางรู้ตั้งแต่แรก ต่อให้จะโดนลำแสงสาดส่องจนบาดเจ็บสาหัส นางก็จะต้องทุ่มเทสุดกำลังอย่างในตอนนี้ตั้งแต่เริ่มลงมือ!

แต่ที่ยิ่งทำให้นางคิดไม่ถึงและในสมองถึงขั้นเหมือนมีอสนีบาตก็คือ ภาพเหตุการณ์ต่อมา วินาทีที่ร่างจำแลงทั้งสองต้านทานอย่างสุดกำลัง เพื่อปกป้องร่างจริงของ

ป๋ายเสี่ยวฉุน ภายใต้อาการมองตาค้างของหงเฉินหนวี่ ร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับ…หยิบเอาวิญญาณคนฟ้าอีกหนึ่งดวงที่มีรูปร่างเป็นหยกสีเขียวเหมือนเมล็ดเหอเถาออกมาแล้วตบให้แตกกระจายลงบนหน้าอกของตัวเอง

หลังจากที่วิญญาณคนฟ้าดวงที่สามถูกป๋ายเสี่ยวฉุนดูดซับไป ในร่างของเขาก็พลันมีร่างจำแลงไม้ร่างที่สามเดินพรวดออกมา!

ร่างจำแลงทั้งสามมายืนอออยู่ข้างหน้าและช่วยกันสกัดกั้นฝ่ามือของหงเฉินหนวี่อย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่ทั้งสี่ร่างซึ่งรวมตัวจริงด้วยจะพากันแผดเสียงคำรามสะท้านฟ้า เสียงคำรามนี้แฝงเร้นไว้ด้วยความไม่ยินยอม แต่ที่มากกว่านั้นกลับเป็นการดิ้นรนอย่างไม่ยอมแพ้!

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้หงเฉินหนวี่รู้สึกเหมือนตัวเองจะแตกสลาย ความรู้สึกเหลวไหลไร้สาระอบอวลไปทั่วจิตวิญญาณ อีกทั้งเมื่อมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนก็ราวกับมองเห็นตัวประหลาดตัวหนึ่ง แม้แต่ฝันนางก็ยังคิดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีวิญญาณคนฟ้ามากขนาดนี้!!

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าๆๆ …เจ้ามีวิญญาณคนฟ้ากี่ดวงกันแน่!!” น้ำเสียงของหงเฉินหนวี่หวีดแหลม นางเจ็บใจ เจ็บใจถึงขีดสุด ทั้งยังมากด้วยความเสียใจ เสียใจจนลำไสบิดเขม็งเป็นเกลียวไปหมดแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version